‘มาสิ...มาเป็นผู้หญิงของฉัน’
ฝ่ามือภายใต้ถุงมือหนังสีเข้มกำกระชับรับมือฉันที่ส่งไปอย่างนุ่มนวล แต่ก็ใช่ว่าสายตาและความสนใจจะถูกส่งไปยังเขาแค่เพียงจุดเดียวหรอกนะ เมื่อ JOKER พยายามดึงตัวให้เข้าไปหา ฉันกลับรั้งตัวต้านแรงดังกล่าวเอาไว้โดยไม่ลืมตั้งข้อเสนอ
“ก่อนจะเริ่มทำเรื่องบ้าๆ นายควรจัดการกับเกรซก่อน”
คนฟังเหลือบตามองต่ำไปยังร่างบางของหญิงสาวอีกคน ก่อนจะยอมปล่อยมือฉันออกแล้วพึมพำออกมา
“นอกจากเสียงหัวเราะไม่น่าพิสมัยแล้ว...เรื่องยังเยอะอีกนะคุณผู้หญิง”
“บ่นอะไร?” ฉันถาม แต่เขากลับยักไหล่ยียวนแทนคำตอบแล้วย่อตัวลงประคองตัวเกรซขึ้นสู่อ้อมอก ตอนนั้นเองที่ฉันได้โอกาสพูดขึ้นอีกครั้ง “คราวหน้าเรียกฉันว่าสวย...”
JOKER ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่ท่ามกลางแสงสว่างอันน้อยนิดฉันกลับเห็นรอยยิ้มบนหน้าเขาได้ชัด มันไม่ใช่แค่รอยแต้มลิปสติกสีแดงที่ลากยาวถึงใบหู แต่เป็นริมฝีปากเขาซึ่งกำลังยกยิ้มคล้ายกับพอใจ...
“พี่ตี๋! ผมเจอตัวพี่เขาแล้ว!”
เสียงโวยวายของเด็กรุ่นน้องต่างคณะดังขึ้น เมื่อเขาเดินมาพบเข้ากับร่างของเกรซนอนเหยียดยาวอยู่บริเวณบ่อน้ำข้างหอพัก
“มาอยู่ตรงนี้ได้ไง ก่อนหน้านี้เดินผ่านตั้งหลายรอบทำไมไม่เห็นวะ?”
“อย่างน้อยเราก็เจอตัวพี่เขาแล้ว พาไปห้องพยาบาลกันเถอะพี่”
“เดี๋ยว...” พี่ตี๋ก้มมองใบหน้าของเกรซก่อนใช้ปลายนิ้วลูบบนแก้มเธอ เขามองบางอย่างที่ปลายนิ้วตัวเอง ก่อนกวาดสายตามองไปรอบตัวคล้ายกับกำลังมองหาใคร ส่วนปากก็พูด “พาน้องเขาไปห้องพยาบาลก่อนเลย เดี๋ยวคุยกับตำรวจเสร็จ จะตามไป”
“ได้พี่...” ฉันแอบลอบมองกลุ่มรุ่นน้องนักศึกษาช่วยกันพาตัวเกรซออกจากหน้าหอ ยืนมองพี่ตี๋จนเขายอมเดินออห่างจากบ่อน้ำไป ตอนนั้นเองที่มีเสียงหนึ่งพูดขึ้นแบบไม่ได้เป็นกังวลหรือเป็นทุกข์เป็นร้อน
“โอ๊ะะ! กระต่ายขูดมะพร้าว! เผลอทำหน้าติดแก้มคุณผู้หญิงท่านนั้นเสียได้” มิหนำซ้ำยังพูดจาติดตลก
“นายเคยเป็นทุกข์เป็นร้อนอะไรบ้างไหม?” ฟังแล้วมันก็อดถามไม่ได้
“แล้วเธอเคยเห็นน้ำตาตัวตลกหรือไง?” JOKER ดูไม่ใส่ใจ ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง แม้ว่าเขาจะรู้ตัวว่าทั้งตำรวจและนักศึกษาจากชมรมเรื่องลี้ลับกำลังต้องการตัวเขาอยู่
เมื่อทางสะดวก JOKER ก็เริ่มเคลื่อนไหว เขาลุกขึ้นยืนหลังจากเราทั้งคู่หมอบหลบอยู่อีกฝากของบ่อน้ำมาเป็นระยะเวลานาน แถมปากยังพูดเหมือนสอน
“จริงจังไปเสียทุกเรื่อง ระวังจะเครียดตาย”
“ไม่ต้องมาสอน” ฉันเองก็ลุกตามเขาไปแบบติดๆ
“ไม่ได้สอน ผู้หญิงของฉันต้อง No Serious OK?...” ฉันกลอกตาอย่างนึกเอือมระอาที่เขายังเอาแต่พูดเล่นไม่ได้เกรงกลัวต่อผลจากการกระทำของตัวเอง แต่เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวถึงได้หลุดขำพลางกล่าวไปด้วย “ก็แค่อยากให้เธอยิ้ม...”
แค่อยากให้ยิ้มเหรอ...
JOKER ไม่ได้หันกลับมามองฉันเลย เขาเดินไปยังที่ที่อยากไปแบบไม่กลัวว่าใครจะผ่านมาเห็น พร้อมกันนั้นความมหัศจรรย์ก็ได้ปรากฏขึ้นตรงหน้า เมื่อคนตัวสูงชูมือข้างหนึ่งขึ้นเหนือหัวและดีดนิ้วหนึ่งครั้งพร้อมกับนกพิราบขาวที่ปรากฏขึ้นต่อสายตาราวกับใช้เวทมนต์และปล่อยนกพิราบขาวที่เรียกมาให้เกาะบนไหล่
เขาทำแบบเดิมซ้ำๆ เรียกนกพิราบขาวนับสิบตัวออกมาเพียงแค่การดีดนิ้วและปล่อยให้นกเหล่านั้นเกาะไปตามแขน ขา และเสื้อผ้าจนพอใจ ก่อนจะเปลี่ยนจากการดีดนิ้วเป็นการปรบมือสองทีเสียงดังในที่ลับตา
พรึ่บ!
วินาทีนั้นเองนกพิราบขาวฝูงใหญ่ที่ตกใจเสียงปรบมือ ต่างพากับกระพือปีกบินหนีขึ้นสูงท้องฟ้ายามราตรี หลังจากนกฝูงใหญ่บินจากไปมันก็ได้ปรับเปลี่ยนเครื่องแต่งกายสีทึบให้กลายเป็นสูทสีขาวสะอาดบริสุทธิ์เฉกเช่นเดียวกับสีของนกพิราบได้อย่างกับใช้เวทมนต์เช่นกัน
“เอาล่ะ...”
JOKER พึมพำขึ้นและหยุดเท้าลง เมื่อเดินมาถึงสนามเด็กเล่นที่ไร้ซึ่งผู้คน พลางใช้มือดึงผ้าเช็ดหน้าสีแดงสดจากขอบแขนเสื้อสูทแล้วนำไปคลุมบริเวณฝ่ามือว่างเปล่าของตัวเอง
การกระทำแปลกๆ ทำเอาคนที่มองเห็นทุกพฤติการณ์ของเขาจากเบื้องหลังอย่างฉันรู้สึกฉงนและแปลกใจ และจังหวะนั้นเองที่จู่ๆ คนตัวสูงใช้มือข้างที่เหลือดึงผ้าเช็ดหน้าผืนเดิมออก ราวกับการร่ายมนต์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะบนฝ่ามือว่างเปล่าก่อนหน้าบัดนี้มีดอกกุหลาบสีแดงสดเฉกเช่นเดียวกับสีของผ้าเช็ดหน้าปรากฏอยู่
เรื่องชวนพิศวงตรงหน้ามาพร้อมกับคำเชิญชวนจากคนกระทำการดังกล่าวเมื่อเขาคิดว่ามันได้ถึงเวลาอันสมควรแล้วที่ฉันต้องทำหน้าที่ของตัวแลกเปลี่ยนกับเหยื่อที่เขาหมายตา
“คราวนี้ มาต่อกันที่เรื่องของเราดีกว่า…” สิ้นเสียง อาชญากรตัวตลก JOKER ก็เหลียวมายังฉันอีกครั้ง
เขาโค้งลงอีกทั้งผายมือเชื้อเชิญให้เดินเข้าสู่สถานที่ที่เขายืนอยู่ ซึ่งฉันก็ไม่ได้เสียมารยาท ก้าวเท้าเดินไปยังสนามเด็กเล่นตามอย่างที่เข้าต้องการ
ความเงียบหลังเหตุการณ์สงบและไร้ผู้คน ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าของปีศาจเดินตามหลัง แม้ว่าฉันจะหยุดแต่เขายังเดินต่อ และเดินผ่านฉันตรงไปยังม้าหมุนสองที่นั่งเก่าๆสำหรับเด็ก ปลายนิ้วทั้งสิบของเขาเริ่มโชว์ความอัศจรรย์อีกครั้ง เมื่อผ้าคลุมโต๊ะสีขาวถูกดึงออกจากแขนเสื้อสูทได้อย่างกับกระเป๋าโดเรม่อน
นอกจากผ้าคลุมโต๊ะสะอาดตาที่ดึงจากขอบแขนเสื้อแล้ว เขายังสร้างความมหัศจรรย์ให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการก้มหยิบขวดน้ำพลาสติกเก่าๆ จากพื้นขึ้นมาเป่าเศษฝุ่นเศษดินออก และทำเรื่องเหลือเชื่อด้วยใช้เพียงฝ่ามือเดียวถูกไถไปตามรูปทรงขวด ก่อนค่อยเปลี่ยนขวดพลาสติกธรรมดาให้กลายเป็นขวดไวน์ราคาแพง
รู้ไหม ฉันไม่เคยเห็นกลแบบนี้มาก่อนเลย เขาเก่งพอๆ กับนักมายากลที่มีชื่อของต่างประเทศเลยก็ว่าได้
JOKER จัดการปูผ้าคลุมที่เตรียมไว้บริเวณพวงมาลัยม้าหมุนเด็ก จากนั้นผายมือเชื้อเชิญฉันให้นั่งลงฝั่งหนึ่งของม้าหมุนโดยยื่นดอกกุหลาบส่งให้
“เชิญครับ...” ฉันไม่ได้ปฏิเสธคำชวนดังกล่าว รับดอกกุหลาบสีสวยจากเขา เดินตรงไปนั่งบนม้าหมุนเด็กอย่างว่าง่าย เมื่อฉันนั่งประจำที่อย่างเรียบร้อย ความตื่นตาก็เริ่มถาโถมเข้าใส่อีกครั้ง เมื่อไวน์แดงชั้นดีถูกรินใส่แก้วทรงสูงยื่นส่งมาให้ “ของว่างครับคุณผู้หญิง…”
“นายเอาของพวกนี้มาจากไหน?” ใช่! เพียงแค่ละสายตาไม่ถึงวินาที แก้วรูปทรงสูงสวยงามก็ถูกหยิบยื่นมาให้ได้อย่างน่าประหลาด แถมกลิ่นของเครื่องดื่มที่รินอยู่ภายในแก้ว มันก็คือกลิ่นของไวน์แดงจริงๆ
“It’s Magic”
“มายากลไม่ใช่เวทมนต์” ฉันขัดพลางลองจิบชิมรสชาติเครื่องดื่มในแก้วเพื่อพิสูจน์
“ถ้าจะคิดแบบนั้น ก็แล้วแต่…” เขายักไหล่ไม่สนใจพลางยกขวดไวน์ในมือขึ้นกระดก ราวกับบอกให้รู้ว่าส่วนของฉันมีเพียงที่อยู่ในแก้ว ส่วนในขวดเป็นของเขาทั้งหมด แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น!
เพราะทุกอย่างที่เขาแสดงตลอดมานับตั้งแต่เหตุการณ์สงบลงมันทำให้ฉันนึกถึงของบางอย่างที่เจอในหนังสือโป๊เมื่อวันก่อน เรื่องของนักมายากลชื่อดังที่เสียชีวิตระหว่างการแสดง
“เมื่อ 13 ปีก่อน มีนักมายากลคนหนึ่งเสียชีวิตระหว่างการแสดง...” เพราะงั้นฉันจึงลองพูดสิ่งที่อยู่ในความคิดเพื่อดูพิรุธอีกฝ่าย “นายพอจะรู้จักนักมายากลคนนั้นไหม?”
“ความลับ...” ทว่าสิ่งที่ได้กลับมา กลับเป็นคำพูดยอกย้อนอย่างรู้ทันด้วยท่าทางนิ่งเฉย “ความลับมันก็เหมือนเวทมนต์ เธอไม่มีทางมองหามันพบหรอก อย่าคิดจะมองหามันดีกว่า”
เสียงเขาเวลานี้ไร้ซึ่งการติดตลก บางช่วงสั่นเครือ บางช่วงจริงจัง
“แต่ความลับมันไม่ได้ทำให้ใครประทับใจ” ฉันแย้งน้ำเสียงเรียบนิ่งของเขา ใช้สายตาจับพิรุธและสังเกตทุกสีหน้าท่าทางที่อีกฝ่ายแสดงออก
“หึๆ” เขาหัวเราะในลำคอ พลางลดขวดไวน์ในมือลงต่ำข้างตัว “แต่ทริกมายากลมันก็ทำให้เธอประทับใจถูกไหม?”
“มายากลมันก็แค่การหลอกลวงแขนงหนึ่งเท่านั้น จะประทับใจหรือไม่ประทับใจมันก็อีกเรื่อง”
“ถ้ามายากลคือนักหลอกลวง โลกของเราคงเต็มไปด้วยนักมายากล ยิ่งได้เข้าใกล้ก็จะยิ่งมองไม่เห็นความจริง”
เขาไม่หลุดพิรุธอะไรให้เห็นเลยนอกจากน้ำเสียงสั่นเครือในตอนแรกกับการยอมรับเต็มปากเต็มคำว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่เวทมนต์แต่เป็นมายากลที่นักมายากลชอบใช้กัน คำพูดและท่าทีปฏิบัติของเขาเหมือนต้องการปฏิเสธชัดเจนว่าสิ่งที่ฉันคิดและเห็นผ่านตามันผิดไปหมดและเต็มไปด้วย ‘ความลับ’
“คุณผู้หญิง รู้ตัวไหมว่าเธอกำลังทำให้ Dinner เดทแรกของเรากร่อย...” เขาถอนหายใจและตัดบทสนทนาเรื่องที่คุยค้างไว้เพียงแค่นั้น โดยไม่ให้คำตอบใดที่ฉันถามอีก
ในเมื่อเขาไม่ยอมพูด ฉันก็จะไม่ถามเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่สบายใจ ลองคิดูสิ หากเขาเกรี้ยวกราดเพราะความอยากรู้ของฉัน การบำบัดไม่เป็นอันสิ้นสุดลงเหรอ?
“การโชว์ของนายกับไวน์ขวดเดียว เรียกว่าเดทเหรอ?”
“ใช่เดท” เขายกยิ้มพอใจ “ผู้หญิงทุกคนที่ได้เจอฉัน ล้วนแล้วแต่ได้รับการปฏิบัติที่ดี…”
“...” เขาทำแบบนี้กับเหยื่อทุกคนอย่างงั้นเหรอ?
อ่า... จริงสินะ ตอนนี้สถานะฉันก็คือเหยื่อที่ได้มาเพราะการแลกเปลี่ยนตัวกับเกรซนี่นา
“รู้ใช่ไหมว่าหลังเดทจบลงจะเป็นยังไง?” อีกครั้งที่เขาเอ่ยปากถาม ซึ่งคำถามดังกล่าวไม่ได้ต้องการคำตอบ ในเมื่อเขาพร้อมที่จะตอบเองทุกเมื่อ และครั้งนี้เขาพูดโดยเหลือบสายตามองฉัน พร้อมด้วยรอยยิ้มแสยะแบบตัวตลก “เราต้องเป็นของกันและกัน คืนนี้...”
นั่นคือประโยคที่เขาพูดเองเออเองฝ่ายเดียว หากแต่น้ำเสียงกลับจริงจัง
“ตอนนี้ก็กินของว่างเสร็จแล้ว...”
JOKER แสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ จากนั้นก็ยิงคำเชิญชวน
“ถ้างั้นเรามาเริ่มกินของคาวกันเลยดีไหม?”
ว่าแล้วเขาก็โยนขวดไวน์ลงพื้นพลางเลื่อนมือขึ้นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตใต้เสื้อสูทออก
ไม่ต้องบอกก็พอเดาได้ว่าของคาวที่เขาพูดถึงคืออะไร ในเมื่อสายตาเขามองฉันเป็นเหมือนกับเหยื่อคนอื่นๆ
“คิดว่ามันง่ายหรือเปล่าล่ะ?” ฉันขัดการเตรียมพร้อมของ JOKER เสียงเรียบ
เพื่อยืนกรานว่าสิ่งที่เขาปรารถนาจะไม่มีทางสำเร็จ ไวน์แดงราคาแพงในแก้วจึงถูกเทราดลงพื้นราวกับการประกาศสงคราม แต่การกระทำดังกล่าวดูไม่ได้สร้างความไม่พอใจให้กับปีศาจตรงหน้าเลยสักนิด แม้ว่าฉันจะขยับตัวลุกออกจากม้าหมุนหรือทิ้งแก้วทรงสูงดูมีราคาลงกับพื้นเพื่อปฏิเสธก็ตาม
เท้าย่างเหยียบลงกับพื้นทีละก้าวตรงดิ่งเข้าหาคนเจ้าเล่ห์ตรงหน้า สายตาของเราประสานกันอยู่ราวกับสามารถมองกันและกันได้เพียงเท่านั้น JOKER ยังคงรอยยิ้มตัวตลกเปื้อนหน้า ฉันเองก็เช่นกัน
“ขอบคุณสำหรับ Dinner…” ฉันกระซิบบอกเขาก่อนเดินสวนผ่านไปยังหอพักตรงหน้า ความเงียบทำให้รับรู้ว่าอีกฝ่ายขยับกายซึ่งไม่ยักเดินตามมาเหมือนทุกที แต่แล้ว...
“สะ สวย...” น้ำเสียงเคอะเขินและเต็มไปด้วยความประหม่าของบุคคลคุ้นเคยกลับดังขึ้นจากทางด้านหลัง และที่บ้าที่สุดก็คือ เสียงนั่นสามารถตอกเท้าให้หยุดพร้อมทั้งหันขวับกลับไปมองต้นเสียงอย่างทันควัน ทว่า พื้นที่ตรงม้าหมุนกลับเหลือเพียงความว่างเปล่า
เขาหายไปอีกแล้ว!
แต่แล้ว... วินาทีที่ตัดสินใจหันกลับไปยังหอพัก คนที่ต้องสะดุ้งเฮือกกลายเป็นฉันเสียเอง เพราะบุคคลที่มองหาได้มายืนปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าในระยะประชิด
“SURPRISE!! (เซอร์ไพรส์!!)”