มันดังมาจากห้องที่เปิดโล่งด้านข้างตัวบ้าน...ห้องอาบน้ำไร้หลังคา
นิดาสืบเท้าเข้าไปใกล้ขึ้น ธีร์ดึงแขนเธอไว้ให้ถอย นิดามองหน้าเขา ธีร์ส่ายหน้าน้อยๆ แต่เธอกลับตวัดมือมาจับมือเขาแล้วดึงให้ก้าวไปด้วยกัน
แน่นอนละ เธอและเขารู้ดีว่าเป็นเสียงอะไร ว่าแต่มันเป็นเสียงของใคร นี่ก็ได้เวลานัดหมายแล้ว ทำไมน้ำไม่รักษาเวลา
“ที่รัก ซี้ด เสียวมาก”
เสียงนี้ไม่ใช่เสียงของน้ำ แต่เป็นแจง ในกลุ่มนี้ไม่มีใครเป็นแฟนกัน หรือว่าเพื่อนจะแอบคบกันเกินเพื่อน แล้วเพื่อนคนไหน
“อ๊ะ ซี้ด” เป็นเสียงผู้ชาย เธอยังฟังไม่ออกว่าเสียงใคร
“วันนี้ดุดันจัง โอ้ จะไม่ไหวแล้ว” ฝ่ายหญิงคร่ำครวญ
“นิจ๋า แจงจ๋า ดีจังเลย พี่เสียวมาก”
“ภัทร เมื่อไรจะเลิกนึกถึงน้อง โอ๊ะ ซี้ด ภัทร ภัทร ภัทร โอ้”
“พี่ไม่ไหวแล้วนิ” ภัทรเรียกชื่อสลับระหว่างผู้หญิงสองคนอย่างลืมตัวเช่นทุกครั้ง
นิดาถึงกับตัวแข็งทื่อ มือของเธอเย็นเฉียบและสั่นเทา เธอเผลอบีบมือของธีร์แน่นจนเขาเจ็บ
“แจง เมียจ๋า ไม่ไหวแล้ว อ๊า” เป็นเสียงภัทรชัดเจน
นิดาแทบล้มทั้งยืนกับสิ่งที่ได้รับรู้ด้วยหูของตัวเอง ไม่ต้องเคลือบแคลงคลุมเครือเหมือนฟังมาจากคนอื่น และภาพเมื่อวานตอนบ่ายก็ยิ่งตอกย้ำ ทำไมผู้หญิงปริศนาคนนั้นจะต้องเป็นแจง พี่ที่เธอรักเหมือนพี่สาว พวกเขาสุมหัวกันหลอกเธอมานานแล้ว เห็นเธอเป็นตัวตลกหรืออย่างไร แล้วมันก็อุบาทว์มากที่ภัทรจินตนาการเธอเป็นคู่นอน เธอรู้ว่าบางคนก็นึกถึงคนอื่นขณะกำลังร่วมรัก แต่พอมาได้ยินกับหู มันยากที่จะรับได้ นิดาปล่อยมือธีร์ ยกขึ้นมาปิดหูหลับตาแน่น ธีร์เข้าไปกอดเธอไว้ทั้งตัว พยายามกดหัวให้เธอซบอกเขา อยากจะอุ้มเธอออกไปจากตรงนี้ แต่เธอดันตัวออก แล้วจับมือเขาไว้อย่างเก่า
“พี่น้ำ” นิดาพูดเบาๆ อยู่คนเดียวแล้วกวาดตามองไปรอบๆ ช้าๆ
ธีร์ไม่ได้มองตาม แต่สายตาเขาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าเธอด้วยความเป็นห่วง นิดาเหมือนคนบาดเจ็บอย่างสาหัส ดวงตาของเธอดูอ้างว้าง เธอเจ็บ หลงทาง หาทางออกไม่ได้
“พี่น้ำอยู่ไหน” เธอเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง ยกแขนขึ้นมองนาฬิกา “ถึงเวลานัดแล้ว”
ธีร์มองหน้าเธอด้วยความสงสารจับใจ เขาไม่อยากเห็นเธอเป็นแบบนี้
“พวกเขาเล่นอะไรกัน” นิดาขยับมือเปลี่ยนเป็นสอดนิ้วประสานกับนิ้วเขาแทน ธีร์ยืนนิ่ง ถ่ายทอดความรักผ่านปลายนิ้วที่สัมผัสกัน
นานราวชั่วกัปชั่วกัลป์ที่เธอยืนนิ่ง ตัวชา เสียงในห้องอาบน้ำไร้หลังคาเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง เธอหันมามองหน้าเขา และพูดกับเขาเป็นครั้งแรก
“พี่ธีร์ คนที่นิแคร์ที่สุดคือพี่” ดวงตาของเธอยืนยันถึงถ้อยคำที่พูดออกมา “ไม่ต้องปลอบนะคะ นิไม่อยากร้องไห้” เสียงเธอเจือสะอื้น ไม่มีน้ำตา แต่ภายในเธอเต็มไปด้วยบาดแผล มันไม่ใช่ความรู้สึกของการสูญเสียคนรัก ไม่มีความรู้สึกนั้นสักนิด แต่มันคือการถูกเหยียบย่ำหัวใจ
เขาอยากคว้าตัวเธอเข้ามากอดอีกครั้ง ในขณะที่เธอกำลังเจ็บปวด เธอกลับเป็นห่วงความรู้สึกเขาเป็นอันดับแรก ความรู้สึกของเธอทั้งหมดทั้งมวล ธีร์สัมผัสได้ด้วยหัวใจ เวลาที่คนเสียใจจนถึงที่สุด เสียงปลอบโยนจะทำให้กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เธอยังไม่พร้อมจะร้องไห้ เขากระชับมือเธอเป็นการตอบรับ
“แต่พี่ธีร์อย่าเพิ่งปล่อยนิไว้คนเดียว” เธอพูดต่อ
ยืนห่างกันแค่ปลายจมูก แต่กลับเหมือนห่างไกลสุดหล้า เขาไม่สามารถกอดเธอปลอบขวัญตอนนี้ได้ เธอดูเข้มแข็งเพียงภายนอก เขารู้ดี
“พี่ธีร์พอจะมีเวลาไหมคะ” เป็นคำพูดประโยคแรกของเธอที่ต้องการฟังเสียงจากเขา
“พี่มีเวลาให้นิทั้งชีวิตครับ” เธอรับรู้ถึงความหนักแน่นจริงใจในน้ำเสียงของเขา
“พี่ธีร์ขับรถพานิไปที่จุดนัดพบที่ถ้ำทีนะคะ นิไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีพี่ และตอนนี้นิก็ไม่สามารถอยู่กับใครได้”
“ได้ครับ” ธีร์กระชับมือเธอแน่นขึ้นพร้อมคำพูด ไม่มีประโยชน์ที่จะบอกให้เธอโยนงานที่ตนเองขันอาสาไปให้ใครแล้วกลับไปนอนร้องไห้ นิดาไม่ใช่คนแบบนั้น
เมื่อขึ้นมาอยู่บนรถนิดาก็ส่งข้อความถึงดาวว่าให้ไปพบกันที่จุดหมายปลายทางเลย จากนั้นเธอก็นั่งเงียบมาตลอดทาง
..................
“น้องผู้หญิงคนนั้นเก่งนะครับ” ครูในชุดลูกเสือเอ่ยชมให้ธีร์และดาวฟัง ทั้งสองยืนอยู่ด้านหลังเหล่าลูกเสือ-เนตรนารีที่มีกันร่วมสี่ร้อยคน “น้ำเสียง สำเนียง ลีลา เด็กๆ ชอบ พากันหัวเราะร่วนเลย”
“ขอบคุณนะคะ รู้สึกเป็นเกียรติมากเลยที่ได้รับคำชมจากอาจารย์ น้องนิดาต้องดีใจแน่ๆ” ดาวกล่าวอย่างนอบน้อม
“ครับ เป็นผู้หญิงตัวเล็กนิดเดียว แต่เอาเด็กหลายร้อยคนอยู่ พวกเราก็ขอบคุณเช่นกันครับ พวกคุณทำให้เราประทับใจมาก” เขาพูดในฐานะตัวแทนของครูและลูกเสือ-เนตรนารี แล้วก็ขอแยกตัวไป
“ต้องยกความดีความชอบให้คนเทรนสิคะเนี่ย” ดาวกระเซ้าธีร์
“เขาก็เป็นของเขาแบบนี้แหละครับ แทบไม่ต้องสอน พาไปขายงานไม่เคยพลาดกลับมาเลย เก่ง ฉลาด มีเสน่ห์” ธีร์เอ่ยตามความเป็นจริง ดวงตาไม่ได้มองคู่สนทนาด้วยเลยสักนิด มันจดจ้องอยู่แค่เฉพาะหญิงสาวด้านหน้า
“จริงค่ะ เวลาน้องออกหน้างานกับดาว น้องก็พูดได้น่าฟังมาก คนฟังงี้เคลิ้มเลย บางคนก็มาขอถ่ายรูปด้วยเหมือนรู้จักกัน นั่นดูสิ เด็กๆ หัวเราะอีกแล้ว”