ตอนที่ 6 การกลับมาของยัยแม่มด

1789 Words
Part ชานนท์ พี่นาฟบังคับให้ผมไปรับพี่ซอด้วงที่สนามบิน ผมไม่อยากไปแต่ก็ขัดใจพี่ชายไม่ได้ เครื่องของยัยแม่มดนั่นมาถึงนานแล้ว แต่ผมก็ยังไม่เห็นเธอ ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีวี่แวว ผมเลยกลับไปนั่งรอในรถให้ลูกน้องของผมยืนชูป้ายรอเธอแทน ผมหลับรอบนรถและสะดุ้งตื่นมาเมื่อได้ยินปิดประตูรถ และมีคนมานั่งข้างๆ ผมที่เบาะหลัง “ยัยแม่มด!” ผมอุทานฉายาของเธอที่ผมตั้งขึ้นมา เธอกลับมาอยู่ตรงหน้าผมอีกครั้ง ตอนนี้ยัยแม่มดของผมกลายเป็นนางฟ้าไปแล้ว ดวงตาคู่นั้นปราศจากแว่นตาหนาเตอะ แต่ยังกลมโตเหมือนเดิม สวยเหมือนเดิม แต่ใบหน้าถูกแต่งแต้มให้ดูสวยมากยิ่งขึ้น ผมปล่อยยาวม้วนปลายเป็นลอนสวย ย้อมผมสีน้ำตาลอ่อน ปากอวบอิ่มนั้นเคลือบด้วยลิปสีแดงแปร๊ด สีเดียวกับชุดที่ใส่ “ผ่านไปสองปี ยังปากเสียเหมือนเดิมนะนนท์” พี่ซอด้วงพูด “มารยาทก็ไม่มี” พี่ซอด้วงเหน็บซ้ำ ผมเลยยกมือไหว้แบบลวกๆ พี่ซอด้วงก็รับไหว้แบบไม่เต็มใจ พี่ซอด้วงเงียบไปตลอดทางจนผมอึดอัด จะชวนคุยก่อนก็กลัวเสียฟอร์ม ก็เลยต่างคนต่างเงียบจนถึงบ้าน ‘สวยขึ้นแล้วคิดว่าผมต้องง้อพี่เหรอ ฝันไปเถอะ’ พอถึงบ้านก็พบว่าพี่นาฟมารอต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว ‘ถ้าตัวเองว่างก็ไม่รู้จะส่งเราไปรับทำไม พี่นาฟนะพี่นาฟ’ “พี่นาฟ” พี่ซอด้วงลงจากรถพุ่งเข้าไปทักทายพี่นาฟ “ซอมีของมาฝากพี่นาฟด้วยค่ะ” พี่ซอด้วงพูดเสียงหวาน “ของผมล่ะ” ผมถามหาของฝาก “ไม่มีจ๊ะ” พี่ซอด้วงตอบ ‘สองมาตรฐาน’ ผมคิดในใจแล้วเดินหนีออกจากตรงนั้น ผมคิดถึงท่าทางของพี่นาฟที่ช่วงนี้ดูมีความสุขแปลกๆ แถมพี่ซอด้วงกลับมาแบบนี้อีก ‘หรือว่าพี่นาฟกับพี่ซอด้วง ชอบกัน?’ ผมรู้สึกใจหายขึ้นมาตงิดๆ คงเพราะไม่อยากได้พี่ซอด้วงมาเป็นพี่สะใภ้คนใหม่ แล้วถ้ามาอยู่ด้วยคงเจ้ากี้เจ้าการสั่งนั่นนี่ผมจนไม่มีความสุขแน่นอน ********************* Part ซอด้วง ฉันกลับมาเมืองไทยหลังจากไปเรียนต่อเมืองนอกมาหนึ่งปีในคอร์ส เรียนสั้นๆ ฉันมองเห็นชานนท์น้องชายของพี่นาฟยืนถือป้ายรอฉันอยู่ แต่ฉันยังไม่อยากเดินเข้าไปหาเขา เขาเป็นคนขโมยจูบแรกของฉันไป แล้วยังดูถูกว่าคนอย่างฉันไม่มีใครเอา ฉันเสียความมั่นใจมากและตัดสินใจย้ายมาอยู่หอพักคนเดียวเป็นปี จนเรียนจบ แล้วก็ไปเรียนต่อเมืองนอกทันที ฉันถูกโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ฉันเลยต้องตั้งใจเรียนให้มากๆ จบให้สูงๆ และจะต้องมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นเมื่อพี่นาฟเสนอให้ฉันยืมเงินเพื่อไปเรียนต่อโดยไม่คิดดอกเบี้ย ฉันตอบตกลงทันที ฉันกลับมาเพื่อที่จะหางานที่มั่นคงทำ มีบริษัทใหญ่ๆ ติดต่อฉันมาถึงสองที่ แต่ฉันยังไม่ตัดสินใจเลือกที่ไหน ทั้งสองบริษัทมีนัดสัมภาษณ์งานในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า เพราะตอนนั้นฉันคิดว่าจะอยู่ต่ออีกสักเดือนค่อยกลับ แต่พี่นาฟเรียกตัวฉันกลับมา ขอร้องให้มาพักที่บ้านเขา เพื่อคอยคุมพฤติกรรมชานนท์อยู่ห่างๆ แต่ครั้งนี้ไม่ต้องเข้มงวดเหมือนครั้งที่แล้ว ฉันรับปากพี่นาฟ แต่มีข้อแม้ว่า ถ้าฉันอยู่ไม่ไหวก็จะย้ายออกไป พี่นาฟเข้าใจเพราะฉันเล่าเรื่องที่ชานนท์พูดแรงๆ กับฉันให้เขาฟังหมดแล้ว ยกเว้นเรื่องจูบ พี่นาฟจึงรู้ว่าฉันกับชานนท์มีปัญหากัน เพียงแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ให้ชานนท์สบายใจ หลังจากชานนท์ยืนรอฉันสักพักก็ให้ลูกน้องถือป้ายชื่อรอฉันแทน ‘เขายังคงเกลียดฉันเหมือนเดิม’ ฉันนั่งดื่มกาแฟสักพัก แล้วตัดสินใจเดินไปหาคนที่ถือป้ายชื่อรถ แล้วตามไปขึ้นรถที่จอดรอในลานจอดรถ ชานนท์มองหน้าฉันแล้วอุทานเรียกว่า ยัยแม่มด แถมยังไม่ยกมือไหว้ฉันอีก ฉันเลยเหน็บเขาด้วยคำพูด เขาถึงยอมยกมือไหว้แบบขอไปที ‘นิสัยเสียไม่เคยเปลี่ยน’ พอถึงบ้านฉันลงไปทักทายพี่นาฟ ชานนท์ถามถึงของฝาก ฉันแกล้งบอกว่าไม่มีแล้วเขาก็เดินหนีเข้าบ้านไป นิสัยเด็กน้อย ฉันมองตาม ชานนท์ถอดรองเท้าแล้วใช้มือหยิบเข้าช่องเรียงเป็นระเบียบ ‘เขายังจำในสิ่งที่ฉันสอน’ ฉันดีใจอยู่ลึกๆ ที่ความพยายามไม่เสียเปล่า ฉันเดินเข้าบ้านไป ชานนท์นั่งหน้าบึ้งอยู่ที่ห้องรับแขก พี่นาฟเดินไปนั่งข้างๆ ฉันก็ค้นของฝากออกจากกระเป๋ามายื่นให้พี่นาฟ “นี่ค่ะพี่นาฟ น้ำหอมกับเข็มขัดหนังสีดำ” พี่นาฟรับของไปดู ดมกลิ่นน้ำหอมแล้วยิ้มพอใจ ฉันหันไปดูชานนท์แล้วยื่นกล่องของฝากให้ “อ๊ะ! ของฝาก” ฉันบอก ชานนท์มองมาแวบหนึ่งเหมือนจะไม่สนใจ แต่เจอสายตาของนาฟที่ส่งให้ ชานนท์ก็ยกมือไหว้ขอบคุณแล้วรับของฝากไป “แกะดูสิ” ฉันบอก ชานนท์แกะดูกล่องที่ฉันยื่นให้ เป็นเลสข้อมือ ที่เป็นลายโซ่คล้องถักกันไว้ ปั๊มยี่ห้อเครื่องประดับไว้ ชานนท์ยิ้มพอใจของฝาก แต่ก็เก๊กหน้าพยายามเก็บอาการ ฉันมองดูท่าทางของเด็กน้อยอย่างเอ็นดู ตอนนี้เด็กน้อยคนนั้นโตเป็นหนุ่มหล่อแล้วสินะ นาฟหล่อแบบเข้มออกไปทางแนวแขกขาวหล่อๆ เหมือนพ่อ แต่ชานนท์หล่อแบบโอ้ปป้าเกาหลีได้เชื้อมาจากแม่ บางทีฉันนึกสงสัย ว่าสองคนนี้ใช่พี่น้องกันจริงรึเปล่า ถ้าไม่เคยเห็นรูปครอบครัวเขา ฉันคงไม่เชื่อแน่ พอถึงเวลาทานข้าว ฉันลอบมองพฤติกรรมของชานนท์ เขาเก็บโทรศัพท์ ไม่เคี้ยวเสียงดัง จิบน้ำระหว่างทานเล็กน้อยไม่กินข้าวคำน้ำคำแบบแต่ก่อน รวบช้อนส้อมเมื่อทานเสร็จ แล้วค่อยดื่มน้ำที่เหลือ เขาทำตามที่ฉันเคยสอนได้ดี เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับฉันโดยบังเอิญแล้วทำหน้านิ่ง ฉันไม่หลบสายตาเขาและทำหน้านิ่งกลับ หลังจากเกิดเรื่อง ชานนท์ก็ไม่เคยเอ่ยคำขอโทษกับฉันสักคำ ฉันเสียใจที่ชานนท์เกลียดฉันขนาดที่ว่าไม่แคร์ความรู้สึกของฉันเลย ฉันเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่างเพื่อลบคำดูถูกจากชานนท์ คำพูดดูถูกจากเขามันเป็นแรงผลักดันของฉัน ฉันเห็นชานนท์เฉยๆ กับการเปลี่ยนแปลงของฉันแล้วก็หงุดหงิด ขนาดพี่นาฟยังชมไม่ขาดปากว่าฉันสวยขึ้น ฉันเลยคิดว่าปั่นหัวชานนท์เล่นขำๆ เรียกร้องความสนใจจากเขานิดหน่อย ฉันส่งยิ้มให้ชานนท์ ชานนท์แสดงสีหน้าไม่พอใจที่ฉันเอาเอกเอาใจพี่ชายของเขาโดยการตักอาหารให้ “นนท์ พรุ่งนี้ว่างใช่ไหม พาพี่ไปซื้อของหน่อยสิ” ฉันพูดกับชานนท์ “ไม่ว่าง” “พูดกับผู้ใหญ่ ทำไมห้วนแบบนี้” ฉันเผลอดุชานนท์ ชานนท์มองหน้านาฟที่จ้องหน้าเขาอยู่ “ไม่ว่าง..ครับ” ชานนท์แก้คำพูดใหม่ “ทำไมจะไม่ว่าง” พี่นาฟถาม “ผมจะอ่านหนังสือ” “ค่อยอ่าน พาพี่ซอไปซื้อของก่อน” พี่นาฟสั่ง ฉันรู้ว่าเขาอยากให้เราสองคนคืนดีกัน “ครับ” ชานนท์รับคำ เก็บอาการไม่พอใจไว้ ********************* Part ชานนท์ ผมขึ้นมาบนห้อง พี่ซอด้วงเปลี่ยนไปแค่ภายนอก แต่ยังชอบดุชอบสอนผมเหมือนเดิม แต่บางครั้งก็พูดจาหวานแปลกๆ ผมดูออกว่าเธอตั้งใจจะปั่นหัวผม พรุ่งนี้ผมต้องพาเธอไปซื้อของอีก ไม่รู้มีแผนอะไรจะแกล้งผมรึเปล่า แต่ผมไม่ใช่เด็กๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว มาดูกันว่าใครจะเหนือกว่าใคร ‘ระวังตัวไว้ดีๆ เถอะ ยัยแม่มด” เช้าวันรุ่งขึ้น พี่ซอด้วงเป็นคนลงมือทำอาหารเช้าด้วยตัวเอง “นนท์ พี่ทำข้าวต้มหมูสับไข่เค็มที่นนท์ชอบด้วย ทานเยอะๆ นะ” พี่ซอด้วงพูดดีกับผม ผมเห็นพี่นาฟนั่งอยู่ด้วยก็เลยต้องรักษามารยาท และใช้แผนทำดีกลับ “ขอบคุณครับ คิดถึงฝีมือพี่ซอจัง” ผมพูด พี่ซอถึงกับชะงักไปแวบ นึง ผมยิ้มมุมปากอย่างผู้มีชัยชนะ พี่นาฟยิ้มพอใจ “เห็นดีกันได้แบบนี้ พี่ก็สบายใจ” พี่นาฟบอก “แต่ไม่ให้พี่ซอมาคุมผมเหมือนตอนนั้นแล้วนะ ผมโตแล้ว” ผมพูดติดตลก แต่ในใจคิดจริงๆ “ถ้านนท์เป็นทำตัวดี พี่ก็คงไม่มีอะไรให้ต้องบอกหรอก โตๆ กันแล้ว พี่เข้าใจ” พี่ซอด้วงพูด “งั้นเอาเป็นว่าซออยู่ในฐานะแขก แล้วนนท์ก็ต้องต้อนรับแขกให้ดี แต่ถ้านนท์ทำตัวไม่เหมาะสม พี่อนุญาตให้ซอตักเตือนได้ตามสมควร” พี่นาฟบอก ผมไม่อยากมีปัญหาเลยตอบตกลงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ตกลงครับ” ผมตอบ พี่ซอด้วงมองผมด้วยสายตาไม่คาดคิด เราทานข้าวเสร็จพี่ซอด้วงก็ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พี่นาฟออกไปแล้ว ผมนั่งรอพี่ซอด้วงที่หน้าบ้านคนเดียว พี่ซอด้วงเดินมาแตะที่หลังผม ผมหันกลับไปมอง ถึงกับอ้าปากค้าง พี่ซอด้วงมาในชุดเดรสยาวสีชมพู แต่งหน้าโทนสีหวาน สวยมากๆ แล้วส่งยิ้มมาให้ผมที่ยืนตะลึงอยู่ ใจผมเต้นแรงมากในตอนนี้ ลุคหวานๆ แบบนี้เป็นลุคที่เหมาะสมกับพี่ซอด้วงมากกว่าลุคเปรี้ยวจี๊ดเหมือนเมื่อวาน ผมมองไปที่ปากอวบอิ่มนั้น ปากที่เป็นจูบแรกของผม ‘น่าจูบชะมัด’ “นนท์ นนท์ฟังที่พี่พูดอยู่รึเปล่า” พี่ซอด้วงถามผม ยกมือขึ้นมาดีดนิ้วเรียกสติผม ผมตื่นจากภวังค์แล้วชวนพี่ซอด้วงขึ้นรถแก้เก้อ ‘ใจเต้นฉิบหาย’ *********************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD