บทนำ
‘ผู้ชนะได้แก่ไอ้มังกือศิษย์หรรมน้อยลูกตาติ๊ด...’ เจ้าของฉายาถูกยกมือขวาประกาศชัยชนะ หลังจากตามซัดคู่แข่งจนหน้าพังยับเยิน จากนั้นจึงยกยิ้มเจ้าเสน่ห์แจกจ่ายไปทั่วเวทีจนลักยิ้มบุ๋มลงไปทั้งสองข้าง
ไม่นานก็จูบลงที่นิ้วกลางแล้วส่งมาทางเธอ
‘อีรำเพย มึง...ตาย’
“เฮือก...”
กรี๊ดดดด
ไอ้มังกือ! ไอ้มังกวย!
ทำไมเธอถึงฝันถึงมันได้เนี่ย ตามมาเป็นเสนียดถึงในความฝันเลย เจ้าของความฝันขยี้หัวตัวเอง มองพัดลมที่ถูกจ่อจนเรือนผมฟูแล้วถีบออกราวกับเห็นมันเป็นคนในฝัน
“รำเพย!!! พี่สิงห์เขาจะไปแล้ว เอ็งจะไปกับพี่เขาไหม”
“ไป...ไปจ้ะพ่อ พี่สิงห์รอเพยเดี๋ยว” หญิงสาวรีบลุกขึ้นพลางสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นตัวเองในกระจก
เรือนผมฟู น้ำลายที่ไหลออกมาจากมุมปากและเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่
จะออกไปเจอสิงหาสภาพนี้ได้ยังกัน
“ไอ้ลูกคนนี้ เย็นขนาดนี้มัวแต่นอนอยู่ได้ ผัวเอ็งคงมีแต่ผีตากผ้าอ้อมนั่นแหละ”
“ถ้าผีตากผ้าอ้อมมาคงดีกว่าไอ้มังกวยนั่นแหละ อย่าบ่นได้ไหมตาเขี้ยว” ประโยคหลังเธอหันไปแว๊ดบิดาของตัวเองเสียงลั่น
“เออ เอา ๆ ไอ้ลูกคนนี้ เจริญละ”
“พี่สิงห์เหนื่อยไหมจ๊ะ เราแวะพักตรงศาลาให้เพยเช็ดเหงื่อให้ดีไหม พ่อไม่รู้หรอกจ้ะ”
คำพูดของเด็กสาวทั้งอ่อนหวานและออดอ้อนเรียกรอยยิ้มหวานจากนักมวยหนุ่ม สิงหาส่ายหน้าน้อย ๆ เชิงปฏิเสธ ก่อนจะวิ่งนำรถมอเตอร์ไซค์ของรำเพยต่อ
เขาทั้งพูดน้อยและสุภาพทำให้คนมองได้แต่ส่งสายตาปลาบปลื้ม
“พี่สิงห์ไม่เหนื่อยจริงเหรอจ๊ะ”
“เดี๋ยวพ่อเขี้ยวก็ดุเอาอีกหรอก”
“พ่อไม่รู้สักหน่อย วันนี้พี่วิ่งถึงแค่บ่อกุ้งก็พอ แล้วเราไปเที่ยวตลาดกันดีไหมจ๊ะ”
“สภาพพี่แบบนี้เนี่ยนะ” เขาลดความเร็วลงอีกครั้งก่อนจะหัวเราะเมื่อหญิงสาวทำปากจู๋มองร่างกายที่มีแต่กางเกงมวยของเขา เหงื่อที่ไหลท่วมเรือนกายทำให้เด็กสาวยื่นมือไปซับให้เขาอย่างถือวิสาสะ
ทำไมสิงหาถึงไม่รู้ว่าเธอชอบเขา แต่เขาไม่ได้คิดกับเธอไปมากกว่าน้องสาว เลยมีเพียงความเอ็นดูให้เธอเท่านั้น ส่วนลมรำเพยเองก็ยอมรับในส่วนนั้น แต่ยังอดเต๊าะเขาให้พอกระชุ่มกระชวยหัวใจไม่ได้
“เพยก็เลยเอาเสื้อพี่สิงห์ใส่เบาะรถมาด้วยนี่ไง”
“ตัวพี่มีแต่เหงื่อไม่ไหวหรอกเพย เดี๋ยวพี่ต้องไปชกลมอีก”
ตั้งแต่แพ้มาตารางซ้อมของสิงหาก็หนักขึ้นเป็นเท่าตัว
“ง่าาาางั้นก็ได้จ้ะ สิบสองนาทีแล้วจ้ะพี่สิงห์”
“โอเค งั้นเพยค่อย ๆ ขับตามมานะ ระวังอย่าลงหลุมล่ะ” สิงหายกมือตอบกลับก่อนจะวิ่งต่อ
“จ้าาา”
ตารางซ้อมของค่ายเขี้ยวพยัคฆ์นับว่าโหดเบอร์แรก ๆ ของค่ายมวยทั่วไป เพราะต้องซ้อมวิ่งทนระยะไกลเช้าตีห้าสิบกิโล ก่อนเลิกซ้อมก็ต้องวิ่งอีกสิบกิโลก่อนจะยอมปล่อยเด็กในค่ายไปพักผ่อน แถมยังต้องจับเวลาเพื่อไม่ให้เกินสามสิบนาที
ยิ่งได้เห็นเหงื่อที่ผุดพรายทั่วผิวสีแทนของสิงหาไหลผ่านร่องกลางหลังซึมลงเข้าไปในกางเกงมวย เด็กสาวก็ขยับยิ้มกริ่มยอมขับรถตามแต่โดยดี เพราะนอกจากจับเวลาแล้ว ก็ต้องคอยดูแลเผื่อเขาเป็นตะคริวและรับสิงหากลับเมื่อครบสิบกิโล
ลมรำเพยเด็กสาววัยยี่สิบ เจ้าของเรือนผมดำสนิทล้อมกรอบใบเล็ก ดวงตากลมโตสีดำสนิทมีแววดื้อรั้น ใบหน้าอ่อนวัยหากแต่นิสัยแก่แดด เพราะวิ่งเล่นในค่ายมวยมาตั้งแต่เด็ก ๆ
เธอไม่กลัวผู้ชายมากนักซ้ำยังแก่นแก้ว แต่ก็เหมือนไข่ในหินที่มีพี่ ๆ นักมวยในค่ายตามคุมเป็นโขยงจนไม่เคยมีแฟน หนำซ้ำยังตกหลุมรักสิงหาหัวปักหัวปำ เพราะเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเขี้ยวพยัคฆ์ นักมวยทีมชาติเจ้าของค่ายมวยเขี้ยวพยัคฆ์ หลังจากจบปวชแล้วต่อปวสก็ไม่เคยได้ทำงานตามที่เรียนมาเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะนอกจากเรียนก็มาช่วยงานบัญชีในค่ายบ้างประปราย
“แค่หลังยังหล่อเลย บุญตาอีรำเพยมากพ่อคุณ” ลมรำเพยพึมพำ
“โถอีวอก!!!”
“กรี๊ดดดด ไอ้มังกวย!” ฝันถึงหมา หมาก็มาเลย
“กูชื่อมังกร!”
ชื่อของคู่อริทำให้รำเพยได้แต่ย่นหน้าอย่างรำคาญใจ ถนนมีตั้งหลายสายทั้งที่ลัดเลาะรอบเขาและคลองชลประทานก็ตั้งหลายเส้น ไม่รู้ทำไมมันถึงชอบโผล่หน้ามาชวนให้เธออารมณ์เสียอยู่เรื่อย
“พี่สิงห์จ๊ะพี่สิงห์จ๋า กูจะอ้วกว่ะ”
“แดกหมาเข้าไปก็สมควรอ้วกอยู่แหละ”
“เขาให้มาเฝ้านักมวยไม่ได้มาอ่อยนักมวยทำผัว” ชายหนุ่มเบ้ปาก เขาหมุนคอไปมามองเสี้ยวหน้าเล็กอย่างหมั่นไส้
“แล้วเสือกอะไรด้วยล่ะจ๊ะไอ้มังกวยยย”
“โถ่! ทำมาจ๊ะทำมาจ๋า พี่สิงห์จ๊ะอย่างนู้นพี่สิงห์จ๋าอย่างนี้ อีเพยเขารู้เช่นเห็นชาติมึงกันหมดทั้งตลาดแล้ว แหวะ!”
“แล้วไงใครแคร์ล่ะจ๊ะ ไอ้มังกือศิษย์หรรมน้อยลูกตาติ๊ด”
“นี่มึงด่าพ่อกูเลยเหรออีรำเพย”
“เออแล้วจะทำไม ตาติ๊ดให้มาวิ่งไปสิ มาเสือกอะไรกับคนอื่นเขาด้วย” จะมาชวนเธอให้โมโหทำไม
“ลูกตาเขี้ยวนี่หนิ”
ยิ่งเห็นแผ่นหลังของสิงหาห่างไปไกลลมรำเพยยิ่งโมโห จะขับหนีไปก็ไม่ได้เพราะมังกรเอาแต่จับท้ายรถเธอไว้ ถ้ากระชากออกไปชายหนุ่มนั้นแหละที่จะล้มหัวฟาดพื้น
“จ้องจะจับไอ้สิงหานั่นทำผัวตลอด เห็นแล้วลูกตาจะถลอก ถามจริงมันมีอะไรดีนักหนาต่อยกับกูกี่ยกก็แพ้ตลอด”
“อิจฉาล่ะสิ ก็แกไม่มีคนในค่ายสนใจตามมาเฝ้าอย่างพี่สิงหาเขา”
“มีแต่พวกอ่อนเท่านั้นแหละที่ต้องมีคนมาเฝ้า วิ่งแค่สิบกิโลไม่มีใครเขาชักตายกลางทางหรอก กระจอก”
“ทำเป็นพูดดี ไอ้คนขี้อิจฉา”
“แต่กูชนะไอ้หน้าอ่อนนั่นนะ”
“ไอ้หน้าอ่อน...หน็อยยยไอ้หรรมเล็ก!!!”
“มึงเคยเห็นของกูเหรอ ลามกนะมึง” มังกรหัวเราะเสียงต่ำกวนอย่างกวนประสาท “ใหญ่กว่าของไอ้หน้าอ่อนนั่นแล้วกัน”
ยิ่งเห็นลักยิ้มนั่นลมรำเพยยิ่งหงุดหงิด
“ใครจะอยากเห็นของแก ว่าแต่ว่าใครหน้าอ่อนห้ะ! อย่าเอาปากหมา ๆ มาจ้าบจ้วงพี่สิงห์ของฉันนะ” หญิงสาวกัดฟันกรอด
ด่าอีลมรำเพยยังไงไม่เคยว่า แต่มาด่าผู้ชายอีลมรำเพยไม่ยอมแน่
เธอยกเท้าทำท่าจะถีบแต่คนตัวสูงกลับหัวเราะร่วนแล้วโยกตัวหลบ เสียงกรี๊ดของหญิงสาวดังขึ้นพร้อมกับหัวที่ถูกขยี้จากชายหนุ่มที่ตามมาทีหลัง จนรถซวนเซเป็นงูเลื้อยด้วยความโกรธ
“ไอ้มังกร!!!”