“ตอนเย็นถ้าจะกินอะไรโทร.บอกให้พี่เอาไปส่งก็ได้นะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมมาเองดีกว่า” ที่ตอบแบบนี้เขาไม่ได้เกรงใจสิริแต่อย่างใด แต่คิดว่านิดาคงยังไม่อยากเจอใครไม่อยากพูดกับใครในตอนนี้
“สวัสดีครับ มีดอกไม้มาส่งให้คุณนิดาครับ” พนักงานจากร้านดอกไม้เดินมาหาสิริ เพราะครั้งก่อนสิริก็เป็นคนรับแทน ส่วนชายหนุ่มคนที่ยืนอยู่ด้วยน่าจะเป็นลูกค้า เพราะมีถุงอาหารอยู่ในมือ
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” สิริเซ็นชื่อรับ
“ยินดีให้บริการครับ” คนส่งดอกไม้กล่าวจบก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับไป
“ของใครนะ ช่อใหญ่มากๆ น่าจะเกือบร้อยดอก หอมเชียว” สิริเผลอกล่าวชื่นชมความสวยงามและกลิ่นที่หอมละมุนของดอกกุหลาบตรงหน้าธีร์
ธีร์ตวัดมือคว้าช่อดอกไม้นั้นมาจากมือของสิริ และอ่านการ์ดสีชมพูขอบทองที่ติดมาด้วย
‘รักและรอคอยนิอยู่ทุกลมหายใจ...พี่ภัทร’
“ไอ้เหี้ย!” เขากัดฟัน สบถอย่างอาฆาต สายตาคบกริบเข้มข้นไปด้วยความโกรธ เขาหันหลังเดินไปที่ต้นไม้ ฟาดช่อดอกไม้ใส่ต้นไม้ไม่ยั้งมือ แล้วกระแทกมันลงถังขยะใต้ต้นไม้นั้น จากนั้นก็เดินกลับมาหาสิริที่ยืนมองอยู่ด้วยความตื่นกลัว สิริสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากตัวของธีร์จนเธอเสียวสันหลังวาบ
ทุกคนในที่นั้นพากันงงงัน หยุดมือจากกิจกรรมทุกอย่าง แม้แต่ลูกค้าสองสามโต๊ะก็ยังชะงักมือจากการรับประทานอาหาร
“ทุกคนฟัง ห้าม! ใครรับดอกไม้ที่ส่งมาถึงนิดาเด็ดขาด เอกสารและพัสดุทุกชิ้นของนิดาต้องเอามาให้ผม ไม่ต้องให้นิดา” เขาระเบิดอารมณ์ไปในคำพูด สายตากวาดมองพนักงานทุกคนของรีสอร์ตที่อยู่ในที่นี้ ไม่มีใครรับคำเพราะเอาแต่ก้มหน้าด้วยความกลัว แต่ทุกคนรับทราบและพร้อมปฏิบัติ
“สิริ” เขาหันมามองสิริ
สิริขนลุกซู่ รู้สึกใจคอไม่ดีเพราะเมื่อครู่เธอเป็นคนเซ็นรับช่อดอกไม้ “คะ”
“ฝากไปบอกพวกในออฟฟิศด้วย”
“ค่ะๆๆๆ” สิริละล่ำละลักรับคำตามหลังเขาที่ไม่รอคำตอบรับจากเธอ
เมื่อธีร์เดินไปไกลแล้ว พนักงานคนอื่นๆ ก็เดินมารวมตัวกันตรงเคาน์เตอร์
“ใครส่งมาเหรอพี่สิริ” หนึ่งในพนักงานถาม
“ชื่อภัทร เพื่อนผู้ชายที่มาเมื่อวานนั่นแหละ ได้ยินน้องนิเรียกชื่อนี้ ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า เห็นว่าจองห้องไว้สี่คืน นี่ค้างคืนเดียวก็เช็กเอาต์แล้ว แถมน้องนิไม่สบายด้วย” สิริบอก
“พี่ธีร์น่ากลัวจังเลย” พนักงานอีกคนบอก คนอื่นที่เหลือต่างพยักหน้าเห็นด้วย
“เดี๋ยวขอตัวโทร.บอกพวกที่ออฟฟิศก่อนนะ” สิริขอตัวจากพนักงานคนอื่นๆ แล้วโทร.ไปหาเกวลิน
*********
ธีร์จอดรถหลังบ้านพักของตัวเอง ชายหนุ่มทุบพวงมาลัยรถด้วยความโมโห เมื่อวานเขาต้องสะกดอารมณ์อย่างมากที่จะไม่ไปกระชากไอ้สารเลวจัญไรพวกนั้นมากระทืบ นาทีนั้นแม้แต่ผู้หญิงเขาก็จะไม่ละเว้น เลวระยำกันมาก ไอ้ตัวผู้มาครางชื่อเมียเขาตอนเอากับคนอื่น ส่วนนังผู้หญิงก็ร่านระริก นิดาอาจจะไม่เห็น แต่ธีร์เห็นสายตาของนังนั่น มันดูสาสมใจที่ทำสำเร็จ ธีร์รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นง่อยที่ช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย เขาตัดขาดการติดต่อมันทุกช่องทาง แต่มันก็ยังพยายามจนได้ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“เตรียมตัว...จะบอกอีกที...เดี๋ยวส่งรูปไปให้”
พอวางสายเขาก็ส่งรูปเข้าไลน์ จากนั้นเขาก็นั่งสงบสติอารมณ์อยู่พักใหญ่ แล้วจึงคว้าถุงโจ๊กเดินเข้าไปยังตัวบ้าน
ธีร์เดินพ้นมุมบ้านมาก็ได้ยินเสียงหญิงสาวคุยโทรศัพท์ เห็นเธอนั่งหันหลังให้เขาอยู่บนชิงช้าไม้ เธออาบน้ำแล้ว เพราะเปลี่ยนมาเป็นเสื้อกล้ามตัวใหญ่ที่ทั้งย้วยและเก่าของเขา คลุมทับกางเกงขาสั้นของเธอ ผมมัดหลวมๆ ดูเซอร์ๆ ผิดจากลุคเดิม
“ได้ค่ะ...คิดถึงนะคะ ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ค่ะพี่คชา” นิดาวางสายแล้ววางโทรศัพท์บนชิงช้าซึ่งยังเหลือพื้นที่กว้างสำหรับคนอีกหนึ่งคนนั่งได้สบายๆ หญิงสาวแกว่งเบาๆ ความอบอุ่นจากพี่ชายที่ส่งมาจากแดนไกลทำให้เธอน้ำตาไหล ตั้งแต่เล็กมาแล้วที่เขาคอยปกป้องเธอ ถ้าใครมาแกล้งเธอ คนคนนั้นจะต้องโดนพี่ชายเธอเอาคืน ตั้งแต่เขาเข้ามหาวิทยาลัยและเลือกที่จะอยู่คอนโดฯ ใกล้มหาวิทยาลัยก็ทำให้ไม่ได้เจอหน้ากันทุกวัน แต่เขาก็ยังคอยดูแลเธอไม่เปลี่ยน ถ้ารู้ว่ามีคนมาแกล้ง เขาจะต้องมาจัดการด้วยตัวเองทุกครั้ง นี่ถ้าเขาอยู่ไทย เธอไม่อยากนึกภาพเลยว่าคนพวกนั้นจะต้องเจอกับอะไรบ้าง เธอยกมือปาดน้ำตาแห่งความคิดถึง จากนั้นก็ลุกขึ้น และหันมาเจอเขาพอดี
“อ้าวพี่ธีร์ กลับมาแล้วเหรอคะ”
“สักพักแล้ว คชาโทร.มาเหรอ” เขาพอจะจับใจความได้เล็กน้อย และคิดว่าเป็นพี่ชายของเธอซึ่งตอนนี้อยู่ที่ฝรั่งเศส
“ค่ะ” เธอตอบแล้วมองตาเขา เขาเห็นตาเธอยังแดงอยู่จึงยกมือขึ้นไปจับแก้มแล้วเกลี่ยเบาๆ
“มีอะไรหรือเปล่า”
“ความจริงพี่ธีร์ไม่ต้องโทร.บอกพี่คชา แล้วให้พี่คชารั้งนิไว้ก็ได้” หญิงสาวบอก
เขานิ่งไป “มันพูดแบบนั้นเหรอ” เขาจำต้องสะกดความโกรธไว้ข้างในที่เพื่อนพูดโต้งๆ ออกไปแบบนั้น เขารึอุตส่าห์ให้มันหาเหตุดึงเธอไว้แบบเนียนๆ โดยไม่ต้องพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับหญิงสาว ยิ่งถ้านิดารู้ว่าเขาเป็นคนสั่งให้มันโทร.มา เธอจะยิ่งต่อต้าน ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ