3

1264 Words
“ผมต้องขอโทษอาแดนด้วยนะครับที่พูดออกไปอย่างนั้น ผมไม่มี เจตนาจะดูหมิ่นดูแคลนบ้านและฐานะของอาแดนเลยครับ มันเป็นเพียงการโต้เถียงระหว่างผมกับเอินเท่านั้นครับ ผมไม่ได้คิดอย่างที่พูดเลย บ้านหลังนี้ แม้ว่าจะเล็ก เฟอร์นิเจอร์อาจจะไม่ทันสมัย เน้นไปทางของเก่าของโบราณ ผมว่ามันก็ดูคลาสสิกไปอีกแบบ ผมจะไม่ติความชอบของแต่ละบุคคลครับ ผมหวังว่าคุณอาจะเข้าใจผมนะครับ” สิงหาพนมมือไหว้และกล่าวคำขอโทษผู้สูงวัยตรงหน้า เขาไม่ได้ มีเจตนาจะดูถูกบ้านของเกษมศักดิ์อย่างที่โต้เถียงกับธัญชนกเลย บ้านหลังนี้มีของตกแต่งบ้านหลายอย่างที่เขาไม่เคยเห็น มันดูมีเสน่ห์ในตัวเอง มีคุณค่าในการสะสม ต่างกับของตกแต่งบ้านในสมัยนี้ที่เน้นความหรูหราราคาแพง แต่บางชิ้นบางอย่างหาคุณค่าในตัวของมันไม่ได้ “อาดีใจครับที่คุณสิงหาไม่รังเกียจบ้านของอา อาว่าคุณสิงหาขึ้นไปพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวอาจะพาไปเอง ส่วนกระเป๋า อาให้เด็กยกขึ้นไปที่ห้องแล้วครับ” เจ้าของบ้านแสนดีเดินนำหน้าแขกผู้มีเกียรติขึ้นไปยังชั้นบน ตรงไปที่ห้องพักที่เขาจัดเตรียมไว้ต้อนรับสิงหา ห้องที่ว่านั้นอยู่ติดกับห้องของ ธัญชนก สิงหาไม่ได้พักผ่อนอย่างที่เกษมศักดิ์คิด เขาหยิบแบบแปลนเรือนหอของกฤตยศกับธัญชนกมากางบนเตียง หยิบสมุดเล่มหนึ่งเปิดออก ในสมุดนั้นคือรายชื่อเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งบ้านราคาแพงที่กฤตยศต้องการให้ มันอยู่ในเรือนหอ มูลค่าของบ้านรวมทั้งราคาของเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดไม่ต่ำกว่าห้าสิบล้าน ชีวิตคู่ที่ดูท่าจะลุ่มๆ ดอนๆ ไม่จีรังของว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาว ทำให้เขานึกเสียดายเงินที่ทุ่มลงไปในเรือนหอหลังนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าการ หย่าร้างต้องเกิดขึ้นแน่นอน ธัญชนกไม่มีอะไรที่เข้ากับกฤตยศได้เลย เอาแต่ใจ แรงและปากกล้าด้วยกันทั้งคู่ อยู่ด้วยกันมีหวังเรือนหอถล่มแน่ คิดไปคิดมาคำพูดของธัญชนกก็น่าสนใจไม่น้อย จะปลูกทำไมเรือนหอ ปลูกกระต๊อบดีกว่า พอเลิกกันก็รื้อทิ้ง ไม่ต้องเสียดาย ไม่ต้องเสียเงินมาก เขานั่งดูแบบบ้านและทำงานไปเรื่อยๆ หลงลืมเวลาที่เดินอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงรถยนต์แล่นมาจอดที่หน้าบ้าน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารถคันดังกล่าวเป็นของใคร เพราะเวลานี้นาฬิกาบอกเวลา 01.15 นาที เป็นเวลากลับบ้านของธัญชนกตามที่เกษมศักดิ์ได้บอกกับเขาไว้ ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงเดินตรงไปที่ประตูห้อง ก่อนจะเปิดมันออกกว้าง ตั้งใจว่าจะเดินลงไปดูว่าที่เจ้าสาวของญาติหนุ่มเสียหน่อย กำลังจะก้าวเท้าเดินออกไป ร่างที่หมดสติของธัญชนกก็ถูกอุ้มขึ้นมาด้วยชายร่างสูง ซึ่งเขารู้ดี ว่าคือใคร พีรศักดิ์เป็นหลานชายของนิรมล ภรรยาของเกษมศักดิ์ที่เสียไปตั้งแต่ธัญชนกและธ*****ยยังเล็ก กลิ่นสุราที่โชยคลุ้งเข้ามาในจมูก สภาพ เมามายไม่ได้สติของเธอ ทำให้เขาคิดถึงตัวละครสำคัญในละครเรื่องหนึ่งขึ้นมาทันที “ลำยองชัดๆ” สิงหาพูดเบาๆ ก่อนจะปิดประตูห้องนอนลงเมื่อร่างของธัญชนกถูกพาเข้าไปในห้องนอนของเธอ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ผู้หญิงที่เขาเห็นเมื่อกี้คือว่าที่เจ้าสาวของกฤตยศ เห็นแล้วระอาจิต กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะบอกเรื่องนี้กับญาติหนุ่มดีหรือไม่ “ใครมันมาทำอะไรตอนนี้เนี่ย หนวกหู คนจะหลับจะนอน” ธัญชนกตะโกนพูดออกมาด้วยความรำคาญและหงุดหงิดเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างลอยกระทบเข้ามาในหูขัดจังหวะการนอนของเธอ หมอนหนุนศีรษะจึงเป็นอุปกรณ์ปิดกั้นเสียงไม่ให้ไหลเข้ามาในหู แต่ดูท่ามันจะไม่ได้ผล เนื่องจากเสียงของรถยนต์ เสียงของคนหลายคน เสียงของวัตถุบางอย่างที่กระทบกับพื้นยังดังเข้ามาในหูของเธออย่างต่อเนื่อง หญิงสาวลุกขึ้นนั่ง ปาหมอนลงไปบนที่นอนอย่างแรง คล้ายจะระบายอารมณ์ฉุนเฉียว “ทนไม่ไหวแล้วนะ คนจะหลับจะนอนไม่เกรงใจกันบ้างเลย” พูดจบก็ก้าวเท้าไปยืนที่ริมหน้าต่าง มองดูต้นเสียงที่ดังไม่เกรงอกเกรงใจชาวบ้าน พอรู้ที่มาของเสียงเท่านั้น ดวงหน้างามสะบัดหนีภาพบาดใจนั้นทันที เดินลงส้นมานั่งริมเตียง มือเล็กกำเข้าหากันแน่น ก่อนจะทุบลงบนที่นอนเพื่อระบายอารมณ์ของตัวเอง ยิ่งใกล้วันแต่งงานมากเท่าไหร่ เธอมีอาการเหมือนคนบ้าขึ้นไปทุกที “สาธุ ขอให้ไอ้คุณกฤตบ้าบอมันรถชนตาย ไม้จิ้มฟันแทงคอ ลื่นล้มหัวแตก น้ำติดคอตายก่อนวันแต่งงานด้วยเถิด สาธุ สาธุ” ธัญชนกยกมือท่วมหัว แช่งชักหักกระดูกว่าที่เจ้าบ่าว ไม่ใช่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทำ หญิงสาวสาปส่งกฤตยศมาตลอดตั้งแต่ตกปากรับคำบิดาในวันนั้น หวังว่าสักวันหนึ่งคำแช่งของเธอจะเป็นผล เมื่อเสร็จสิ้นกิจวัตรที่ทำทุกเช้าเรียบร้อยแล้ว ธัญชนกเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที หลังจากอาบน้ำชำระล้างร่างกาย แต่งตัวในชุดลำลองแบบสบายๆ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เพื่อไปรับประทานอาหารเช้าดั่งเช่นทุกวัน “ลงมาแล้วเหรอลูก คุณสิงหาเขาคอยทานข้าวเช้าอยู่ พ่อกะว่าถ้าเอินยังไม่ลงมา พ่อจะให้นุ่มขึ้นไปตาม” ธัญชนกเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหารด้วยใบหน้าที่งอง้ำ กระแทกตัวลงนั่งบนเก้าอี้ประจำของเธอ “ถ้าเอินรู้ว่ามีคนอื่นมานั่งร่วมโต๊ะด้วย ไปนั่งกินกับไอ้ด่างหน้าบ้านดีกว่า” สิงหาตวัดสายตามองสาวหน้าหวานทันที ไม่คิดเลยว่าธัญชนกจะเห็นสุนัขที่นอนอยู่หน้าบ้านดีกว่าเขา เปรียบเทียบได้เจ็บปวดมาก “คุณเอินอยากทานข้าวกับไอ้ด่างก็ไม่บอก ผมจะได้บอกให้นุ่มเขาคลุกข้าวใส่กะละมัง แล้วเอาไปวางให้คุณเอินที่หน้าบ้าน จะได้กินข้าวจานเดียวกับไอ้ด่าง สมใจคุณเอินไงครับ” สิงหาตอกกลับธัญชนกชนิดที่เรียกว่าอีกฝ่ายถึงกับผงะ ธัญชนกอยากจะเอาปลายช้อนจิ้มตาแสนยโสคู่นั้นยิ่งนัก ปากจัดไม่แพ้ผู้หญิงเลย ต่อปากต่อคำเก่งจริงๆ “ฉันยอมกินข้าวกับไอ้ด่างดีกว่ากินข้าวร่วมโต๊ะกับนาย เห็นแล้วกินข้าวไม่ลง มันอยากจะอ้วก” “จะอ้วกเลยเหรอครับ แหม แต่ผมว่าที่อยากจะอ้วกเพราะไม่ได้เหม็นหน้าผมหรอกครับ เพราะเหตุผลอื่นมากกว่า” เขายิ้มหยันเวลาที่พูด รอยยิ้มของเขานำพาความไม่พอใจมาให้ ธัญชนก เธอไม่ชอบรอยยิ้มของสิงหาเลย มันดูเยาะเย้ยถากถางยังไงพิกล แล้วยิ่งคำพูดแฝงความหมายท้ายประโยคนั่นอีก มันยิ่งทำให้หญิงสาวอยากรู้ว่า เหตุผลที่เขาคิดไว้นั้นคืออะไร “เหตุผลอะไร?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD