ซึ่งสืบทอดกิจการค้าขายอัญมณีมาจากครอบครัว ซึ่งเป็นคนไทยเชื้อสายจีนมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ
“ฟางจ๊ะ ยื่นมือมาสิจ๊ะ พี่จะสวมให้”
เธอได้ยินคำเอ่ยกระซิบใกล้หู
ใบฟางแน่ใจว่าหูของเธอไม่ได้เฝื่อนหรือตาฝาด
เมื่อเห็นชายหนุ่มยื่นกล่องกำมะหยี่ที่ล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกง ยื่นส่งให้เธอตรงหน้า
มันเป็นแหวนเพชรสีขาวน้ำงามพิสุทธิ์อย่างที่เรียกว่าเพชรน้ำค้างหนักสองกะรัต
ดูเหมือนเขาจะสั่งทำเป็นพิเศษด้วย
สาวสวยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หลังจากเอ่ยชมสิ่งของตรงหน้าหลังจากเปิดกล่องกำมะหยี่ขนาดเล็กเท่ากล่องไม้ขีด
เอ่ยด้วยคำพูดที่ละล่ำละลัก
“ค่ะ สวยจังเลย พี่ธี เพชรไพลินเม็ดงาม น้ำใสวาวบริสุทธิ์”
“จ๊ะ น้องฟางจ๋า ถ้าน้องฟางชอบก็รีบยื่นมือ เข้ามาใกล้ๆพี่สิจ้ะ คนดี พี่ธรจะขอสวนแหวนวงนี้ให้ ถือเสียว่าเป็นการหมั้นจองใจไปก่อน ก็แล้วกันนะ โดยเฉพาะวงนี้ลวดลายรูปแบบพี่สั่งให้ช่างทางร้าน ทำและออกแบบเป็นพิเศษเลยนะเห็นว่าเป็นเพชรแท้มาจากอเมริกาใต้”
คนเอ่ยบอกให้ฟังก่อนที่จะบรรจงสอดสวมแหวนเพชรน้ำงามรูดลงลึกเกือบสุดโคน บนนิ้วนางซ้ายเรียวของหล่อน
สังเกตได้ชัดว่า ผู้ที่ได้รับของขวัญพิเศษนั้น ปลาบปลื้มดีใจจนแสดงผ่านออกมาทางสีหน้า
จนยากที่จะระงับความดีใจได้ ถึงอารมณ์เต็มเปี่ยม ที่เธอนึกคาดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ
นั่นคือ ความเข้าใจโดยปริยายของเธอ
การที่ชายคนรักหนุ่มสอดสวมแหวนราคาแพง วงสำคัญให้ นอกจากน้ำงามแวววาวจรัส
ยิ่งแสงสะท้อนเป็นประกายวูบวาบผ่านคู่นัยน์ตาของหล่อน
“พี่ธี อยากจะบอกว่า นี่คือความตั้งใจของพี่ พี่ตั้งใจมาหลายอาทิตย์แล้ว เห็นสมควรว่าควรมีสิ่งที่บ่งบอกถึงสัญลักษณ์และความหมาย พี่จึงเลือกแหวนวงนี้ เพื่อเป็นอนุสรณ์และพยานในความรักของเราจะมั่นคงดูดดื่มตลอดไป พี่ขอสัญญาว่าจะรักน้องฟางตลอดไป จะดูแลและไม่ทอดทิ้ง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นทั้งนั้น”
คำมั่นสัญญาจากหัวใจที่หวานเสนาะบวกกับนัยน์ตาเชื่อมหวานที่เงยมองสบสาวสวย
จนเธอสะเทิ้นเขินอายผุดสีหน้าแดงระเรื่อเจือที่ผิวแก้มเปล่งปลั่งอมชมพูแดงด้วยเลือดฝาดของสาว ธีรคามชอบตรงนี้เหมือนกันกับกิริยาเขินอายที่ดูน่ารักไปหมด
เพียงเท่านี้เขาก็มั่นใจว่า รักของหล่อนและเขาจะก้าวไปข้างหน้า
ใบหน้าของสาวสวยที่ยังเต็มด้วยความปีติชื่นบาน
เธอก็จะตอบสนอง อย่างที่เขาต้องการนั่นล่ะ
ในเมื่อพี่ธีรคาม มีความจริงใจบวกกับความรักที่จะให้เธอ
เธอก็สามารถตอบแทนเขา ด้วยหัวใจคงมั่นในรักเช่นเดียวกัน
“เอาไว้ พี่ขอเก็บเงินสักประมาณปีครึ่งก่อนนะ แล้วพี่ค่อยพาพ่อกับแม่ไปสู่ขอ น้องฟาง”
หญิงสาวใบหน้าหวานหมดจดสวยคม เป็นธรรมชาติ พยักหน้ารับเบา จากริมฝีปากที่กลีบบางเหมือนดอกกุหลาบหยักเผยอน่าชวนทะนุถนอม
ใบฟางกลับไปถึงบ้านอีกครั้ง
เมื่อชายหนุ่มเป็นคนมาส่งถึงบ้านจนปลอดภัยหลังจากที่ทั้งคู่ใช้เวลาในการเดินเที่ยวชอปปิ้งในศูนย์การค้าหรูแห่งนี้รวมแล้วประมาณหนึ่งชั่วโมง
หากความซึ้งซาบยังเป็นของหล่อน
ยังดูดดื่มปักตรึงในของขวัญชิ้นเซอร์ไพรสซ์ ที่ชายคนรักมอบให้เมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา
หัวใจของเธอยังเปี่ยมสุขไปด้วยความฝันในหัวใจสาวที่ลอยล่องพลิ้วไหวในสายลมและสายธารหัวใจ
บ่งบอกอย่างแน่วแน่ว่า เธอจะให้สัญญารักแก่เขาไม่เสื่อมคลาย
ขอบคุณที่เขายังไม่ได้เร่งรัดเธอมากกว่านี้ ถ้าจะพูดถึงเรื่องแต่งงาน
เหมือนเอาชีวิต หนึ่งของหล่อน ฝากฝังอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งจนชั่วชีวิต
เท่าที่คะเนผ่านสายตาแล้วเธอคิดว่าผู้ชายคนนี้นั้นเหมาะสมอย่างที่สุด
เหมือนฟ้าได้ประทานผ่านให้ชีวิตของเธอ และเป็นชายหนุ่มคนเดียวที่หญิงสาวยินยอมเห็นด้วยยกเขาไว้ในตำแหน่งคนพิเศษ
การคบหาของทั้งคู่ดำเนินระยะผ่านมาแล้วได้ครบสองปี
ที่บ้านอรุณรุ่งปรีชา
เมื่อรถยนต์มาเทียบจอดหน้าบ้านจากประตูรั้วเหล็กดัดโปร่งของอัลลอยสีน้ำตาลขาว
ผู้ที่เขม้นมองมาจากข้างในเห็นได้ชัดว่ามีอาคันตุกะมาส่งลูกสาวคนโต พอสายตาจับสังเกตไปที่ร่างสูงนั้นคุณสนมนาถมีความพึงใจในสีหน้าขณะหนึ่ง พยักหน้ากับตัวเองแล้ววางใจ
เพราะคนที่มาส่งบุตรสาวนั้นไม่ใช่ใคร แต่เป็นว่าที่ลูกเขยในอนาคต
ซึ่งนางผู้เป็นมารดาพร้อมด้วยคุณบพิตรผู้เป็นบิดานั้นไม่ได้กีดกันและห้ามหวง เนื่องจากได้คิดว่าบุตรสาวโตพอที่จะบรรลุนิติภาวะรู้จักคิดอะไรถูกผิด
และเรื่องครอบครัวก็สามารถตัดสินใจตัวเองได้ ประการที่สำคัญอย่างหนึ่ง ใบฟางลูกสาวแสนสวยนั้นอยู่ในสายตาของนางมาตลอด
เรื่องการวางตัวเป็นสิ่งที่นางพึงพอใจ ที่ลูกสาวซึ่งได้เลี้ยงมากับมือ รู้จักกิริยามารยาทของกุลสตรี รู้จักรักนวลสงวนตัว.. ไม่ทำอะไรให้เป็นที่ครหาและประเจิดประเจ้อเกินงาม
ในฃ่วงเวลานั้น ร่างท้วมของคุณสนมนาถ ที่เพิ่งกลับมาจากบริษัทได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว และเธอออกมาจากครัว เพื่อทำอาหารเย็นเลี้ยงคนในครอบครัวเช่นตำแหน่งแม่บ้าน
“ใครมากันล่ะ”
เสียงเธอดังขึ้นมาก่อน พร้อมกับสาวเท้ามาตามทิศทางของเสียงแล่นของรถยนต์ที่ได้ยิน พอจะได้เห็นหยุดจอดกึก
“เงิน ลุกไปดูหน่อยซิลูก”
เรียกลูกสาวคนเล็กที่ยังง่วนอยู่หน้าจอทีวีให้ลุกไปดู ใบเงินน้องสาวถัดต่อจากใบฟางปัดก้นลุกจากโซฟาด้วยความเสียดายเพราะกำลังติดอกติดใจอยู่กับละครจอทีวี สักพักก็ให้คำตอบมารดาก่อน
“พี่ฟางค่ะแม่ กลับมาแล้ว ดูเหมือนว่า พี่ธีสุดหล่อของพี่ฟาง มาส่งด้วยค่ะ”
ใบเงินเป็นฝ่ายรายงานให้มารดาฟังน้ำเสียงเจื้อยแจ้วร่าเริงเหมือนเด็กสาววัยรุ่นทั่วไป
พอได้ยินอย่างนั้นคุณสนมนาถก็ไล่ลูกสาวคนเล็กเข้าไปในบ้าน
“เข้ามาข้างในบ้านกันก่อนสิจ้ะ ธี แหม.. อุตส่าห์มาส่งยัยฟาง น้าขอบใจมากนะ”
คุณสนมนาถยิ้มทักขึ้นมาก่อน
เมื่อธีรคามเห็นว่าเป็นมารดาของหญิงสาวก็ยกมือไหว้ทันที
“สวัสดีครับคุณอา”
“จ้ะ ไหว้พระเถอะ”
ธีรคามเอ่ยต่อไปอีกด้วยสีหน้าที่ยิ้มละไม แต่มีความกังวลผ่านสีหน้าบวกกับอึดอัดอยู่หน่อย เพราะอยากจะกลับออกไปเลย เนื่องจากมีธุระเร่งด่วน
“ผมขอโทษนะครับ เผอิญมีธุระเร่งด่วน มาส่งน้องฟางถึงบ้านแล้วก็จะไปเลย”
“อ้าว อย่างนั้นหรอกหรือจ้ะ”
คุณสนมนาถเอ่ยด้วยความรู้สึกที่เสียดาย
“น้าก็อยากจะชวนให้เข้าไปนั่งเล่นข้างในก่อน มากันเหนื่อย.. อยากจะให้อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกัน ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ไม่เป็นไรหรอก เอาไว้วันหลังก็ได้”
“ครับ เอาไว้เป็นโอกาสหน้า ผมขอตัวก่อนนะครับคุณน้า น้องฟางด้วย”
เขาถือโอกาสล่ำลา
ไม่ใช่เฉพาะแต่เพียงมารดาของเธอเท่านั้น หากใบฟางตกใจเช่นกัน เธอเดาไม่ออก เพราะตอนที่เธอเดินทางมาร่วมกับเขาก็ดูปกติ ไม่ได้แสดงกิริยาที่ร้อนรนกระวายใจอย่างที่เห็น เหมือนจะเร่งรีบด้วย
ยามอยู่กับหล่อนบนรถ แทบจะตลอดทางธีรคามมีเรื่องราวโน่นนี่ คุยกับหล่อนจนเกิดความสบายใจ
ทั้งที่หล่อนมีเรื่องพูดน้อยกว่าเขาอีก จนแทบนับคำได้ เรียกว่าหล่อนไม่มีเรื่องจะพูดมากมาย
จากนั้น ธีรคามสตาร์ทรถและกระชากเกียร์ปร๋อขับออกไปเหมือนคนใจร้อนอย่างที่สุด
ผิดแผกไปจากชายหนุ่มใจเย็นที่เธอได้พบเมื่อครู่นี้