บทที่14. ตอน เยี่ยเหวินจ้าว เจ้ามันก็แค่กาฝาก
บ้านเช่าของเยี่ยเหวินจ้าวและหลิวซืออิน อยู่ด้านในตรอกเล็กๆ ค่ำคืนเช่นนี้จึงเงียบสงบยิ่งนัก สองสามีภรรยาเดินจูงมือไหล่อิงซบกัน ภายในใจรรู้สึกสุขสงบยิ่งนัก
บนท้องฟ้าดวงจันทร์ดวงกลมโต ทอแสงลงมาทำให้ไม่มืดมิดจนเกินไป เดินอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงประตูบ้านพักแล้ว
ทันใดนั้นเอง ! คนที่ตามติดมาด้านหลัง ก็รีบวิ่งมาดักหน้า ขวางทั้งสองคนเอาไว้
"พี่เยี่ย ข้าเองซุนเซิง"
ชายผู้นั้นคือซุนเซิง สหายร่วมสำนักประกันภัยของเยี่ย เหวินจ้าว เขากำลังหลบหนีการตามล่าของมือปราบอยู่ จึงหนีมาหาเยี่ยเหวินจ้าว
"เกิดอะไรกับเจ้า เหตุใดถึงมีสภาพเช่นนี้"
เยี่ยเหวินจ้างปล่อยมือหลิวซืออินเข้ามาจับแขนสหาย ร่างกายของได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลหลายรอย เนื้อตัวก็มอมแมมไปหมด
"พาสหายของท่าน เข้าไปคุยในบ้านเถอะเจ้าค่ะ"
หลิวซืออินบอกสามี ตัวนางไปช่วยเปิดประตูและเข้าไปจุดเทียน จากนั้นก็เข้าครัวต้มน้ำชงชา รวมถึงอุ่นซาลาเปาที่เหลือ ยกใส่จานมาวางบนโต๊ะให้ ขณะที่นางเดินออกไป ก็ได้ยินเสียงทั้งสองสนทนากันอย่างเคร่งเครียด
" ไม่รู้ว่าผู้ใดหักหลังพวกเรา แจ้งเบาะแสให้ทางการนำกำลังเข้าล้อมจับ มีคำสั่งให้จับตายพวกเราทุกคนถูกตามล่า หลายคนถูกมือปราบฆ่าตาย มีเพียงข้าหนีรอดมาได้"
ซุนเซิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงคับแค้นใจ เขากับสหายรักกันดุจพี่น้อง ครั้งนี้ล้มตายไปจนสิ้น เหลือเขากับเยี่ยเหวินจ้าวสองคนที่ยังรอด
"เป็นความผิดของข้า พี่น้องต้องมาตายอย่างอนาถเยี่ยงนี้ เพราะช่วยข้าล้างแค้น"
เยี่ยเหวินจ้าวตาแดงก่ำ รู้สึกเสียใจยิ่งนัก เหล่าสหายสำนักคุ้มภัย คบหาร่วมเป็นร่วมตายกับเขามาหลายปี เมื่อรู้ว่าเขาจะไปปล้นขบวนเจ้าสาวของหยวนจงเหลียง ก็เอ่ยปากช่วยเหลือ หลังจากแยกย้ายกันหนี ไม่คิดว่าจะมีจุดจบเช่นนี้
"พวกเราล้วนไม่เสียใจที่ได้ช่วยท่าน แต่ข้าอยากรู้นักว่า ผู้ใดกันแจ้งเบาะแสให้ทางการ หากข้ารู้ว่าเป็นใคร ข้าจะตัดหัวมันแก้แค้นให้พี่น้องของพวกเราเอง"
ซุนเซิงกำหมัดทุบโต๊ะ เขาเป็นชายหนุ่มอายุเพียงสิบเก้า ติดตามสหายข้างบ้านเข้าสำนักคุ้มภัย ได้รับการแนะนำและสอนให้เขาฝึกยุทธ ทุกคนดุจคนในครอบครัวเดียวกับเขา เยี่ยเหวินจ้าวคือคนที่เขาสนิทสนมด้วยมากที่สุด การไปช่วยอีกฝ่ายล้างแค้นล้วนทำด้วยความเต็มใจ จึงไม่โทษว่าเป็นความผิดของผู้ใด
"อีกไม่ช้า ทางการคงตามหาตัวข้าเจอ"
เยี่ยเหวินจ้าวนึกถึงชะตากรรมของเหล่าสหายแล้ว ก็คิดว่าตัวเขาเองคงไม่รอดพ้นจากการตามล่า หากมีแค่ชีวิตเดียวตัวคนเดียว เขาคงไม่หวั่นสิ่งใด แต่ตอนนี้เขามีภรรยาแล้ว จึงเหมือนมีห่วงผูกคอให้ต้องเป็นกังวล
"พี่เยี่ย ท่านต้องรีบหนีไปจากที่นี่ ข้ามีบ้านหลังหนึ่งอยู่ที่ผิงอัน เราไปที่นั่นหลบซ่อนตัวสักพัก รอให้เรื่องซาค่อยหาทางต่อไป"
"ก็ดีเหมือนกัน ข้าว่าเรารีบออกเดินทางคืนนี้เถอะ ชักช้าอาจจะหนีไม่ทัน"
เยี่ยเหวินจ้าวเห็นด้วย ตัวเขายังต้องรอเรือออกจากท่าร่วมเดือน ระหว่างนี้หากหลบซ่อนตัว อาจจะหนีพ้น บ้านนี้ไม่ปลอดภัยอยู่นานไม่ได้
"ซืออิน เจ้าเก็บข้าวของ เราต้องไปจากที่นี่กันแล้ว"
เยี่ยเหวินจ้าวบอกภรรยาสาว หลิวซืออินที่นิ่งฟังเรื่องราวจำต้องทำตาม นางแต่งกับไก่ก็ต้องเป็นเมียไก่ แต่งกับโจรก็เป็นเมียโจรแล้ว จะมีทางเลือกใดอีก
ทั้งสามออกจากบ้านเดินทางด้วยรถม้า หลิวซืออินนั่งด้านในรถ เยี่ยเหวินจ้าวกับซุนเซิงบังคับม้าอยู่ด้านนอก พวกเขาเดินทางออกจากหนานไห่ ระหว่างทางผ่านบ้านของท่านลุง เยี่ยเหวินจ้าวคิดว่า เขาอาจจะไม่ได้กลับมาอีก จึงขอแวะเอ่ยลาสักนิด
"พวกเจ้ารอที่นี่ ข้าจะไปหาท่านลุงสักครู่ เอ่ยลาสองสามคำแล้ว เราจะเดินทางกันต่อ"
เยี่ยเหวินจ้าวให้ซุนเซิงจอดรถห่างจากบ้านท่านลุง ตัวเขาลอบเข้าไปด้านหลังบ้าน อาศัยความคุ้นเคยผ่านทางเข้าไปจนถึงตัวบ้าน เขาเดินไปยังบ้านท่านลุงอย่างเงียบๆ ตั้งใจจะไปคำนับและเอ่ยลาเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อเดินเข้ามาหยุดที่หน้าห้อง ยังไม่ทันจะเคาะประตู ก็ได้ยินเสียงคุ้นหูของป้าสะใภ้และท่านลุงกำลังเถียงกัน จึงค่อยแง้มประตูแอบส่องดู เห็นท่านลุงนอนบนเตียงสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ป้าสะใภ้นั่งบนเก้าอี้จิบน้ำชาท่าทางสบายใจ
"นังสารเลว เจ้าวางอุบายหลอกให้เสี่ยวเหวินไปฆ่าคน ตอนนี้เจ้ายังแจ้งทางการจับเขาอีก"
ท่านลุงตวาดเสียงดัง ด่าทอภรรยาพร้อมกับไอออกมา
"ข้าวางอุบายที่ไหนกัน เยี่ยเหวินจ้าวลงมือฆ่าคนเอง ข้าไม่ได้บังคับเขาทำนี่"
ป้าสะใภ้เอ่ยขึ้นใบหน้ามีรอยเยาะหยัน นางยกถ้วยชาขึ้นจิบ ขณะมองคนบนเตียงด้วยสายตาเกลียดชัง
"รู้หรือไม่ว่า รางวัลนำจับสูงถึงร้อยตำลึง รอแค่เยี่ยเหวินจ้าวถูกจับ เงินก้อนนี้ก็จะเป็นของข้า"
"นังงูพิษ ข้าไม่น่าแต่งเจ้าเป็นภรรยา เจ้าคลอดลูกออกมาสมองเท่าหมู ถูกคนหลอกจนเสียพนันติดหนี้ ถูกทุบตีแบบนั้นก็สมควรแล้ว เจ้ายังปั้นเรื่องโกหก หลอกให้เสี่ยวเหวินไปฆ่าเจ้าหนี้อีก"
ท่านลุงโกรธจนแทบอยากบีบคอภรรยา เขาป่วยลุกไม่ขึ้น จึงทำได้แค่ด่าทอนาง
"เจ้านะสิสมองหมู ลูกตัวเองไม่รัก ไปรักลูกนางจิ้งจอกนั่น อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะ ว่าเจ้าหลงรักนางจิ้งจอกแม่ของเยี่ยเหวินจ้าว นางไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของเจ้า นางก็เหมือนเสี่ยวเฉียน ที่ถูกพ่อแม่ของเจ้าเก็บมาเลี้ยง เจ้าแต่งกับข้าแต่ทุกวันเจ้ายังคิดถึงนาง สักวันเจ้าคงรับนางเป็นอนุ"
นางหลี่เจียนเหมือนทำนบในใจพังทลาย นางโกรธแค้นชิงชังมารดาของเยี่ยเหวินจ้าวมาหลายปี ครั้งนี้นางถือโอกาสระบายความแค้นที่ลูกชายของคนที่นางเกลียดชัง
"ดังนั้นข้าจึงยุยงท่านแม่ ให้ขายนางไปเป็นคนใช้ ข้านี่แหละที่ส่งนางไปจากเจ้า"
"นังสารเลว เป็นเจ้าที่ทำให้เสี่ยวอันต้องจากข้าไป เจ้ามันน่าตายนัก"
หลินเซียวเพิ่งรู้ความจริงเรื่องนี้ เขาเข้าใจมาตลอดว่า เสี่ยวอันหนีออกจากบ้านไปเอง ที่แท้ก็เป็นนางยุยงให้ท่านแม่เขา ขายเสี่ยวอันไป
"สุดท้ายนางจิ้งจอกนั่น ก็หอบลูกกลับมาให้เจ้าช่วยเลี้ยง ทิ้งไอ้เด็กเวรนั่นเป็นหนามคาใจข้ามาหลายปี เจ้าเอาใจใส่มันมากกว่าหลินตง หากข้าไม่กดหัวมันไว้ มันคงได้ดีเกินหน้าลูกชายข้าไปแล้ว"
ความเกลียดชังฉายชัดออกมาจากแววตาและน้ำเสียง เยี่ยเหวินจ้าวกำหมัดแน่น เขารู้ว่าป้าสะใภ้ไม่ชอบเขา แต่ไม่คิดว่านางจะเกลียดชังเขาถึงกับวางแผนให้เขาทำผิด
"ท่านป้า ที่แท้ท่านก็หลอกข้าให้ทำผิด"
เยี่ยเหวินจ้าวทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป เขาผลักประตูเข้าไปในห้อง
"นี่เจ้ามาได้อย่างไร "
นางหลี่เจียนรีบลุกจากเก้าอี้ สีหน้าตกใจเมื่อเห็นเยี่ยเหวินจ้าวปรากฎตัวขึ้น
"เป็นท่านเองสินะ ที่แจ้งเบาะแสทำให้สหายข้าต้องตาย"
"เป็นข้าแล้วอย่างไร เจ้ากล้าทำอะไรข้า"
นางหลี่เจียนทำใจดีสู้เสือ นางไม่เชื่อว่าเยี่ยเหวินจ้าวจะกล้าทำอะไรนาง
เยี่ยเหวินจ้าว เจ้ามันก็แค่กาฝาก !
///