วสุกัญญาไม่สบายใจทุกครั้งที่เบญจมินทร์มาที่นี่
หากรู้อย่างนี้ตอนนั้นเธอไม่น่ายื่นข้อเสนอนั่นไปเลย เขาขอสิทธิ์ของพ่อแต่เธอให้เขาเป็นแค่ลุง ในหัวตอนนั้นเธอคิดว่าเขาจะค้านหัวชนฝา คิดในใจต่อไปอีกว่าถ้าเขาไม่ยอมเธอจะทำอย่างไร ให้หนีไปให้ไกลกว่านี้ก็เกรงว่าเงินที่มีจะไม่พอใช้เลี้ยงลูก แล้วก็เชื่อเลยว่าเธอคงไปไหนไม่พ้นเขาอยู่ดี เบญจมินทร์คงตามหาเธอจนเจออีกเหมือนเคย
แต่แล้วเขากลับยอมรับข้อเสนอของเธอ ข้อต่อรองของเขามีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น และเธอก็จำใจต้องตอบรับข้อเสนอนั้นของเขา ท่าทางว่าง่ายของเบญจมินทร์ดูไม่น่าไว้ใจเท่าไรนัก เพราะภายใต้ความว่าง่ายนั้นคล้ายกับมีอะไรซุกซ่อนอยู่
ตั้งแต่วันที่ยินยอมรับข้อเสนอ เขาก็แวะมาหาเธอวันเว้นวัน เธอบอกให้เขามาให้ห่างกว่านี้หน่อย สักสองอาทิตย์ครั้งหรือเดือนละครั้ง เขาไม่ตอบโต้แต่แล้วก็ยังคงมาหาเธออย่างเดิม
เรื่องที่คุยกันมีเพียงเรื่องของลูกเท่านั้น จนเธอคลอดเขาก็คอยดูแลลูกอย่างคล่องแคล่ว ให้เธอปั๊มนมและนอนพัก พอเธอคลอดจากที่มาวันเว้นวัน เขาจะมาหาทุกวันหลังจากเลิกงานช่วงบ่ายสามอยู่จนเที่ยงคืนก็ไป มาใหม่ตอนเช้ามืด เพื่อมาดูว่าเธอกับลูกเป็นอย่างไร เอาอาหารมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงมาให้ แล้วเขาก็ไปทำงาน
เธอบอกให้เขาไม่ต้องมาแล้ว เขาก็โวยวายว่าขอดูแลลูก ไม่ได้ต้องการดูแลเธอหรอก และขอแค่ช่วงที่เธอต้องให้นมลูกหกเดือนแรกคลอดเท่านั้น อ้างแต่ว่ากลัวเธอจะเอานมชงมาให้ลูกของเขาดื่ม หรือเลี้ยงลูกของเขาแบบละเลย เธอค้านจะเถียงเขาเลยปล่อยเลยตามเลยมาตั้งแต่ตอนนั้น
วสุกัญญาไม่เคยมีประสบการณ์ ทั้งยังต้องอยู่สองคนกับลูก เธอไม่เห็นว่าจะต้องทำหยิ่งไปทำไม จึงให้ความเงียบเป็นคำตอบยินยอมตามข้อเสนอของเบญจมินทร์
พอลูกเริ่มโต เริ่มรู้ภาษา ลูกก็จะรู้จักว่าเธอคือแม่ และเบญจมินทร์คือคุณลุง เป็นแบบนี้มาตลอดหกปี และคงจะเป็นแบบนี้ตลอดไป
วสุกัญญาคิดอย่างขื่นขมพร้อมกับยื่นมือกดออดเพื่อขอลงจากรถสองแถวเที่ยวสุดท้าย ก่อนจะนั่งจักรยานยนต์รับจ้างที่คุ้นเคยรู้จักกันดีให้พาเข้ามาส่งที่หน้าบ้าน ก็ค่อยพบว่าไฟในห้องของลูกปิดแล้ว ส่วนที่กลางบ้านยังคงสว่างไสวอยู่ รถของเขาจอดอยู่ที่หน้าบ้าน ส่วนรถคันเล็ก ๆ ในบ้านคันนั้น เบญจมินทร์หยิบยื่นให้เธอ รวมถึงออกเงินซื้อบ้านหลังใหม่หลังนี้ให้เธออยู่กับลูก
เธอไม่เคยนำรถยนต์คันนั้นมาใช้ ส่วนเงินก็ให้เขาเปิดบัญชีในชื่อของเขาเพื่อลูกไปเลย เรื่องราวดูเหมือนจะเงียบเรียบร้อยดีมาตลอด วสุกัญญาคิดพร้อมกับเปิดประตูบ้านเข้าไป เสียงขรึมของเขาก็เอ่ยขึ้นราวกับจะรายงานเรื่องราวในบ้านตอนไม่มีเธอ
“พี่พาลูกไปกินข้าวที่ร้านโปรดของลูก ไม่ได้อุ่นข้าวเหลือ ๆ นั่นให้ลูกกิน ส่วนผลไม้ลูกบอกว่ากินไม่ไหว พี่ไม่ได้ให้ลูกกินขนมนะ มาถึงพี่ให้ลูกอาบน้ำ สระผม เป่าผมแห้งแล้วและก็เล่านิทานให้ฟังเรื่องเดียว ตอนนี้หลับเรียบร้อย”
วสุกัญญาไม่ค่อยได้คุยอะไรกับเขานัก เขาถามเธอถึงจะตอบ หากไม่ใช่เรื่องของลูก เธอก็ไม่มีอะไรจะคุยด้วยเลย จึงพยักหน้าน้อย ๆ เป็นทำนองว่ารับรู้ก่อนเดินเลี่ยงไปดื่มน้ำ พร้อมกับนึกไปว่าเขาจะกลับเลยหรือไม่ เพราะเธอเหนื่อยเต็มที อยากอาบน้ำและเข้านอนเลย
ตอนที่คิดหาทางบอกเขาให้กลับไปอย่างสุภาพที่สุด
เบญจมินทร์มองเธอนิ่ง ๆ ไม่ได้พูดอะไรแต่เธอก็พอจะอ่านแววตาของเขาออกคล้ายกับมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ต้องการคุยกับเธอ
“หนูกลับบ้านดึกแบบนี้บ่อยหรือเปล่า”
เธอเม้มปากไม่ตอบในทันที อยากตกลงเรื่องนี้กับเขาด้วยเลย ว่าอย่าเรียกเธอด้วยชื่อ ‘หนู’ แบบนี้อีก
เบญจมินทร์ไม่ได้รอคำตอบจากเธอ เขาพูดขึ้นอีกประโยคราวกับกำลังหาเรื่องตำหนิเธออยู่ “แล้วถ้าวันนี้พี่ไม่มา ใครจะดูลูกให้หนู”
“ประชุมไม่บ่อยค่ะ สามเดือนครั้ง ถึงคุณไม่มาฉันก็ดูแลรินรินได้” เธอบอกด้วยท่าทีเรียบเฉย พยายามใช้ชื่อเล่นของเด็กหญิงสวรินทร์แทนคำว่า ‘ลูก’ เพราะกลัวจะพูดจนติดปากแล้วทำให้เขามีปัญหาในภายหลังได้หากใครมาได้ยินเข้า
อันที่จริงเรื่องลูกเธอดูแลได้อยู่หรอกหากวันไหนมีประชุมแต่ก็คงทุลักทุเลนิดหน่อยเท่านั้นเอง