บทที่ 8. ตอน คืนนี้ ข้าจะชดใช้ให้เจ้า
หลิวซืออินไร้บ้าน ไร้ครอบครัว ชีวิตของนางก็เหมือนคนขาดที่พึ่ง ยามนี้คนเดียวที่นางสามารถพึ่งพาได้ก็คือเยี่ยเหวินจ้าว เขาพานางขึ้นรถม้า เดินทางออกมาจากเมืองต้าโจ กลับไปยังท่าเรือ เมืองหนานไห่อีกครั้ง
ระหว่างทางหลิวซืออิน เอาแต่นั่งขดตัว ร้องไห้อยู่เงียบๆในรถม้า ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน เยี่ยเหวินเจ้าปล่อยให้นางอยู่แบบนั้น เขาไม่รู้ว่าจะปลอบโยนนางอย่างไรดี
แผนการเดิมของเยี่ยเหวินจ้าว ก็คือการเดินทางไปยังแคว้นอื่น เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่เรือที่เขาจะอาศัยไปด้วย กำหนดออกเดินทางคืออีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ระหว่างนี้จึงต้องรอ เขาคิดจะหาบ้านเช่าสักหลัง โชคดีคนขับรถม้ารู้จักเจ้าของบ้านเช่าจึงแนะนำให้
"เราจะอยู่ที่นี่กันสักหนึ่งเดือน"
เยี่ยเหวินจ้าวพาหลิวซืออินเข้าบ้าน บ้านหลังนี้ค่อนข้างเล็ก มีห้องนอนห้องเดียว ครัว และชานบ้าน ราคาจึงไม่สูงมาก
"เจ้าปัดกวาดให้ดี ในครัวมีข้าวสารกับเนื้อ เจ้าทำกับข้าวได้เลย ข้าจะไปข้างนอกสักครู่ เดี๋ยวจะกลับมา"
เขาบอกนาง แล้วปล่อยนางไว้ที่บ้านเพียงลำพัง หลิวซืออินจึงจัดการปัดกวาดเช็ดถู จากนั้นก็เข้าครัวทำอาหาร งานพวกนี้นางล้วนเคยทำ จึงไม่ยากลำบากอะไร
เยี่ยเหวินจ้าวหายไปหนึ่งชั่วยาม ก็กลับมาพร้อมข้าวของหลายอย่าง เขาวางทุกอย่างไว้บนโต๊ะ แล้วบอกว่ามันคืออะไรบ้าง
"ข้าซื้อเสื้อผ้าให้เจ้า ข้าไม่รู้เจ้าชอบสีอะไร จึงเอามาทุกสี"
ห่อแรกเป็นเสื้อผ้าสตรี มีหลากสีสัน เนื้อผ้าฝ้ายนุ่มสบาย และรองเท้าอีกสองคู่ ในห่อผ้ายังมีตู้โตว (เสื้อบังทรง) สีชมพูเท่าจำนวนชุด หลิวซืออินรีบเก็บยัดไว้ในผ้า
"ของแบบนี้เจ้าก็รู้จักซื้อด้วยหรือ"
"มิใช่ว่า เจ้าจำเป็นต้องใช้หรือ"
เยี่ยเหวินจ้าวไปซื้อเสื้อผ้า เถ้าแก่เนี้ยร้านขายเสื้อผ้าสตรี แนะนำว่าควรจะมีตู้โตวเท่าจำนวนชุด แล้วถามว่าเขาชอบสีอะไร เขาจึงบอกว่าชอบสีดำ เถ้าแก่เนี้ยส่ายหน้าหยิบสีชมพูมาให้
"ภรรยาเจ้า นางต้องชอบสีชมพูแน่ เจ้าซื้อสีนี้ให้นางเถอะ เอาสีขาวไปสักสองตัวก็ดี"
เยี่ยเหวินจ้าวตกลงเอาตามที่เถ้าแก่เนี้ยแนะนำ เขาเห็นหน้าแดงๆ แววตาขัดเขินของนางในตอนนี้แล้ว รู้สึกว่าเงินที่จ่ายไปคุ้มค่ายิ่ง
"ห่อนี้ก็เป็นของข้าหรือ"
หลิวซืออินเอ่ยถาม ขณะเปิดดูของอีกห่อ
"ห่อนี้เป็นของเรา"
เยี่ยเหวินจ้าวกุมมือนางไว้ หยิบชุดเจ้าสาวสีแดงออกมาจากห่อ ส่งให้นาง
"นี่เจ้าคิดทำอะไร"
นางไม่ยอมรับ ขยับถอยหนี มองชุดเจ้าสาวสีแดง ด้วยสายตาเหมือนมองปีศาจ
"เราจะกราบไหว้ฟ้าดินกัน ข้าซื้อเทียนแดงมงคลมาด้วย"
เยี่ยเหวินจ้าวคิดทำตามประเพณีให้ถูกต้อง เขาเป็นกำพร้า หลิวซืออินก็ไร้บิดามารดา จัดพิธีกันสองคนแบบเรียบง่ายก็เหมาะสมแล้ว
"ไม่ ข้าไม่แต่งกับเจ้า"
นางเอ่ยปฏิเสธหมุนกายหันหลังให้เขา สิ่งเลวร้ายที่เขาทำไว้กับนาง ไม่อาจลบเลือนได้
"เจ้าฟังข้าพูดก่อน อย่าเพิ่งปฏิเสธ"
เยี่ยเหวินจ้าววางชุดลง เดินมาจับไหล่ให้นางหันมามองหน้าเขา
"เจ้าบอกข้าว่า ถูกอาสะใภ้บังคับขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว นั่นจึงไม่ใช่การแต่งงานที่แท้จริง"
"ตอนนี้เจ้าก็บังคับข้า ให้กราบไหว้ฟ้าดินกับเจ้ามิใช่หรือ"
นางก้มหน้าไม่ยอมสบตาเขา สตรีย่อมอยากมีงานวิวาห์ที่งดงาม กับชายที่รักนาง ทว่าสิ่งนั้นเป็นเพียงแค่ความฝัน เมื่อนางกับเขาไม่ได้รักกัน
"ข้าไม่ได้บังคับ แต่จะขอร้องเจ้า แต่งงานกับข้าเถอะ ข้าสัญญาว่าจะดูแลเจ้าชั่วชีวิต"
เขายกมือนางมาจุมพิต แล้ววางบนหน้าอกข้างซ้ายของตน
"ข้าไม่ได้ร่ำรวย ไม่ได้มีชาติตระกูล ไร้บิดามารดา อีกทั้งเคยทำร้ายเจ้ามาก่อน ให้โอกาสข้าได้ชดใช้ให้เจ้า เป็นภรรยาข้าเถอะนะ"
อาจไม่ใข่ถ้อยคำที่หวาน แต่ทุกคำคือความจริงใจที่เยี่ยเหวินจ้าวเอ่ยออกมา
"ข้า... ข้าตกลง"
หลิวซืออินตอบในที่สุด ชีวิตนางไม่เหลือใครอีกแล้ว และไม่มีหนทางใดให้เลือกอีก แต่งกับคนผู้นี้ ให้โอกาสเขาได้ชดใช้ให้นาง อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้
"ขอบคุณ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเสียใจ มาเถอะเรามาช่วยกันแต่งห้องหอ"
เยี่ยเหวินจ้าวรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาขอสตรีแต่งงาน เมื่อนางตอบรับ โลกทั้งใบเหมือนจะสว่างขึ้น หัวใจของเขาพองโตจนคับอก
ห้องนอนถูกตกแต่งด้วยผ้าม่านสีแดง กระดาษเขียนอักษรมงคล บนโต๊ะมีกาสุรามงคล และเทียนแดง
ทั้งสองสวมชุดสีแดง กราบไหว้ฟ้าดินกันอย่างเรียบง่าย เสร็จพิธีก็รินสุรามงคล คล้องแขนดื่มเช่นคู่แต่งงานทั่วไป
"เจ้ารู้หรือไม่ว่า เมื่อเข้าหอแล้ว เหตุใดจึงห้ามเจ้าบ่าวเจ้าสาวออกจากห้อง จนกว่าจะรุ่งเช้า"
เยี่ยเหวินจ้าวชวนนางพูดคุย เขานั่งข้างนางในมือถือกาสุรามงคล รินสุราดอกท้อรสหวานหอม ใส่จอกในมือตนแล้วรินใส่จอกในมือนาง ยกขึ้นจิบช้าๆ ส่งสายตาให้นางดื่มบ้าง หลิวซืออินยกขึ้นดื่ม รสหวานไม่บาดคอทำให้ดื่มง่าย นางยื่นจอกขอเพิ่ม เขารินให้นางและเขาอีกจอก
"ข้าเคยได้ยิน แต่ไม่รู้ความหมาย"
สุรารสดีหวานหอม ทำให้คนดื่มอารมณ์ดี ผ่อนคลายจากเดิม จึงพูดคุยตอบโต้กับเขา
"ข้าก็ไม่รู้ความหมาย รู้เพียงหากเจ้าสาวงดงามเช่นเจ้า ผู้เป็นเจ้าบ่าวเช่นข้า คงไม่อยากออกไปจากห้องตลอดทั้งคืน"
เขายื่นหน้าเข้ามาหา สบตานางในระยะใกล้ ดวงตามองใบหน้าของนาง หัวใจพลันรู้สึกเบิกบาน สตรีนางนี้คือภรรยาของเขาแล้ว นางงดงามเหลือเกิน ความรู้สึกเป็นเจ้าของเกิดขึ้นในใจ
"เจ้าน่าไม่อาย"
นางผลักหน้าเขาออกห่าง แก้มแดงขึ้นมา ยกจอกสุราขึ้นดื่ม แล้วแย่งกาสุรามารินดื่มเอง
"คนน่าไม่อายคนนี้คือสามีเจ้า"
เยี่ยเหวินจ้าวยื่นหน้าเข้ามาหาอีกครั้ง เย้าแหย่เจ้าสาวของเขาเล่น
"เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นสามีข้า เหตุใดข้าถึงไม่รู้ว่าเจ้าชื่ออะไร"
นางกราบไหว้ฟ้าดินกับเขาแล้ว แต่ไม่รู้ชื่อของเจ้าบ่าวตัวเอง ช่างน่าขบขันแต่ก็หัวเราะไม่ออก นางแต่งเป็นสะใภ้ตระกูลใดก็ไม่รู้ ภายหน้ามีบุตรจะใช้แซ่อะไร
"หลิวซืออิน สามีของเจ้าแซ่เยี่ย ชื่อเหวินจ้าว"
เยี่ยเหวินจ้าวเอ่ยนามตัวเองให้นางรู้ เขาจับไหล่นางดึงเข้ามากอดไว้ วางคางบนกระหม่อมของนาง ถอนหายใจอย่างมีความสุข ขณะเอ่ยว่า
"ท่านแม่ข้าบอกว่า บิดาข้าแซ่เยี่ย จึงตั้งชื่อข้าว่า เยี่ยเหวินจ้าว ข้าโตมาไม่เคยเห็นหน้าเขา และไม่คิดจะตามหาว่าเขาอยู่ที่ใด เมื่อท่านแม่ตายท่านลุงรับเลี้ยงข้า ครอบครัวท่านลุงมีบุญคุณกับข้า หยวนจงเหลียงข่มเหงเจ้าสาวของพี่ชายข้า ทำร้ายเขาจนเกือบพิการ ท่านป้าสะใภ้ร้องไห้อ้อนวอนให้ข้าช่วยแก้แค้น ข้าจึงต้องฆ่าหยวนจงเหลียง"
เขาจับมือนางมากุมไว้ ขณะเอ่ยขอโทษ
"ข้าขอโทษเจ้า สิ่งที่ข้าทำกับเจ้ายากจะชดใช้ได้ ขอให้รู้ว่าข้าเสียใจ ข้าไม่หวังให้เจ้าให้อภัยข้า ขอเพียงอย่าเกลียดข้าได้หรือไม่"
ชะตาชีวิตของเขาไม่ต่างจากนาง หลิวซืออินฟังแล้วก็เข้าความรู้สึกของเขา ครอบครัวของท่านอาก็มีบุญคุณกับนาง ทำให้นางยอมทดแทนคุณด้วยการขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวแทนพี่สาว จนถูกเขาฉุดคร่ามา มันคงเป็นชะตากรรมให้นางกับเขาได้พบเจอและต้องอยู่ร่วมกัน
"ข้า... ให้อภัยเจ้า"
คำพูดประโยคนี้ทำให้คนฟังนิ่งงันไป ก่อนจะก้มลงมา ใช้มือประคองใบหน้าของนางให้สบตาเขา ดวงคมคู่นั้นคล้ายมีหยาดน้ำคลออยู่
"ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเสียใจอีก ข้าสัญญา"
เยี่ยเหวินจ้าวให้คำมั่น ขณะก้มลงมาแตะริมฝีปากบนเรียวปากนุ่ม เอนกายพานางนอนลงบนเตียงวิวาห์ กระซิบบอกนางว่า
"คืนนี้ ข้าจะชดใช้ให้เจ้า"
///