และเธอก็เป็นเพียงรุ่นน้องคนเดียวที่กำลังหางานอยู่ ส่วนยัยลิสนั้น มีงานอยู่แล้ว แค่ย้ายตามเพื่อนร่วมรุ่นหน้าหล่อพ่อแม่รวยอย่างปรัชชามาเท่านั้น และทั้งสองได้ทำฝ่ายขายด้วยกัน ส่วนรุ่งฤดีพอรู้ข่าวจากเธอ ก็มาลองสมัครบ้าง เพราะงานที่ทำอยู่กำลังมีปัญหากับเจ้านาย อยู่ต่อไปก็คงไม่รุ่ง แล้วก็ได้อยู่แผนกเดียวกับเพื่อนรัก เรียกว่าสมใจไม่น้อย
และแน่นอนว่าถ้าสามสาวแห่งฝ่ายขายได้มาอยู่ด้วยในตอนนี้ และได้มาเห็นเธอถูกเจ้านายเหน็บเรื่องเวลาแบบนี้ รับรองพอออกจากห้องประชุมไปไม่ถึงห้านาที ก็คงจะพากันเอาไปป่าวประกาศ พร้อมกับตอกไข่ใส่สีเพิ่มเติมให้รู้ไปทั่วแล้วแน่ๆ แค่คิดก็เบื่อล่วงหน้าละ เลยได้แต่บอกตัวเองให้ระมัดระวังมากกว่านี้เท่านั้น
“เริ่มกันเลยนะครับ ตาม Draft Minute ที่คุณวริศทำให้ทุกคนแบบด่วนๆ นี้ เราคุยกันก่อน ไว้ให้เลขาทำแจกฉบับเต็มอีกรอบก็แล้วกันนะครับ”
วริศส่งเอกสารให้ครบตามจำนวนคน และทุกคนต่างรีบก้มอ่านอย่างสนอกสนใจ นัดดากรเองก็ไม่ต่างจากคนอื่น หรือถ้าจะต่างก็มีอาการตื่นเต้น เพราะไม่เคยได้เข้าประชุมในกลุ่มใหญ่แบบนี้สักที ส่วนมากจะรับงานจากวีระที่ถ่ายทอดให้อีกที หรือรับงานจากลีลาวดี ซึ่งเป็นเจ้านายโดยตรงอีกทาง
“เรื่องแรกนะครับ อย่างที่ทุกท่านทราบแล้ว ว่าผมจะอัพเกรดโรงแรมนี้ ให้เป็นโรงแรมห้าดาวอย่างเต็มรูปแบบ คำว่าเต็มรูปแบบคือ อิงตามหลักสากล ไม่ใช่แค่ในไทยเท่านั้น จริงๆ ตามแผนเดิม ผมจะแจ้งในที่ประชุมพรุ่งนี้ แต่เนื่องจากวันนี้ เวลาที่เหลืออยู่ มีให้ฝ่าย F&B กับ Banquest ก็เลยต้องเปลี่ยนแผน โรงแรมจะเปลี่ยนจาก LeeLaaVa-D Hotel & Spa Bangkok มาเป็น VPotel Bangkok Suvarnabhumi Airport หรือ VPBS หลังจากที่แรกคือ VPotel Tokyo Haneda Airport เปิดตัวไปเมื่อสามปีก่อน ประสบความสำเร็จมากๆ แล้ว เราก็จะมาทำให้ที่นี่ เดินตามรอยที่แรกต่อไป และทั้งสองที่ก็ยังคงมี VP Group ถือหุ้นอยู่เหมือนเดิม”
ทุกคนต่างตั้งอกตั้งใจฟังคนนั่งหัวโต๊ะเอ่ย ด้วยถ้อยคำฉะฉาน ภาษาอังกฤษก็ถอดแบบภาษาแม่มาไม่มีผิดเพี้ยน ไม่บอกก็รู้ว่าผ่านการอยู่ในประเทศที่เป็นเจ้าของภาษามานาน ซึ่งข้อนี้นัดดากรเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าประวัติเขาเป็นมายังไง มีรู้แค่นิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น
“ส่วนชื่อร้านอาหารผมชอบทุกชื่อ จะคงชื่อพวกนี้ไว้ มีที่เดียวที่ผมอยากจะเปลี่ยน ก็คือห้องอาหารลีลาวดี ผมจะเปลี่ยนมาเป็นชื่อรดาวดี ไม่ทราบว่ามีใครจะคอมเมนต์อะไรหรือเปล่าครับ?”
คนนั่งหัวโต๊ะเงยหน้าจากเอกสาร ไปมองผู้ร่วมประชุมจนรอบโต๊ะ แต่ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา นัดดากรที่สะอึกกับชื่อใหม่นี้ ก็ไม่กล้าแม้แต่จะปริปากด้วยซ้ำ
“มีความหมายพิเศษอะไรมั้ยครับชื่อนี้? ผมเห็นท่านประธานพูดสองรอบแล้วครับ”
มีเพียงวีระคือเจ้าเดิมที่กล้าเอ่ย เพราะอายุเยอะกว่าใคร และเชื่อว่าทุกคนก็คงอยากจะรู้เช่นกัน จะยกเว้นก็แค่ผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวในห้องเท่านั้นที่ไม่ได้อยากรู้สักนิด
“ถ้าจะเอาตามที่ผมเคย Search มา รดาวดีก็แปลว่า ผู้มีวงศ์ตระกูล แต่ถ้าจะเอาตามใจ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชอบชื่อนี้ตรงไหน หรือเพราะอะไร รู้แต่ว่าเป็นชื่อที่ฟังแล้วสะดุดหู ฟังแล้วเพราะดี ถ้าจะให้จินตนาการถึงผู้หญิงที่ชื่อนี้ ผมคิดว่าเธอคนนั้น ก็คงจะสวยบาดตาบาดใจ ใครเห็นหรือได้อยู่ใกล้ ก็คงจะรักจะหลงแน่ๆ เลยอยากได้มาตั้งเป็นชื่อห้องอาหารของเรา แต่ถ้าใครมีเหตุผลอื่นจะแย้งก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมรับฟังทุกความคิดเห็นครับ”
นัดดากรไม่กล้ามองใคร และเดาว่าคงไม่มีใครบังอาจแย้งท่านประธาน ตั้งแต่วันแรกที่ได้ทำงานร่วมกันหรอกกระมัง
“อื๊ม”
แต่เมื่อเสียงนี้ของท่านประธานดังขึ้น เลยเผลอเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาเทียบเท่ากับดาราจีนตัวพ่อ กำลังจ้องมาหาอยู่ก่อนแล้ว เลยเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก มือที่จับปากกานั้นก็สั่นน้อยๆ ในใจก็หวาดกลัวหน่อยๆ ไปด้วย และอยากให้เวลาแบบนี้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว
“ถ้าไม่มีใครแย้งแล้ว ผมเอาตามนี้นะครับ หัวข้อต่อไปก็คือ ผมอยากให้ทุกคนเริ่มหาพนักงานในส่วนรับผิดชอบของตัวเองเพิ่มได้เลย ต่อให้สถานการณ์โรคระบาดยังไม่หมดไปซะทีเดียว แต่เราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ผมจะมีคนทางญี่ปุ่นมาเทรนด์ให้ทุกส่วนทุกแผนก ไม่กี่วันข้างหน้านี้ ก็จะมี F&B Director มาดูแลงานช่วยคุณวีระอีกทอด และจะมีคุณวริศช่วยดูอีกแรง ส่วนฝ่าย Banquest ผมจะแยกออกจาก F&B แบบเด็ดขาด ผมจะลงไปดูแลเอง คงต้องรบกวนคุณเค้ก ให้ช่วยหาผู้จัดการฝ่ายขายมาเพิ่มอีกสักสามคนนะครับ คัดเลือกแล้วก็นัดสัมภาษณ์ได้เลย หรือถ้ามีคนรู้จักก็ชวนมาคุยกันดูครับ”
“คงต้องให้ท่านประธานสัมภาษณ์จะดีกว่ามั้ยคะ ฉัน...”
“ผมชอบที่คุณจะแทนตัวเองว่าเค้กมากกว่าคำว่า ‘ฉัน’ ครับ ผมว่ามันฟังดูแล้วเป็นกันเองและสนิทกัน หรือเหมือนคนในครอบครัวเดียวกันมากกว่าครับ แต่ถ้าคุณเค้กลำบากใจ หรือไม่อยากใช้คำนั้นกับผม ก็ไม่เป็นไรครับ ผมก็เป็นแค่คนนอกน้อ จะเป็นคนในครอบครัวคุณเค้กได้ยังไงกัน ใช่มั้ยครับทุกคน?”
“น้องเค้กไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ เพราะปกติก็จะแทนตัวเองว่าเค้กกับพวกเราอยู่แล้ว”
วีระเจ้าเดิมหันไปมองคนที่เขาเรียกว่าน้องแล้วยิ้มให้
“จริงเหรอครับคุณเค้ก?”
เขายิ้มน้อยๆ ให้เจ้าของชื่อที่ไม่ตอบอะไร นอกจากมองหน้าเขานิ่งๆ จะยิ้มก็ไม่ใช่ จะไม่ยิ้มก็ไม่เชิง เรียกว่าไว้ท่าก็คงไม่ผิดนัก
“ตอนกินข้าวด้วยกัน ผมก็เห็นแบบนั้นนะครับ เลยอยากให้คุณเค้กปฏิบัติกับผมเหมือนกับทุกคนไงครับ แต่ก็อย่างที่บอกครับ ถ้าลำบากใจหรือไม่เห็นผมเป็นคนในครอบครัว ก็ตามสบายครับ ผมไม่บังคับ”
ปากก็บอกว่าไม่บังคับๆ แต่เล่นตีกรอบจนอีกฝ่ายไปไม่ถูกนี่ มันยังไงกันนะคะท่านประธาน
“เอ่อ...ไม่ลำบากใจหรอกค่ะ เพียงแต่ตอนแรกเค้กไม่กล้าค่ะ แต่ถ้าท่านประธานอยากให้เรียกแบบนั้นก็จะเรียกค่ะ”
“ขอบคุณครับ แล้วตกลงเมื่อกี้คุณเค้กจะพูดอะไรนะครับ?”
“คือการส่งเรื่องประกาศรับผู้จัดการ เค้กทำได้ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ถ้าจะให้สัมภาษณ์เอง เกรงว่าจะไม่เหมาะค่ะ”
“ยังไงครับ?”
“ก็เค้กเป็นแค่ผู้จัดการ จะให้สัมภาษณ์พนักงานในระดับเดียวกัน คงจะดูไม่เหมาะค่ะ ท่านประธานสัมภาษณ์เองได้เลยค่ะ เค้กจะประสานงานให้ค่ะ”
“อ้าว! นี่ผมยังไม่ได้แจ้งใช่มั้ยครับ ว่าจะเลื่อนให้คุณเค้กมาเป็นผู้ช่วยผม ให้รับผิดชอบด้าน Convention & Banquest และต้องดูแลผู้จัดการ ที่จะอันเดอร์คุณเค้กไปด้วยครับ”
“คะ?”
“ตามที่บอกไว้เลยครับ ส่วนรายละเอียดงาน เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเรามาคุยกันอีกที หลังจากคุณเค้กย้ายมาอยู่ห้องข้างๆ ผมแล้ว คืนนี้เดี๋ยวผมให้คนจัดห้องใหม่ ไปเรื่องอื่นต่อกันเลยนะครับ...”