10

1442 Words
Chapter 10 “อยากลงก็ไสหัวลงไปได้แล้ว” เขาไล่ส่ง มองเธออย่างเอาเรื่อง “ทำไมไม่ลงล่ะ เธออยากลงจากรถฉันมากไม่ใช่เหรอ” เขากระชากเสียงถาม เมื่อเธอนั่งนิ่งไม่ไหวติง ไม่ตอบอันใด เขาก็ลงจากรถไปลากเธอลง “ลงไปสิ” “คุณคิง” ปลายฝนตัวสั่น เรียกเขาเสียงสั่นไม่ต่างกัน “หวังว่าเธอคงกลับบ้านถูกนะ กำลังจะมืดค่ำแล้วด้วย” คชาทิ้งปลายฝนเอาไว้ตรงนั้นอย่างไม่แยแส เธอมองตามท้ายรถสปอร์ตคันหรูของเขาไปด้วยน้ำตานองหน้า มองไปรอบกายแล้วเธอถึงกับสะดุ้ง ความมืดโรยตัวเข้ามาพร้อมกับหัวใจของเธอที่เริ่มหวาดกลัวเป็นที่สุด คชาขับรถถึงบ้านก็เข้าไปนั่งพักอย่างเหนื่อยล้า เขายกขาขึ้นไขว้ห้าง รับน้ำเย็น ๆ จากสาวใช้มาดื่ม เสื้อผ้าราคาแพงที่สวมใส่ ส่งให้เขาดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า เขายกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูขึ้นดู ปรากฏว่าปลายฝนยังไม่ถึงบ้านก็นึกหงุดหงิดที่เธอกลับบ้านช้า เดินมาแค่นี้น่าจะถึงบ้านแล้ว มัวไปเถลไถลอยู่ที่ไหน “ฉันคงตาฝาดที่เห็นแกกลับบ้าน” คันสรเอ่ยทักทายลูกชายที่เพิ่งกลับมาถึงบ้าน “ผมอยู่บ้านมันผิดปกติตรงไหนไม่ทราบ” เขาพูดอย่างกวนโมโห จำรอยตบที่กระแทกใบหน้าของเขาได้ดี มันยังเจ็บอยู่เลย แต่เจ็บตัวไม่เท่าเจ็บใจ บิดาไม่เคยลงไม้ลงมือกับเขามาก่อน จนสองแม่ลูกนั่นเข้ามาในชีวิต เขาโดนบิดาทำร้ายถึงสองครั้งสองครา “แกยังนั่งสบายใจอยู่ได้ยังไง ทั้ง ๆ ที่ทำคนอื่นเจ็บปางตาย แทนที่แกจะไปเยี่ยม ไปขอโทษและสำนึกผิดกับการกระทำของแก” “พ่อหมายถึงใคร อ้อ... ไอ้ไทน์เหรอครับ มันตายหรือยังล่ะ” “นี่แกไม่สำนึกเลยจริงๆ ใช่ไหม” เขาเหลือเชื่อกับลูกชายจริงๆ “จะให้ผมสำนึกอะไรล่ะ ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ก็มันพูดจายั่วโมโหผม” “ฉันไม่เชื่อหรอกว่าไทน์จะพูดจายั่วโมโหใครได้ เขามีสัมมาคารวะรู้จักพูดไม่เหมือนแกที่ปากหมายั่วโมโหคนอื่นไปทั่ว” “เหอะ! ผมพูดอะไรพ่อก็คงไม่เชื่อหรอก งั้นผมขอตัวก่อนก็แล้วกัน ผมเหนื่อยอยากพักผ่อน” ที่เขากลับมาเพราะไม่อยากให้สองแม่ลูกเข้ามายึดครองทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านหลังนี้ เขาจะต้องขัดขวางให้ถึงที่สุด หากเขามัวแต่ไปขลุกอยู่ที่คอนโดฯ สองแม่ลูกนั่นก็คงเสวยสุขได้สบาย ไม่มีวันนั้นเสียหรอก! “แย่แล้วค่ะคุณผู้ชาย” เสียงของสารินดังขึ้นอย่างตื่นตระหนก “เป็นอะไรสาริน ใครเป็นอะไร” “ปลายค่ะ ปลายโดนฉุด โดนทำร้ายสาหัสด้วยค่ะ ตอนนี้น้าพรเป็นลมไปแล้วค่ะ” “ปลายเป็นยังไงบ้าง” คนที่ถามไม่ใช่คันสรแต่เป็นคนที่กำลังจะเดินก้าวขึ้นบันได เขารีบสาวเท้าเข้ามาถามอย่างร้อนรน สร้างความแปลกใจให้กับสารินและคันสรไม่น้อย แต่ก็ไม่มีใครติดใจอะไร เพราะตอนนี้เรื่องของปลายฝนสำคัญที่สุด “ดีที่ตำรวจสายตรวจไปช่วยเอาไว้ได้ทันค่ะ ตอนนี้ตำรวจพาส่งโรงพยาบาลแล้วค่ะ น้าพรก็เป็นลมไม่ได้สติเพราะตกใจ สารินเลยรีบมาบอกคุณผู้ชายค่ะ” “ฉันรู้แล้ว จะรีบไปดูปลายที่โรงพยาบาลและจัดการเรื่องคดีให้ สารินไปดูพรนะ ถ้าพรฟื้นก็รีบตามไปโรงพยาบาลโดยด่วน” คันสรรีบผลุนผลันออกไปในขณะที่คชาตัวชาวาบ เพราะเขาทิ้งเธอเอาไว้ตรงนั้น เธอเลยเกิดอันตราย คชารู้สึกผิดเป็นอันมาก เขาไม่เคยรู้สึกผิดแบบนี้มาก่อน ทั้ง ๆ ที่ไม่พอใจอะไรก็ทำร้ายคนอื่นเพื่อตอบโต้เรียกร้อง เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แม้จะร้ายกาจแค่ไหนเขาก็ไม่เคยรู้สึกผิด “อาการของปลายฝนเป็นยังไงบ้างครับ” คันสรเอ่ยถามคุณหมอเจ้าของไข้ “ฟกช้ำไปหมดทั้งตัวครับ ตอนแรกที่ตื่นขึ้นมาเธอโวยวายกรีดร้องแทบไม่ได้สติ ผมเลยฉีดยาให้นอนหลับไปน่ะครับ” ปลายฝนฟื้นขึ้นมาก็นอนตาลอยอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล เธอตกใจจริง ๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น มันเลวร้ายมากจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ “ปลายเป็นยังไงบ้าง” “คุณท่าน” เธอเรียกคันสรว่าคุณท่านจนติดปาก ไม่คิดว่าคนที่เธอเห็นคนแรกจะเป็นคันสร “เธอปลอดภัยแล้วนะ ตำรวจจับตัวคนร้ายได้แล้ว ไม่ต้องกลัวนะ” “หนูกลัว หนูกลัว ฮึก ๆ ฮือ ๆ ๆ” พอคันสรพูดประโยคนั้น ปลายฝนก็ร้องไห้โฮออกมา ประตูห้องถูกเปิดออก ปภาพร สารินและเสริมเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย “ปลายลูก ปลายลูกแม่ เป็นยังไงบ้าง” “แม่ขา...” ปลายฝนผวาไปกอดมารดาเมื่อได้ยินเสียงท่าน คันสรเห็นเด็กสาวแล้วนึกสงสารจับใจ เขาเอ็นดูปลายฝนมาก เพราะเป็นเด็กดีและขยัน จึงส่งเสียให้เรียน ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ “แม่ แม่จ๋าหนูกลัว” “ไม่ต้องกลัวนะ ลูกปลอดภัยแล้ว แม่อยู่ตรงนี้ จะไม่ยอมให้ใครมาทำอันตรายลูกได้อีก” ปภาพรปลอบลูกสาวจนหลับไปอีกครั้ง นางจึงขอเฝ้าไข้ลูกอยู่ที่โรงพยาบาลก่อน เพราะสภาพจิตใจของปลายฝนไม่ค่อยดี คันสรจึงอยากให้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ไปก่อน เขาจะดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดเอง ทุกคนกำลังวุ่นวายกับเรื่องของปลายฝน คชาก็ยืนอยู่หน้าห้องพักผู้ป่วยอย่างละล้าละลัง “ว้าย!” ปภาพรร้องออกมาเมื่อเปิดประตูออกมาก็เจอเข้ากับคชา “คุณคิงมาเยี่ยมปลายเหรอคะ” เมื่อเห็นว่าเจ้านายหนุ่มชะเง้อคอมองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย ปภาพรจึงเอ่ยถามออกมา “เขาเป็นยังไงบ้าง” “นอนหลับอยู่ค่ะ ดิฉันกำลังจะลงไปซื้อของใช้ ถ้าคุณคิงจะเข้าไปเยี่ยมปลายก็ตามสบายนะคะ” “ใครว่าผมมาเยี่ยมลูกสาวของป้า ผมมาเยี่ยมเพื่อนต่างหาก” คชาพูดจบก็เดินหนีไปในทันที นั่นทำให้ปภาพรมองไปอย่างงุนงง แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไรอีก นางงับประตูปิด ก่อนที่จะลงไปซื้อของใช้ส่วนตัวด้านล่าง กลัวว่าลูกตื่นขึ้นมาจะไม่เห็นนาง จึงจะรีบซื้อให้เสร็จและรีบขึ้นมาตอนที่ลูกยังนอนหลับอยู่ คชาเห็นว่าปภาพรเดินลงลิฟต์ไปแล้ว เขาก็รีบเดินไปที่ห้องพักผู้ป่วยที่ปลายฝนพักอยู่ในทันที เขาเดินไปหยุดข้างเตียง มองรอยฟกช้ำทั่วร่างของเธอแล้วหน้าเสีย มือหนาเลื่อนไปสัมผัสใบหน้าสวยหวานของเธอที่ตอนนี้ช้ำเขียวน่าจะรอยตบตีทำร้ายของเดนมนุษย์พวกนั้น ปลายฝนลืมตาตื่นก่อนที่เธอจะกะพริบตาปริบ ๆ หญิงสาวทำท่าจะกรีดร้องเขาก็รีบปิดปากของเธอเอาไว้ “อย่ากรี๊ดนะ” เขาเอ่ยเสียงดุดัน แต่สีหน้าแลดูสำนึกผิดไม่น้อย “ถ้าเธอไม่กรี๊ดฉันจะปล่อยเธอ” ประโยคนั้นทำให้เธอรีบพยักหน้าทันที “คุณมาทำไม” เธอเอ่ยถามออกไปเสียงแข็ง “เธอเป็นยังไงบ้าง” “ฉันยังไม่ตาย” “ฉันขอโทษ” ประโยคของเขาทำให้เธอนึกแปลกใจไม่น้อย คนแบบเขานี่เหรอขอโทษคนอื่นเป็นด้วย “ฉันไม่รับคำขอโทษจากคุณ” “มันจะมากเกินไปแล้วนะ” คนเอาแต่ใจเริ่มหงุดหงิดที่เธอกล้าปากดีกับเขาถึงขนาดนี้ เกิดมาเขาไม่เคยขอโทษใครมาก่อน “ปลายเกือบตาย เกือบโดนข่มขืน มันน่ากลัวมาก มันมีมีดมันเอามีดมาจ่อที่คอของปลาย เพราะคุณ คุณทิ้งปลายเอาไว้ตรงนั้น แค่คำขอโทษคำเดียว ทุกอย่างก็จบอย่างนั้นเหรอคะ รู้ไหมว่าปลายเกือบตาย ฮึก ๆ ฮือ ๆ ๆ” เธอร้องไห้โฮออกมาตัวสั่นระริก ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองอย่างอัดอั้นตันใจ รู้สึกเจ็บปวดไปหมดทั้งตัว ไม่เท่าหัวใจที่เจ็บปวด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD