“เปล่าหรอกค่ะ พี่คชาไม่ได้พูดอะไรถึงเรื่องนั้นด้วย แต่พี่คชาอ้างโน่นนี่ให้นิเลื่อนวันกลับ” นิดาอ่านความคิดของธีร์ออก
“แล้วทำไม...” ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของเขาดูไม่ดีเลย
“ตอนนี้เวลาที่โน่นตีสี่เองนะคะ มันเช้าเกินไปสำหรับพี่คชาที่จะโทร.มาหานิ แล้วมันก็ประจวบเหมาะเกินไป” นิดาพูดให้เขาคิดตาม จนในที่สุดเขาก็ต้องยอมรับ
“เอ่อ พี่กะเวลาที่นิน่าจะตื่นให้มันโทร.น่ะ พี่เป็นห่วงนิจริงๆ จึงต้องใช้วิธีนี้ กลัวนิจะไม่ฟังพี่” ในเมื่อพลาดแล้ว เขาก็รีบละล่ำละลักบอก
“ยังไงก็ขอบคุณนะคะ” นิดาพูดต่อ สีหน้าเรียบนิ่ง แล้วถอนหายใจเบาๆ มันยิ่งทำให้ธีร์กังวลว่าเธอจะดึงดันกลับตามแผนเดิม เธอทิ้งช่วงนาน...จนเขาต้องกลั้นหายใจ
“กลับไปเพื่ออะไรล่ะคะ นิไม่พร้อม นิไม่มีแรงจะดื้อหรอกค่ะ รอนิหายก่อนแล้วนิจะกลับมาดื้อใหม่ คราวนี้ละพี่ธีร์ได้ปวดหัวอีกแน่ๆ” หญิงสาวยิ้มจนดวงตากลมโตเมื่อครู่เล็กหยี และจับแก้มของเขากลับ
คำตอบของเธอทำให้เขาเหมือนยกภูเขาออกจากอก จนถึงกับต้องเอาแขนข้างที่จับแก้มเธออยู่บีบศีรษะทุยให้ซบลงมาบนอกเขาอย่างมันเขี้ยวที่เธอแกล้งให้เขาใจหาย
“พี่ใจหายเลย” เขายอมรับ “แกล้งแบบนี้พี่เครียดนะ” เขาต่อว่าแล้วหอมศีรษะเธอรัวๆ กลิ่นแชมพูที่เธอเพิ่งสระผมมาใหม่ๆ อาบเข้าไปในความรู้สึกเขา
“ดีนะที่พี่คชาไม่อยู่ นิไม่ชอบการใช้กำลัง ทุกครั้งที่พี่คชามีเรื่องชกต่อย นิใจคอไม่ดีเลย” นิดาเอ่ยขณะโอบแขนข้างหนึ่งรอบเอวเขาแล้วพากันเดินเข้าไปในบ้าน
“มันทำเพราะเป็นห่วงนินั่นแหละ” ธีร์ออกตัวแทนเพื่อน “แล้วนิเป็นอย่างไรบ้าง ดีขึ้นไหม” เขาถามอย่างห่วงใยเมื่อนิดาเดินไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่หน้าทีวี หยิบรีโมตขึ้นมาเปิดและหาซีรีส์ไปเรื่อยๆ
“ดีขึ้นแล้วค่ะ กินไข่ตุ๋นกับยาแล้ว ไม่ยักรู้ว่าพี่ธีร์ทำไข่ตุ๋นได้ เก่งจัง”
“พี่ไม่เคยทำหรอก สายยูทูบน่ะ พอได้ไหม” เขาถามถึงรสชาติของไข่ตุ๋นอย่างไม่ค่อยมั่นใจ
“อร่อยที่สุดตั้งแต่เคยกินมาเลยค่ะ” สำหรับเธอแล้วอะไรที่เขาทำให้ เธอสัมผัสได้ว่ามันมาจากความตั้งใจและความพยายาม
“ตอนเที่ยงมีโจ๊กปลานะ” เขาบอกพร้อมกับชูถุงโจ๊กให้ดู เธอจึงหันมาชูนิ้วโป้งขึ้นให้เขาทั้งสองข้าง
คนที่แพ้รักแร้ขาวเนียนของเธอถึงกับโอดครวญ “ถ้าไม่ป่วยนี่โดนปล้ำเละไปแล้วนะ” เขาพยักพเยิดไปยังเสื้อกล้ามที่เวลายกแขนขึ้นมาทีเห็นไปถึงไหนๆ
นิดาก้มมองตัวเอง ลืมไปว่าเธอถือวิสาสะเอาเสื้อของเขามาใส่โดยที่ไม่ได้ขอ “อ้อ ขอยืมหน่อยนะคะ ใส่แล้วรู้สึกอุ่นใจดี เหมือนมีป๊ามาคอยกอดปลอบใจ”
นอกจากนิดาจะมีพี่ชายเป็นที่พึ่งทางใจแล้ว ทุกครั้งเวลารู้สึกว้าเหว่ต้องการกำลังใจเธอก็มักจะโทร.หาบิดามารดา ถึงแม้เธอจะขอแยกออกมาอยู่คอนโดฯ แต่คนขี้อ้อนที่ถูกเอาใจมาตั้งแต่เด็กถึงอย่างไรก็ไม่ได้แกร่งกล้าพอที่จะเข้มแข็งได้ทุกเรื่อง
เขารีบเดินเอาโจ๊กไปวางที่ครัวด้านหลัง แล้วกลับมานั่งบนโซฟา ก่อนจะยกตัวเธอขึ้นมานั่งพาดบนตัก เธอขยับตัวเล็กน้อยเพื่อซบอกเขาต่างที่พักพิง ตอนนี้เธอดูเปราะบางมาก ดูไม่ใช่สาวน้อยที่มีความมั่นใจในตัวเองอย่างที่เคยแสดงออก เหตุการณ์ที่เลวร้ายทำให้เธอช็อก และเธอก็ไว้ใจให้เขาเป็นผู้ดูแล ซึ่งเขาสัญญากับตัวเองว่าเขาจะเยียวยาสภาพจิตใจของเธอด้วยหัวใจ
“ของของพี่ก็คือของของนิ ตัวพี่ก็เป็นของนิ หัวใจพี่ด้วย” เขาจูบบนเรือนผมของเธอ ก่อนจะแนบแก้มค้างไว้บนศีรษะ ธีร์สังเกตเห็นว่ามือของหญิงสาวลูบคลำแหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายอยู่ตลอด
“พี่ธีร์คะ”
“หืม”
“นิกลัว...กลัวว่าจะเจอกับเรื่องแบบนี้อีก นินึกภาพไม่ออกว่าตัวเองจะทำอย่างไร” ในใจของนิดายังมีเรื่องค้างคาฝังลึก ถึงแม้เดี๋ยวนี้เรื่องระหว่างธีร์กับผู้หญิงอีกคนจะเงียบๆ ไปแล้ว แต่เธอก็ยังอดกลัวไม่ได้
“มันจะไม่มีวันนั้น พี่รักนิ” เขายกมือซ้ายของเธอขึ้นมาจูบที่แหวนแล้วจับแนบไว้กับอก จากนั้นก็ค่อยๆ เขยิบตัวลงนอนตะแคงข้างโดยมีเธอนอนหงายอยู่บนแขนอีกข้างของเขา
“เดือนกว่า มันเรียกว่าความรักแล้วหรือคะ” นิดาสับสนไปหมด ความศรัทธาเกี่ยวกับความรักของเธอถูกกัดกร่อนจนหญิงสาวไม่วางใจ
“ความรักอาจไม่ต้องใช้เวลาก็ได้ พี่หลงรักเด็กผู้หญิงคนหนึ่งตั้งแต่ได้เห็นหน้า ตอนนั้นเธออยู่ม.สอง ส่วนพี่เรียนวิศวะปีสุดท้าย เธอเป็นน้องสาวของเพื่อนพี่ พี่เข้าไปบอกพี่ชายของเธอว่าชอบน้อง มันก็บอกว่าถ้าชอบก็จีบให้ติด เพราะน้องมันจีบยาก ขี้รำคาญ เอาแต่ใจ แต่พี่ก็ยังไม่มีโอกาสเข้าใกล้ เพราะต้องไปเรียนต่อเมืองนอก พอกลับมาพี่ก็ใช้เส้นสายนิดหน่อยจนได้ไปเป็นอาจารย์สอนเด็กคนนั้น ในที่สุดพี่ก็ยั้งใจไม่ได้ เกือบล่วงเกินเธอ ทำให้เธอหลบหน้าพี่ แต่พี่ก็ไม่ได้ละทิ้งความพยายาม จนกระทั่งมีวันนี้ เรียกว่ารักแรกพบก็ได้ แต่กว่าจะได้เธอมา พี่ใช้เวลาและความพยายามมากเหลือเกิน”