“จริงมั้ยอาจางหว่ย?” วรเดชถอนหายใจให้กับเมียและลูกอีกบ้าน ที่กล้ากัดกันใส่หน้าอากง ทั้งๆ ที่เขาเคยบอกแล้วหลายรอบ สงสัยช่วงนี้เขาจะใจดีเกินไปแล้วล่ะมั้ง ถึงไม่จำคำสอนสั่งของเขาเลย “ใช่...อากงกับป๊านี่ล่ะ เป็นตัวตั้งตัวตี แล้วก็ลากพี่แกให้กลับมาบริหาร ถึงตอนนี้มันจะยังไม่ทำเงิน แต่วันข้างหน้ามันจะทำกำไรให้ จนพวกแกสองคนคิดไม่ถึง ในเมื่อเรามีเงินเหลือเฟือ มีของถูกๆ มาประเคนตรงหน้า ถ้าไม่เอาก็คงจะโง่เป็นควายละมั้ง” อากงจื้อโหยวพอใจในท่าทีของลูกไม่น้อย เลยใจเย็นลง แล้วมองหน้าทุกคนรอบโต๊ะ ก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่มลงมากว่าเมื่อครู่ “เลิกพูดเรื่องงานได้แล้วนะ อั๊วอยากกินให้อร่อยๆ และอยากได้ยินลูกหลาน คุยกันด้วยเรื่องเบาๆ เรื่องสนุกสนาน ไม่ใช่เหน็บแนมกันไปมา จนกับข้าวไม่อร่อย ดูสิ! อาหยู่เยียนอุตส่าห์หาแต่ของดีๆ ราคาแพงๆ มาให้กินทั้งนั้น ดันไม่ยอมสนใจอาหาร เป็นอะไรกันนักหนานะ?” เมื่อวรเดชได้ออกโรงร่า