"เถอะน่า นายเป็นพ่อประสาอะไร อยากให้ลูกสาวขับรถมอเตอร์ไซค์ไปมหา'ลัยรึไง"
"เอ่อ...."
"เราล่ะว่ายังไง อยากขับรถยนต์ไปเรียนมั๊ย?"
"หนูยังไงก็ได้ค่ะ มอเตอร์ไซค์ก็สะดวกดี ซ่อกแซ่กได้เวลารถติด"
"ฟื่ด......" เสียงถอนหายใจปริศนาดังขึ้นทำเอาสองพ่อลูกมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
"เอาเป็นว่าตามนี้แหละ ถ้าไม่เอาฉั๊นจะให้เด็กขับไปส่งถึงที่บ้านแล้วให้คนที่บริษัทรถตามไปขอลายเซ็นถึงที่บ้านเลย" เขตแดนกดดันเพราะรู้ว่าลึก ๆ สรเป็นคนขี้เกรงใจคนอยู่แล้ว
"เฮ๊อ....ก็ได้ครับนายใหญ่" สรเน้นคำว่าใหญ่ให้อีกคนได้ยินเพราะเขารู้ดีที่สุดว่ารถคันนี้เป็นของใคร
"อืมดี งั้นเซ็นนี่ เสร็จแล้วจะได้บอกพนักงานเค้ามารับเอกสาร" เขตแดนยิ้มกริ่มอย่างใจเย็น ในขณะที่สรรู้สึกอึดอัดว้าวุ่นในใจเพราะกลัวลูกสาวตัวดีจะรู้ความจริงเข้าแล้วเกิดดื้อแพ่งไม่ยอมกลายเป็นว่าเขาต้องผิดใจกับลูกนั่นเป็นสิ่งที่เขากลัวที่สุดในชีวิต กลัวยิ่งกว่าลูกปืนเสียอีก
"ถ้าห่วงว่าลูกยังขับไม่ชินรถเดี๋ยวจะให้เด็กเอาไปส่งที่บ้านส่วนนายก็พาลูกกลับบ้านได้เลย" เพราะวันนี้สรขอได้ขอลางาน 1 วัน เพื่อพาลูกสาวไปทำใบขับขี่แล้ว
"เอ่อ...ครับ งั้นผมกับลูกลาตรงนี้เลยละกันครับ สวัสดีครับนายใหญ่/สวัสดีค่ะ" หลังจากสองพ่อลูกเดินออกไปจนพ้นชายคาบ้านและได้ยินเสียงเครื่องรถยนต์สตาร์ท
......................................
"ออกมาได้แล้วไอ้คนหลังม่าน ทีหลังจะคุยก็คุย อยากเห็นหน้าก็แค่ออกมาเจอตัว มันจะยากอะไรรักหนาว๊ะ ทำเป็นไก่อ่อนสอนขันไปได้" เขตแดนพูดขึ้นลอย ๆ
"ป๊าครับ...ก็ผมไม่รู้จะพูดยังไงนี่ครับ" คนในที่ซ่อนเดินออกมาพร้อมกับแย้งขึ้นเป็นเชิงประท้วงกลาย ๆ
"ไอ้ทีวางแผนซื้อรถ สั่งคนไปเก็บรูป รวมถึงตามโซเชียลเค้าก็ยังทำ ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง บอกไปตรง ๆ เลยไม่ได้รึไง ไอ้นี่" เขตแดนสบถบ่นอย่างขัดใจ
"ป๊า...ก็ผมไม่รู้จะบอกยังไงดีนี่คร๊าบ น้องยังเด็กอยู่ อีกอย่างผู้หญิงดี ๆ หายากนะคร๊าบ หรือว่าป๊าอยากได้คนอื่นเอาแบบโอเคเซเยสเลย" แดนชลแกล้งเย้าบิดาเล่น ๆ ขำ ๆ
"มะเหงกนิ่ มึงลองเอามาดิ กุจะยกสมบัติส่วนของมึงให้ไอ้เอกกับไอ้โด่งลูกน้องมึงให้หมดเลยไม่เชื่อคอยดู"
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถ้าทางจะไม่มีวันนั้นซ๊ะแล้วซิป๊า เพราะคนนี้ผมเอาจริง แม่ของลูกเลยแหละ เฝ้ามาตั้งแต่ ม.ต้น ริ้นไรไม่ให้ตอม ลองมีคนอื่นดูซิ ได้เห็นฤทธิ์พ่อกันบ้างแหละ" แดนชลกล่าวอย่างจริงจัง
"เออ กุจะคอยดู" เขตแดนยืนท้าวสะเอวพูดขึ้นแล้วเดินจากไป
อีกด้าน
แสงดาวกำลังง่วนอยู่กับการเก็บข้าวของเพื่อไปอยู่หอใน เพราะต้องการประหยัดและสะดวกเรื่องการเดินทาง ซึ่งสรเองก็เห็นด้วยแม้จะแอบไปซื้อคอนโดใกล้ ๆ ม.ไว้ให้แล้วก็ตาม ยังไงก็สบายใจไปอีกเปราะ เพราะอยู่ภายใต้กฎระเบียบน่าจะดีกว่า ถึงอย่างไรเขาก็เชื่อใจลูกสาวอยู่ดีว่าจะไม่เหลวไหลอย่างแน่นอน
สายเรียกเข้า
สร: ครับนายใหญ่
นายใหญ่: แว่วว่าจะไปอยู่หอพัก?
สร: ครับนาย
นายใหญ่: เดินทางวันไหนบอกจะให้ลูกน้องไปส่ง
สร: ไม่เป็นไรครับนาย ของไม่เยอะ
นายใหญ่: นี่คือคำสั่งเดี๋ยวให้ลูกน้องไปช่วยขนเอาซักสามคน ขากลับจะได้มีเพื่อนกลับเดี๋ยวหลับใน แก่แล้วไม่รู้ตัวรึไง
สร: ครับ ขอบคุณนายมากครับ
นายใหญ่: อือ เท่านี้แหละ วางล๊ะ
สร: ครับ สวัสดีครับ
หลังจากตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแสงดาวได้เดินทางมาอยู่ที่หอพักในโดยการอำนวยความสะดวกแบบแทบจะอุ้มของเจ้านายบิดาที่ดูจะใจดีกับเธอจนเกินเหตุแต่ก็เหอะคงเป็นความดีที่บิดาของเธอทำงานอย่างซื่อตรง ขยัน ไม่เกี่ยงงาน และเธอจะเอาบิดาเป็นแบบอย่าง
หนึ่งเดือนผ่านไป
แสงดาวสนุกกับการเรียน ได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้เธอไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไรเพราะชอบที่จะอยู่คนเดียวเสียมากกว่า
แสงดาวเอารูปของมารดาผู้ล่วงลับมาด้วยเพราะอยากเอามาเป็นแรงผลักดัน จุดมุ่งหมายคือผู้ตรวจสอบบัญชี อย่างที่มารดาของเธอเป็น
*เป็นกำลังใจให้หนูทำสำเร็จด้วยนะคะแม่* แสงดาวได้แต่พึมพำในใจคนเดียว
สายเรียกเข้า
เอ๊ะ เบอร์แปลก แต่ก็กดรับเพราะกลัวว่าคนในครอบครัวจะมีเหตุอะไร
แสงดาว: สวัสดีค่ะ แสงดาวกำลังพูดสายอยู่ค่ะ
บอย: นี่พี่บอยเองนะครับที่มาช่วยน้องขนของวันนั้นไงครับ
แสงดาว: อ๋อ ค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ หรือว่าพ่อเป็นอะไร
บอย: มะมะไม่ใช่ครับ อาสรสบายดีครับ ขยันเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน คะคือพี่ผ่านมาแถวนี้กับนายน่ะครับ นายก็เลยให้ถามว่าน้องแสงอยากได้อะไรเพิ่มอีกหรือเปล่าอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั๊ยอ่ะครับ
แสงดาว: อ๋อ ไม่มีค่ะ ขอบคุณค่ะ แล้วแสงกินข้าวแล้วค่ะ กำลังทำการบ้านบัญชีอยู่ค่ะ
บอย: อ้าวเหรอครับ งั้นพี่ไม่รบกวนแล้วครับ งั้นพี่วางสายเลยละกันครับ สวัสดีครับ
แสงดาว: ค่ะ สวัสดีค่ะ
บอยกดวางสาย
"เป็นไง น้องอยู่กับใคร มีเสียงใครอยู่ด้วยมั๊ย น้ำเสียงปกติดีหรือเปล่า" แดนชลถามลูกน้องเป็นชุดทั้ง ๆ ที่นั่งอยู่ในรถคันเดียวกัน
"ก็ปกติดีนะครับนาย แต่ออกจะติดรำคาญนิด ๆ น่าจะใช้สมาธิอยู่น่ะครับเห็นว่ากำลังทำการบ้านบัญชีนี่แหละครับ" บอยเล่าตามท้องเรื่อง
"เหรอ ขอบใจมาก คอยดูแลห่าง ๆ นะ ตามไป อย่าให้รู้ตัว"