Chapter 8
ฮันเตอร์
เช้าวันต่อมา…
ฮักตื่นขึ้นไปวัดอุณหภูมิของชานม เมื่อเห็นว่าปกติดีมีเพียงอาการตัวรุม ๆ เล็กน้อยเขาก็เขียนโพสต์อิทแปะไว้ที่หน้าห้องนอนของชานมแล้วกลับห้องตัวเองเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเรียน
เสียงปิดประตูของฮักทำให้ร่างเล็กตื่นอัตโนมัติ ดวงตาคู่สวยค่อย ๆ เปิดเปลือกตาก่อนจะปรับโฟกัสสายตาให้เคยชิน ชานมยันตัวขึ้นด้วยอาการปวดเมื่อยไปทั้งตัว ลำคอรู้สึกแห้งผากไปหมดแม้แต่จะกลืนน้ำลายยังทำได้ยาก
“แฮ่มมม!” มือเล็กคว้าโทรศัพท์มือถือที่ชาร์จไว้อยู่บนหัวเตียงขึ้นมาเปิดเครื่อง เธอไม่เปิดเครื่องตั้งแต่เมื่อวานไม่รู้ป่านนี้จะโดนมิ้งโทรตามไปกี่สาย
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เสียงข้อความเข้าแทบทุกช่องทางกระหน่ำรั่วจนโทรศัพท์มือถือของเธอแทบค้าง
‘ชานมทำไมเธอผิดนัดฉัน!?’
‘ไม่เห็นเราเป็นเพื่อนแล้วใช่ไหม!?’
‘เปิดเครื่องแล้วโทรหาฉันด้วย'
ข้อความอีกมากมายที่ส่งเข้ามาทำให้นมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด แต่ว่าเธอก็ไม่ได้คนนัดนี่นา มิ้งพูดเองเออเองต่างหาก
Rrrrrr Rrrrrr
ยังไม่ทันให้ชานมตั้งตัวด้วยซ้ำเสียงเรียกเข้าที่มีข้อความเด่นมาว่าเป็นเบอร์ของมิ้งก็โทรสวนเข้ามา ริมฝีปากเล็กเม้มแน่นด้วยความชั่งใจ
ชานมกดรับสายพร้อมกับทำเสียงไอเพื่อบอกให้รู้ว่าเธอป่วย
“แค่ก ๆ ฮัลโหล”
[ชานม...ทำไมเธอผิดนัดฉัน ทำไมไม่เปิดเครื่อง]
“ขอโทษนะ ฉันไม่สบาย” ชานมเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่าแต่ปลายสายดูท่าจะไม่ยอมเชื่อเธอง่าย ๆ
[เมื่อวานก็เห็นสบายดีอยู่นี่ ถ้าไม่อยากไปก็บอกดี ๆ สิ”
“เปล่านะ ฉันไม่สบายจริง ๆ”
[อืม งั้นก็ดูแลตัวเองดี ๆ แล้วกัน] พูดจบปลายสายก็ตัดไปโดยไม่ถามไถ่สักคำทั้งยังคงมีน้ำเสียงไม่พอใจแฝงอยู่
บางทีชานมก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมมิ้งต้องคะยั้นคะยอเธอแปลก ๆ ซึ่งพึ่งมาแปลกตอนที่เรียนปีสองเทอมสองนี่เอง
จำได้ว่าตอนปีหนึ่งแทบจะไม่คุยกันด้วยซ้ำ แต่จู่ ๆ กลับมาบอกว่าเธอเป็นเพื่อน เป็นไปได้ไหมว่ามิ้งอาจจะสงสารที่เธอไม่มีเพื่อน เห็นเธอไม่เข้าสังคมจึงพยายามชวนพูดคุย
“เฮ้ออออ~” คิดแล้วก็หาคำตอบไม่ได้อยู่ดี ชานมส่ายหน้าสะบัดความคิดที่อยู่ในหัวออก ยันตัวลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเรียน ในจังหวะนั้นสายตาพลันเหลือบไปเห็นข้อความบนกระดาษที่แปะอยู่บนประตู
‘อย่าลืมหากินข้าวแล้วกินยาด้วยล่ะ’
“รู้จ้ะ ไม่ต้องสาระแนมาบอก!” ชานมดึงกระดาษออกมาขย้ำแล้วโยนลงถังขยะด้วยความหงุดหงิดแล้วหอบร่างอันอ่อนแอของเธอไปอาบน้ำ ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้า เพียงแค่เห็นข้อความของฮักก็ทำให้ทั้งวันของเธอหดหู่ได้แล้ว!
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ร่างผอมบางก็ออกมาแต่งตัว ดวงตาคู่สวยมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกเห็นรอยสีแดงที่คอก็อดทำให้หวนนึกถึงวันนั้นไม่ได้ จะว่าไปฮักก็เป็นอีกคนที่เธอไม่เข้าใจ จะแบล็กเมล์เพื่อบังคับใช้งานเธอก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่
แต่จะสร้างรอยนี้ไว้ให้เธอทำไม?
เพียงแค่อยากแกล้ง? เห็นเธอเป็นของเล่นหรือเพราะอะไร? ยิ่งคิดก็ยิ่งขุ่นใจ ชานมหยิบคอนซีลเลอร์ขึ้นมาเพื่อปกปิดรอยดังกล่าวให้มิด แต่งตัวเสร็จก็รีบเดินออกไปเรียนทันที
วันนี้เธอค่อนข้างมาถึงวิทยาลัยเช้ากว่าปกติ ชานมจึงเลือกที่จะไปกินข้าวที่โรงอาหารก่อนถึงคาบเรียนแรก
ใบหน้าเรียวเล็กถูกปกคลุมด้วยหน้ากากอนามัยสีดำสนิทและแว่นตาหนาเตอะ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เพื่อนอย่างนินจาจำเธอไม่ได้ นินจารีบโบกมือเรียกชานมให้ไปนั่งด้วยทันที
“ชานม ทางนี้…” เห็นสีหน้าแจ่มใสของเพื่อน ชานมก็ระบายยิ้มบาง ๆ สาวเท้าเดินตรงไปหาเพื่อนก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามกับนินจาและควีน “เธอไม่สบายเหรอ?”
“อืม เหมือนจะเป็นไข้น่ะแต่ไม่สูงเท่าไหร่”
“งั้นก็รีบกินข้าวเถอะจะได้กินยา”
“อืม” ชานมพยักหน้าแล้วลุกไปซื้อโจ๊ก
พลัก!
“อ๊ะ!” จังหวะที่กำลังเดินไปต่อแถวชานมดันบังเอิญชนเข้ากับชายคนหนึ่งเจ้าของเรือนผมสีเทาควันบุหรี่ ใบหน้าคมเข้มดุดันแต่แววตากลับเต็มไปด้วยความทะเล้น บนคอสวมสร้อยเกียร์เป็นเอกลักษณ์ของวิทยาลัย เขาอยู่ในชุดเสื้อช็อปสีกรม กางเกงยีนขาขาดและรองเท้าผ้าใบสีขาวที่ไม่ผ่านการซักมาแรมเดือน เขาคนนี้แม้แต่คนที่ไม่เข้าสังคมและไม่สนใจโลกภายนอกอย่างชานมยังรู้จัก
“พี่ฮันเตอร์…”
“เธอก่อนเลย” ฮันเตอร์ปรายตามองคนตัวเล็กที่สูงเท่าคอของเขา เมื่อเห็นว่าเธอสวมหน้ากากอนามัยดูท่าน่าจะป่วยเขาก็หลบทางให้เธอเข้าแถวก่อน
“ขอบคุณค่ะ” ชานมพยักหน้าก่อนจะสั่งอาหารจากนั้นก็เดินออกไปท่ามกลางการจ้องมองจากนัยน์ตาลุ่มลึกของคนด้านหลัง
“เด็กไอ้ฮักนี่หว่า…” ริมฝีปากหยักขยับยิ้มมุมปาก ทุกการเคลื่อนไหวของฮักมีหรือที่จะรอดสายตาของเขาไปได้ จะว่าไปหลังจากสังเกตมาสักพัก...
เด็กนั่นก็น่ารักดีอยู่เหมือนกัน
“ชานมมาดูนี่สิโคตรขำเลย” เมื่อเดินมาถึงโต๊ะ นินจาก็รีบกางนิตยสารของวิทยาลัยตามมาด้วยเสียงขำคิกคักจนแทบน้ำตาไหล ข้าง ๆ นินจามีควีนที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่กำลังนั่งกินข้าวเหนียวหมูปิ้งด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“อะไรเหรอ?”
“ดูสัมภาษณ์พี่ฮันเตอร์สิ” นินจาพูดไปก็ป้องปากขำไปแล้วขยับนิตยสารให้ชานมดู ดวงตากลมใสกวาดมองอ่านตามตัวอักษรใต้รูปภาพของเจ้าของเรือนผมสีเทาควันบุหรี่
‘ฮันเตอร์ สาขาช่างอิเล็กทรอนิกส์ (21ปี)
สถานะ : โสด เลือกได้
วิชาที่ชอบ : ไม่มี
อาหารที่ชอบ : เหล้าขาว ซอยจุ๊ กุ้งเต้น
สเปกที่ชอบ : ผู้หญิงเต้นเด้าพื้นหน้าฮ้าน
อนาคตอยากทำอะไร : อยากมีตับไว้กินเหล้าขาวเยอะ ๆ
อยากฝากอะไรถึงน้อง ๆ : สนใจเรื่องตัวเองเถอะไม่ต้องสาระแนเรื่องกูให้มาก'
อ่านจบชานมถึงกับกุมขมับ คนที่ให้สัมภาษณ์นี้คือคนเท่ ๆ ที่พึ่งหลีกทางให้เธอต่อแถวเมื่อครู่จริงเหรอ?
“ขำจะบ้า” นินจายังคงขำไม่หยุด พอเห็นหน้าเพื่อนขำชานมก็อดไม่ได้ที่จะขำตาม นิ้วเรียวขาวดึงแมสออกจากปากเพื่อกินข้าว ในจังหวะนั้นชานมเงยหน้าไปเจอเข้ากับคนที่กำลังถือถ้วยโจ๊กเดินมาทางเธอพอดี
“ไม่อยากเจ็บจิ๋มอย่ายิ้มให้พี่” เสียงทุ้มเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติ ดวงตาทะเล้นแต่เขากลับแสดงสีหน้าราบเรียบ ขณะจะเดินผ่านชานมไปฮันเตอร์ก็เอ่ยประโยคแช่แข็งชานมอีกรอบ “ไม่หล่อเท่าไหร่แต่บั้งไฟใหญ่เบิ้ม”
“แค่ก ๆ ๆ” นินจากำลังยกน้ำดื่มถึงกับสำลักจนเปื้อนไปทั้งโต๊ะ ชานมรีบหยิบทิชชูให้เพื่อนจากนั้นสองสาวสบตากันแน่นิ่งไปชั่วขณะแล้วหันหลังกลับไปมองแผ่นหลังกว้างที่เดินจากไปด้วยท่าทีกวนประสาทอย่างพร้อมเพรียง
ควีนเห็นสีหน้าของเพื่อนทั้งสองก็กระตุกยิ้มอย่างชอบใจ
ไอ้รุ่นพี่คนนี้มันกวนได้ใจจริง ๆ
“แก สาบานได้ เมื่อกี้ฉันเปล่ายิ้มนะ!” ชานมอึ้งจนใบหน้าแดงระเรื่อลามไปยันใบหู
“เชื่อ!” เพื่อนทั้งสองตอบพร้อมกันก่อนที่จะขำออกมากันทั้งโต๊ะ
จะว่าไปพี่ฮันเตอร์คนนี้หน้าตาก็ออกจะคล้ายกับฮักอยู่เหมือนกัน ใบหน้าหล่อแม้จะคมเข้มแต่ยังออกไปทางตี๋นิด ๆ เขาดูเถื่อนและกวนประสาทกว่าฮักพอสมควรเพราะฮักออกไปทางเจ้าสำอางเสียด้วยซ้ำ ส่วนริมฝีปากและสันจมูกไม่ต่างกันเลยสักนิด
เป็นไปได้ไหมว่าสองคนนี้จะมีความเกี่ยวข้องกัน…
“ชานม เมื่อคืนนี้มิ้งถึงขั้นหัวเสียประกาศหาเธอในกลุ่มไลน์ห้องเชียวนะ” เมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ควีนก็เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“จะว่าไปฉันก็ไม่เข้าใจจริง ๆ เธอไปทำอะไรให้ยัยมิ้งกัน ถึงได้วุ่นวายกับเธอไม่หยุด?” แม้แต่นินจาก็ยังคิดไม่ต่างจากชานม ชานมทำได้เพียงส่ายหน้าเพราะเธอเองก็หาคำตอบไม่ได้
“เธอก็อดทนหน่อยล่ะ อย่าใจอ่อนให้มาก ฉันว่ามิ้งไม่ได้มาดีแน่ ๆ” เห็นการตื๊อของมิ้ง ควีนสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างซ่อนอยู่จึงเอ่ยเตือนด้วยความหวังดีแต่ชานมกลับเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เธอคิดมากไปรึเปล่า?”
“เธออย่ามองโลกในแง่ดีมากเกินไป”
“ฉันเห็นด้วยกับควีนนะ” นินจาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ก่อนหน้านี้มิ้งไม่เคยมาสนทนากับชานมเลยด้วยซ้ำ พอขึ้นปีสองเทอมสุดท้ายยัยมิ้งคนนั้นกลับมาตีสนิทและตื๊อชวนชานมไปเที่ยวร้านเหล้าด้วยบ่อย ๆ
ต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ ๆ
“เอาเถอะเดี๋ยวเราก็จบแล้ว หลังจากเรียนจบฉันก็จะย้ายไปเรียนที่อื่นพวกเธออย่ากังวลไปเลย”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี ก่อนที่จะเรียนจบเธอก็อย่าใจอ่อนอีกล่ะ”
“อื้มมม” ชานมพยักหน้ารับก่อนจะฉีกยิ้มให้เพื่อน เธอมองออกว่าเพื่อนทั้งสองหวังดีกับเธอแน่ ๆ ส่วนมิ้งเธอจะพยายามอยู่ให้ห่างมากที่สุดถ้าเป็นไปได้
ทางด้านมิ้งที่ถูกพูดถึงอยู่อีกฟากหนึ่งของโรงอาหารมองเห็นทุกการกระทำของฮันเตอร์และชานมเมื่อครู่ ทั้งการเข้าแถวซื้ออาหารแล้วเดินชนกัน ทั้งที่ฮันเตอร์พูดกับชานมลอย ๆ อีก
“ฉันว่ามันเรื่องบังเอิญหรือเปล่ายัยมิ้ง?”
“มันจะบังเอิญอะไรกัน ฉันเห็นพี่ฮันเตอร์มองยัยนั่นมาสักพักแล้ว”
“แล้วแกจะเอายังไงต่อ?”
“ฉันจะกำจัดให้ชานมมีมลทินให้ได้!” มิ้งกำหมัดแน่นจนเล็บจิกฝ่ามือด้วยความเจ็บใจ ทั้งที่เธอสวย หุ่นดีกว่าชานมเป็นร้อยเท่าพันเท่าแต่ทำไมพี่ฮันเตอร์ถึงเอาแต่มองยัยนั่นไม่สนใจเธอ…
ใช่! เธอชอบรุ่นพี่คนนี้มาตั้งแต่ขึ้นปีสองเทอมหนึ่ง ตอนนั้นเธอโชคร้ายที่มีแฟนเก่าทำร้ายตบตีจนฮันเตอร์มาช่วยเอาไว้
หลังจากนั้นก็แอบชอบฮันเตอร์มาตลอดแต่ใครจะไปคิดล่ะว่าสายตาของผู้ชายคนนั้นจะเอาแต่แอบมองชานมอยู่ห่าง ๆ
พอเธอไปสารภาพรักเขากลับเอ่ยสั้น ๆ ไม่ไว้หน้าเธอด้วยซ้ำว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงเหลือเดนคนอื่น
ยิ่งเห็นสายตาที่เขามองชานมเธอก็ยิ่งแน่ใจว่าฮันเตอร์คงชอบผู้หญิงที่ดูเรียบร้อยและบริสุทธิ์ ซึ่งนั่นเธอไม่สามารถเป็นได้และไม่มีวันที่จะสามารถเป็นแบบนั้นได้มันยิ่งทำให้เธอปวดใจ