7

1215 Words
7 “พ่อเข้าใจเมฆนะลูก พ่อเข้าใจ อย่าคิดโทษตัวเอง งานบริษัทกำลังจะขยายตัวไปอีกหลายประเทศ มันแน่นอนอยู่แล้วที่เมฆต้องทำงานแทบจะไม่มีเวลาว่าง เมฆทำหน้าที่รองประธานบริษัทให้ดีที่สุดก็พอ เรื่องของพ่อมันเรื่องเล็กน้อยพ่อให้สันต์จัดการให้ได้” รัตเมธพูดปลอบลูกชาย เขารู้ดีกว่าหน้าที่ของรองประธานบริษัทนั้นหนักมากแค่ไหน เวลานี้รัตเมธเพียงแค่ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทแต่เพียงในนาม ไม่ได้เข้าไปนั่งบริหารเหมือนเมื่อก่อน ปล่อยให้พชรดนัยลูกชายโทนทำหน้าที่บริหารเต็มตัว ทุกสิ่งอย่างจึงตกอยู่ในมือของพชรดนัยเพียงคนเดียว เขาเป็นเพียงที่ปรึกษาในบางกรณีเท่านั้น ภาระหน้าที่ของพชรดนัยที่แบกไว้บนบ่าจึงหนักไม่น้อย รัตเมธจึงไม่ต้องการนำภาระใส่บ่าของลูกชายอีก “ขอบคุณครับที่คุณพ่อเข้าใจผม” พชรดนัยพนมมือไหว้ผู้เป็นพ่อ “เรื่องรีสอร์ตถ้าเมฆว่างก็เข้าไปดูนะลูก เสร็จเกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือแค่ตกแต่งภายในและเก็บรายละเอียด อ้อ...แล้วยังมีเรื่องการจัดสวนด้วย เมฆอยากเพิ่มเติมอะไรจัดการได้ตามใจชอบเลยนะลูก” “ครับคุณพ่อ ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ” “ไปเถอะลูก” พชรดนัยพนมมือไหว้บิดาอีกครั้ง ก่อนจะลุกเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับเอกสารยกกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและโฉนดที่ดินติดมือมาด้วย จังหวะที่ลูกชายยกมือไหว้ตนเองนั้น รัตเมธมองเห็นอะไรบางอย่างบนนิ้วนางข้างซ้ายของลูกชาย แหวนนพเก้าที่พชรดนัยสวมใส่เกิดประกายเจิดจ้า ไม่ใช่แสงสะท้อนของเพชรพลอยกระทบกับแสงไฟ เพราะในห้องนี้เวลานี้ไม่ได้เปิดไฟเลยสักดวง แต่เป็นแสงประกายจากตัวแหวน เป็นแสงสีแดงระเรื่อล้อมรอบอัญมณีทั้งเก้าชนิด ส่งผลให้แหวนวงนั้นดูลึกลับและน่ากลัว รัตเมธขนลุกขึ้นมาในฉับพลัน ในขณะที่เขามองแหวนวงนั้น เช้าวันต่อมาพชรดนัยขับรถไปยังรีสอร์ตที่บิดาสร้างให้ตนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พูดได้ว่าเขาอยากจะเดินทางมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานนี้ก็ว่าได้ ในใจของเขาให้รู้สึกร้อนรนเป็นอย่างมาก มีความกระตือรือร้นจะมาเยือนรีสอร์ตแห่งนี้ใจแทบขาด คล้ายกับมีแรงดึงดูดใจให้พชรดนัยไปสถานที่แห่งนั้น ทว่าเขาก็ดึงรั้งความปรารถนาอันแรงกล้าในตัวเองได้สำเร็จ และเฝ้ารอจนกระทั่งเช้าจึงเดินทางไปยังที่ตั้งของรีสอร์ต ระหว่างทางที่รถยนต์คันหรูขับเคลื่อน เขาแปลกใจไม่น้อยที่ตนเองขับรถโดยไม่ต้องอาศัยแผนที่ ไม่ต้องถามทาง ไม่ต้องศึกษาเส้นทางกับสถานที่ที่ไม่เคยไป พชรดนัยขับรถมุ่งตรงจากบ้านมายังจุดมุ่งหมายราวกับว่าเดินทางมาบ่อยๆ ไม่ถึงสองชั่วโมงพชรดนัยก็หยุดรถหน้ารีสอร์ตขนาดใหญ่ ทันทีที่เท้าของพชรดนัยเหยียบพื้นดิน ลมวูบหนึ่งเข้ามาปะทะกาย ฝุ่นละอองจากทิศใดไม่ทราบได้ปลิวฟุ้งเข้ามาในดวงตา ชายหนุ่มหลับตาลงพลางใช้มือขยี้ตาโดยอัตโนมัติ พอเขาลืมตาขึ้นมาภาพที่เขาเห็นหาได้เป็นรีสอร์ตสุดหรูไม่ กลับกลายเป็นบ้านไม้สักทองหลังใหญ่ ยกพื้นสูงเหมือนสมัยโบราณ ปลูกเด่นเป็นสง่าแวดล้อมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ท่วมบ้าน แผ่กิ่งก้านให้ความร่มเย็น หญิงชายแต่งกายในชุดที่เขาไม่เคยเห็นในปัจจุบัน แต่เป็นยุคใดยุคหนึ่งในอดีตที่เขาไม่อาจเดาได้ ชายหญิงที่ทำงานอยู่ด้านล่างคงจะเป็นบ่าวไพร่ของเจ้าของบ้านหลังใหญ่ เพราะการแต่งเนื้อแต่งตัวตลอดจนผิวพรรณที่กร้านดำนั้นดูจะบ่งบอกให้รู้ ฝ่ายชายไม่สวมเสื้อ ท่อนล่างนุ่งโจงกระเบน ฝ่ายหญิงมีผ้าแถบ(1)ผืนใหญ่พันรอบทรวงอก นุ่งโจงกระเบน ชายหญิงเหล่านั้นทำงานตามหน้าที่ของตนกระจายไปทั่วอาณาเขตของบ้าน มองไปบนเรือนหลังใหญ่ พชรดนัยมองเห็นบุรุษคนหนึ่งมีสง่าราศี เขาคนนั้นนุ่งผ้าม่วงโจงกระเบน สวมเสื้อราชปะแตน เขาเดาว่าน่าจะเป็นเจ้าของบ้าน เนื่องจากบ่าวไพร่ต่างหมอบกราบเมื่อชายผู้นั้นเดินผ่าน ใบหน้าของเขาคนนั้น หล่อเหลาคมสันแบบไทยแท้ คิ้วโก่ง ดวงตาสีนิลแลดูอ่อนโยน จมูกโด่ง ริมฝีปากหนาได้รูปคลี่ยิ้มให้กับเหล่าบ่าวไพร่อย่างไม่ถือตัว ผิวพรรณดูหมดจดเกลี้ยงเกลาราวกับเป็นพวกผู้ลากมากดี ชายคนที่พชรดนัยไม่รู้จักชื่อ ทว่าคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างเหลือหลายเดินลงมาจากบันไดบ้าน ก่อนจะก้าวเดินมาหยุดยืนอยู่ริมท่าน้ำ เขาคนนั้นยืนรอตรงท่าน้ำไม่นานก็มีเรือสำปั้นเล็กๆลำหนึ่งค่อยๆเคลื่อนมาจอดเทียบ ในเรือมีผลไม้นานาชนิดเต็มลำเรือ คนที่พายคือสตรีนางหนึ่งที่พชรดนัยจำได้ดีว่าคือใคร เธอคนนั้นมีความสวยเลิศเลอ ริมฝีปากจิ้มลิ้มคลี่ยิ้มเมื่อเห็นบุรุษสง่างามคนนั้น คนที่รออยู่ตรงท่าน้ำยื่นมือไปตรงหน้าสตรีนางนั้น พร้อมกับเปล่งเสียงห้าวถามออกไป “มาแล้วรึแก้วตาของพี่” เสียงนั้นแม้จะเข้มแข็งแต่ทว่ายังแฝงความอ่อนหวานและอ่อนโยนในที “เจ้าค่ะคุณหลวง แก้วมาแล้วเจ้าค่ะ” สตรีนามกว่าแก้วตาระบายเสียงหวานจับใจ พร้อมๆ กับรอยยิ้มละไม ยื่นมือมาวางลงบนมือของชายอันเป็นที่รัก ก่อนจะก้าวขึ้นจากเรือมายืนอยู่ข้างกายคนที่ถูกเรียกว่า คุณหลวง “เราไปกันที่เรือนแก้วตากันเถอะ พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกินแก้วตาของพี่” แก้วตาเอียงอายกับวาจาของคนรัก ใบหน้าสาวแดงก่ำเมื่อถูกลำแขนของคุณหลวงตระกองกอด พากันเดินไปยังทิศตะวันออก ฉีกตัวห่างจากเรือนไม้สักหลังใหญ่เข้าไปในสวนรกครึ้มที่เต็มไปด้วยต้นหมากรากไม้ หญิงสาวนามว่าแก้วตาหันมายิ้มให้กับพชรดนัย ยกมือกวักเรียกราวกับว่าต้องการให้เขาเดินตามไป ทว่าขาทั้งสองข้างของพชรดนัยแข็งเกินกว่าจะก้าวไปไหน ได้แต่ยืนมองดูสองร่างเดินหายเข้าไปในสวนจนสุดสายตา “คุณเมฆครับ คุณเมฆ คุณเมฆครับ” เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นหลายครั้ง ดึงพชรดนัยออกมาจากโลกหนึ่ง ภาพในอดีตที่พชรดนัยเห็นเมื่อครู่หายวับกลายเป็นภาพปัจจุบัน ภาพรีสอร์ตที่ปลูกแทนที่เรือนหลังใหญ่ “คุณเมฆครับ” บรรสันต์เรียกชื่อพชรดนัยอีกครั้ง “ขะ...ครับ ว่าไงครับคุณอาสันต์ ” คนที่ถูกเรียกสะดุ้งเล็กน้อย แล้วหันมาทางต้นเสียง รู้สึกงงๆ กับภาพที่ตนเองเห็น “คุณเมฆเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” บรรสันต์ถามด้วยความเป็นห่วง เนื่องจากเขาเห็นลูกชายของเจ้านายยืนเหม่อ เหมือนคนตกอยู่ในภวังค์ก็ไม่ปาน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD