บทที่ 6 ถือกำเนิด

1269 Words
บทที่ 6 ถือกำเนิด หลังจากนั้นไม่นานจันทร์จิราก็พบว่ารอบตัวของเธอกลายเป็นสีขาวอีกครั้ง ก่อนที่ทุกอย่างเบื้องหน้าจะค่อยๆ ปรากฏภาพจนชัดเจนขึ้น ภาพผู้คนมากมายในชุดจีนโบราณเดินกันไปมาทำให้จันทร์จิราอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ นี่เธอยังอยู่ในยุคจีนโบราณอยู่หรือนี่ ข้างกายปรากฏชายชราคนเดิม ผู้นำดวงวิญญาณที่ถูกทำโทษมาพร้อมๆ กับเธอเมื่อครู่นั่นเอง หากแต่เวลานี้ใบหน้าของชายชราบ่งบอกถึงความผ่อนคลายมากกว่าเมื่อครู่อยู่มากทีเดียว แน่ละสิเขาโดนโทษเพียงเล็กน้อยจะต้องทุกข์ร้อนอะไรกัน เธอนี่สิโดนจัดหนักเลยทีเดียว “ที่นี่คือที่ไหนกันเจ้าคะ” แม้จะยังโกรธเคืองอยู่ในใจไม่น้อยแต่จันทร์จิราก็ยังคงปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ และพยายามปรับคำพูดของตนให้สอดคล้องกับสถานการณ์โดยรอบ ออกจะติดขัดไปบ้างแต่ก็ไม่ยากลำบากนัก “ที่นี่คือหนิงอัน” หนิงอัน เอ่อ... มันมีชื่อเมืองนี้อยู่ส่วนไหนของโลกกันนี่ จันทร์จิราได้แต่ถอนหายใจยาวแล้วพยักหน้ารับอย่างขอไปที ผู้นำดวงวิญญาณชี้นิ้วไปที่หญิงท้องแก่ผู้หนึ่ง ใบหน้าของนางงดงามราวภาพวาด ผิวพรรณขาวนวลเปล่งประกายคล้ายไข่มุก ดวงหน้ากลม คิ้วโก่งรับกับดวงตาคม จมูกโด่งแต่พองาม ริมฝีปากบางสีชมพูราวผลอิงเถา ช่างงดงามหาที่ติมิได้จริงๆ “นางชื่อต้วนอวี้หลินเป็นบุตรีคนโตของสกุลต้วน ภรรยาเอกของเสนาบดีหลิวหนิงเต๋อ คุณสมบัติดีและเหมาะสมที่สุด เจ้าจงไปจุติในครรภ์ของนางเถิด” จันทร์จิราเบิกตากว้าง หากให้เธอเกิดในครรภ์สตรีผู้นี้ไม่บอกก็รู้ว่าเธอจะต้องเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของหนิงอันอย่างแน่นอน ที่สำคัญเป็นบุตรีของเสนาบดีย่อมมิยากจนมีกินมีใช้สุขสบายแน่ๆ นี่สิถึงจะเรียกว่าชีวิตนางเอก... “ข้าจะส่งวิญญาณของเจ้าไปเกิดในครรภ์ของนาง พร้อมหรือไม่” จันทร์จิรามิได้เอ่ยสิ่งใดเพียงยกยิ้มอย่างพอใจระคนตื่นเต้นแล้วพยักหน้ารับ ผู้นำดวงวิญญาณร่ายเวทย์รวมจิตวิญญาณของจันทร์จิรา จากร่างโปร่งใสแปรเปลี่ยนเป็นดวงจิตกลมเปล่งประกายสีขาวนวลตา ผู้นำดวงวิญญาณร่ายเวทย์อีกครั้งแล้วส่งดวงจิตของจันทร์จิราไปที่ร่างของต้วนอวี้ หลิน “ฮูหยินระวังเจ้าค่ะ” เสียงสาวใช้ข้างกายต้วนอวี้หลินเอ่ยอย่างตกใจ เมื่อมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งมาชนร่างของต้วนอวี้หลิน นางเซถลาไปชนกับสาวใช้ด้านหลังจนเกือบจะหงายหลัง ผู้นำดวงวิญญาณเบิกตากว้างกับสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า “แย่แล้ว!” ผู้นำดวงวิญญาณพยายามร่ายเวทย์เพื่อดึงดวงจิตของจันทร์จิรากลับมา หากแต่กลับมิทันการเสียแล้ว ดวงจิตของจันทร์จิราที่ถูกส่งออกไปนั้นเดิมทีเป้าหมายคือครรภ์ของต้วนอวี้หลิน หากแต่เพราะนางโดนเด็กหนุ่มชนจนเสียหลักทำให้ดวงจิตของจันทร์จิราพุ่งตรงไปที่ร่างของขอทานหญิงผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ริมทางเดิน “ข้าจะทำเช่นไรดี!” ผู้นำดวงวิญญาณตีอกชกลมอย่างหัวเสีย งานนี้เขาต้องตายแน่ๆ ชั่วชีวิตนี้คงมิสามารถเลื่อนขั้นเป็นเทพชั้นสูงได้อีกแล้ว ดีไม่ดีอาจโดนลงทัณฑ์ให้ไปเกิดเป็นสัตว์โลกอีกด้วย “ไม่ได้ๆ ข้าจะต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ” ห้าปีต่อมา ท่ามกลางแสงจันทร์วันเพ็ญปรากฏร่างของเด็กน้อยหน้าตามอมแมมคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ริมแม่น้ำ เนื้อตัวของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นผง สองมือเล็กๆ ถอดชุดสกปรกมอมแมมของตนเองออกพับวางเคียงข้างกับชามเก่าๆ ใบหนึ่ง สองขาป้อมก้าวลงแม่น้ำสายเล็กที่มีระดับน้ำเพียงเข่าก่อนทิ้งตัวลงแช่น้ำอย่างเหนื่อยล้า ดวงตาหวานหม่นหมองอย่างชัดเจน “เยว่เอ๋อร์” เสียงแหบพร่าดังมาจากทางด้านหลัง เด็กน้อยวัยห้าขวบหันไปตามเสียงเรียกนั้น ใบหน้ากลมป้อมมอมแมมปรากฏดวงตาขุ่นเคืองชัดเจน “ตาเฒ่า! มาหาข้ามีอะไรอีก” “อ่า... เยว่เอ๋อร์ เจ้ายังมิหายโกรธข้าอีกหรือไรกัน” “หึ! หายโกรธอย่างนั้นหรือ ที่ข้าต้องมาเกิดเป็นขอทานแทนคุณหนูผู้งดงาม ความผิดเช่นนี้ให้ข้าหายโกรธท่านง่ายๆ เช่นนั้นหรือ” ใบหน้ากลมของเด็กน้อยยังคงปรากฏร่องรอยของความไม่พอใจอย่างเด่นชัด เป็นเพราะความผิดพลาดของผู้นำดวงวิญญาณผู้นี้ ชีวิตของนางถึงวุ่นวายไม่มีที่สิ้นสุด เดิมทีมารดาของนางมิควรตั้งครรภ์ก็ตั้งครรภ์แต่สุดท้ายก็ตายจากไปตอนนางได้สามขวบ ชีวิตขอทานน้อยไร้ที่พึ่งเช่นนั้นคงตายตามมารดาไปแล้วหากตาเฒ่านี่ไม่คืนความทรงจำให้แก่นาง ด้วยความสามารถของนางในอดีตแม้ร่างกายจะยังเป็นเพียงเด็กสามขวบก็พอดิ้นรนเอาตัวรอดมาได้ หากแต่ก็ยังคงไม่พ้นการใช้ชีวิตแบบขอทานอยู่ดี “อ่า... ข้าก็คืนความทรงจำให้เจ้าแล้วอย่างไรเล่า” “อย่างนั้นรึ! ข้าควรคุกเข่าขอบคุณท่านหรือไม่” ผู้นำดวงวิญญาณถอนหายใจยาว เขาเองก็รู้สึกผิดกับเรื่องนี้ไม่น้อย เดิมทีมารดาของนางมิควรตั้งครรภ์หากแต่เพราะเขาส่งดวงจิตของนางเข้าไปในร่างของมารดานาง สุดท้ายนางจึงตั้งครรภ์โดยไร้บิดาของเด็กในท้อง ด้วยร่างกายที่อ่อนแอหลังคลอดนางมาเพียงสามปีมารดาของนางก็หมดอายุขัยไป เขาจึงจำต้องคืนความจำให้แก่นางเพราะหากนางตายไปแล้วดวงวิญญาณเข้าสู่วัฏสงสารอีกครั้ง ความผิดของเขาครั้งนี้คงถูกเปิดเผยและสวรรค์คงมิให้อภัยเป็นแน่ “เจ้าก็อดทนอีกหน่อย ข้ากำลังหาทางช่วยเจ้าอยู่อย่างไรเล่า” จันทร์จิราที่ตอนนี้มีนามว่าเยว่เอ๋อร์ถอนหายใจยาวก่อนหันมาตั้งหน้าตั้งตาอาบน้ำล้างคราบสกปรกที่ติดตัว ทุกเช้านางต้องไปหาขี้เถ้ามาทาตามเนื้อตัวเพื่อให้ดูมอมแมมน่าสงสารเดินทางไปนั่งที่หน้าศาลเจ้าแล้วขอทานประทังชีวิต แม้ที่ศาลเจ้าจะมีผู้คนสัญจรไม่มากหากแต่ก็ดีกว่าไปนั่งในตัวเมืองที่มีขอทานเกเรมากมายคอยรังแกขอทานที่อ่อนแอกว่า ที่สำคัญหากวันไหนมีคนมาไหว้เจ้าที่ศาลนางก็จะได้กินของดีๆ ไปด้วย ชีวิตสองปีที่ผ่านมาของนางจึงรอดมาได้ หลังจัดการทำความสะอาดร่างกายเสร็จร่างเล็กก็หันไปหยิบชุดสะอาดอีกตัวมาสวมใส่พร้อมหอบหิ้วชุดทำงานมอมแมมและอุปกรณ์ของนางไปด้วย แน่นอนที่นอนของนางก็คือหลังศาลเจ้าเช่นกัน ด้วยความที่เป็นเด็กตัวเล็กๆ ผู้ดูแลศาลเจ้าจึงทำห้องลับเล็กๆ หลังศาลเจ้าให้นางได้ใช้หลบลมหลบฝน ร่างเล็กทิ้งตัวลงบนฟูกเก่าๆ ที่นางไปเก็บมาจากกองขยะนำไปซักแล้วจัดการซ่อมแซมจนสามารถนำมาใช้นอนได้ ดวงตาปิดลงอย่างอ่อนล้าเพื่อรอเริ่มต้นใหม่ในวันพรุ่งนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD