“หมายความว่าคนที่ส่งหนูมาที่นี่คือคุณหรอคะ ทำแบบนั้นทำไมคะ” ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องส่งนางมาที่นี่ด้วยในเมื่อชีวิตในยุค2000ก็ดีอยู่แล้ว จะให้มาเผชิญเรื่องร้ายๆ เหมือนหลี่เหมยซินฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ
‘ข้าไม่ได้เป็นผู้ส่งเจ้ามาแล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเจ้ามาย้อนเวลามาที่นี่ได้อย่างไร ข้าแค่ผ่านทางมาแถวนี้เห็นเจ้าดูเรื่องราวในอดีตชาติของตนอยู่จึงเข้ามาขวางไว้เพราะมันเป็นอันตรายต่อดวงจิตของเจ้าเอง’ นางเพียงหวังดีเห็นมนุษย์กำลังอยู่ในอันตรายเพราะอดีตชาติของตัวเองเลยรีบเข้ามาช่วยเท่านั้น
“ห้ะ! อดีตชาติ!?” สิ่งที่ได้ยินจากนางฟ้าแสนสวยทำฉันตกใจเบิกตากว้างเท่าไข่ห่านอย่าบอกนะว่า หลี่เหมยซินคือ…
‘ใช่ นางคือเจ้าในชาติก่อน เจ้าโง่จริงหรือแกล้ง ก็เห็นอยู่มิใช่หรือว่าหน้าตาพวกเจ้าเหมือนกันราวกับแกะ’
นั่น! ความจริงกระจ่างอยู่ตรงหน้าฉันกลับไม่กล้ายอมรับซะงั้น ก็มันไม่ได้ดีใจเลยสักนิดที่เห็นอดีตชาติของตัวเอง เรื่องราวมีอะไรให้น่ายินดีกับชีวิตของฉันในชาติก่อนที่หดหู่เส้นทางไม่ได้ปูพรมแดงโรยด้วยกลีบกุหลาบ ใยรินชาติก่อนจะเจอเรื่องร้ายๆ ยังไงมันก็ผ่านไปแล้ว ควรปล่อยวางอดีตไม่ใช่หรือ
“ถ้างั้นคุณพาหนูกลับไปที่ชาติเดิมได้ไหมคะ หนูไม่มีอะไรติดค้างกับเรื่องในอดีตไม่อยากเผชิญกับเรื่องร้ายๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างที่เห็นด้วย”
‘ข้าช่วยเจ้าไม่ได้หรอก ในเมื่อเจ้ามาแล้วก็หมายความว่าสวรรค์มีเมตตาให้โอกาสเจ้าแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดในอดีต เจ้าควรยอมรับความจริงตรงหน้าและเผชิญกับมันอย่างกล้าหาญนะ’ นางจับสัมผัสได้ถึงความกลัวของเด็กสาวตรงหน้าจึงจับไหล่กล่าวอย่างหนักแน่นว่านี้เป็นโอกาสของเด็กสาว
“แต่ที่ที่หนูจากมายังมีคนที่รักหนูเหมือนกันพวกเขารอหนูอยู่นะคะ” ฉันหมายถึงป้าโรสญาติคนเดียวที่เหลืออยู่บนโลกฉันยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณที่ป้าเลี้ยงฉันจนเติบใหญ่ได้ดิบได้ดีเลย และฝ้ายเพื่อนรักที่ล่าสุดประสบอุบัติเหตุด้วยป่านนี้จะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้
“หากเจ้ากลับไปได้สหายของเจ้าที่นั่นอาจไม่มีชีวิตรอดหลังอุบัติเหตุแต่ข้าจะบอกให้รู้ว่าเมื่อเจ้าไม่อยู่แล้วอุบัติเหตุครั้งนั้นจะไม่เกิดพวกเขาจะลืมเจ้าไป ผู้ที่เลี้ยงดูเจ้ามาจะมีโอกาสในชีวิตมากขึ้นทุกอย่างจะดีขึ้นแน่นอน ที่พูดไม่ได้ให้เจ้าโทษตัวเองอีกนะ เจ้าลองคิดดูถ้าอยู่ในอดีตแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดครอบครัวของเจ้าจะปลอดภัยรวมถึงสหายของเจ้าในอดีตด้วย เจ้าก็เห็นว่าใครต้องการเจ้ามากกว่า”
ฉันคิดตามสิ่งที่นางฟ้าแสนสวยพูด ก็ถูกหากไม่มีฉันอุบัติเหตุจะไม่เกิดขึ้นกับฝ้าย ป้าโรสมีโอกาสในชีวิตด้านหน้าที่การงานและมีอิสระไม่มีต้องมาคอยดูแลฉันให้ห่วงหน้าพะวงหลัง ที่สำคัญฉันควรอยู่ต่อเพื่อช่วยพ่อแม่หลุดพ้นจากการเป็นหมากในกระดานของคนชั่วจนต้องจบชีวิตลงแบบไม่ยุติธรรม พวกเขาทุกคนในอดีตชาติต้องการฉัน
“หนูแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตได้จริงเหรอคะ” ฉันกลัวว่าหากยิ่งแก้ทุกอย่างจะยิ่งแย่ลงมากกว่า
“เจ้าไม่ลงมือแล้วจะรู้ผลของมันได้อย่างไร” นางฟ้าแสนสวยถามพร้อมลูบหัวฉันสายตาที่มองฉันเต็มไปด้วยความเอ็นดู ทันใดนั้นแสงออร่าบนตัวนางฟ้าแสนสวยสว่างเจิดจ้าสิบเท่าจนฉันต้องหลับตาปี๋ สัมผัสที่ไหล่กับหัวก่อนหน้านี้หายไปแล้วเสียงของนางฟ้าแสนสวยก็กล่าวกับฉันเป็นประโยคสุดท้าย “ในเมื่อคิดได้แล้วเจ้าก็กลับไปเสียเถิด”
ฉันยอมรับความจริงตรงหน้าใช้ชีวิตในร่างหลี่เหมยซินสตรีที่ผู้คนรังเกียจมากนับปีได้ก็คือตัวฉันในอดีตชาติ สร้างเรื่องขึ้นมาให้ทุกคนเข้าใจว่าฉันสูญเสียความทรงจำแต่ความจริงแล้วความทรงจำฉันยุ่งเหยิงมากจนจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก เพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่ยังมีอยู่ตอนนี้ ฉันจึงเลือกวิธีนี้จะได้ไม่มีใครสงสัยกับนิสัยที่เปลี่ยนไปบางอย่างราวกับเป็นคนละคนแต่เดี๋ยวพวกเขาก็ชินเอง เพราะแค่ลดความร้ายกาจลงเฉยๆ
ภายในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ฉันพยายามปรับตัวให้ชินอย่างการใช้ชีวิตให้เข้ากับยุคสมัยและในจวนตระกูลหลี่บ้านใหม่ของชาตินี้บ้านเก่าในอดีตชาติ ฉันคิดแผนการนำพาครอบครัวออกจากการเป็นหมากในกระดานของคนชั่ว ถอยห่างจากราชสำนักให้มากที่สุดหนีความวุ่นวายแล้วหันไปใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบสุขกับครอบครัวจะดีกว่า
สตรีร่างบางชุดสีแดงเข้มไร้ลวดลาย รวบผมสีดำเงาขึ้นมัดเป็นหางม้ายาวสลวย บนศีรษะมีผ้าขาวพันล้อมรอบ ใบหน้างามไร้เครื่องประทิมโฉมงดงามตามวัย นางนั่งรับลมอ่อนๆ ในศาลาใต้ต้นไม้ใหญ่
“อาอิงช่วงนี้มีข่าวลือเรื่องใดเป็นที่จับตามองในเมืองหลวงบ้างรึ เรื่องที่ข้าควรรู้น่ะ” เสียงใสกังวานถามสาวใช้ข้างกาย ฉันไม่ได้ออกจากจวนเป็นเดือนแล้วหลังหายป่วยก็นั่งคิดแผนคนเดียวในเรือนของตนตลอด อย่างน้อยก็ควรรู้ สถานการณ์ข้างนอกบ้าง อาอิงมีสีหน้าลำบากใจที่จะตอบคำถามของคุณหนู
“มีเจ้าค่ะ ตั้งแต่คุณหนูตกน้ำพร้อมคุณหนูหม่าวันนั้นก็มีข่าวลือของคุณหนูเสียๆ หายๆ บางคนก็ว่าคุณหนูแกล้งตกน้ำเพื่อเรียกร้องความสนใจจากองค์ชายสามบ้างก็ว่าคุณหนูของบ่าวเป็นคนผลักคุณหนูหม่าตกน้ำด้วย ยังมีเรื่องที่องค์ชายสามทรงไปเยี่ยมแต่คุณหนูหม่าตลอดทั้งเดือน แต่กลับคุณหนูเป็นถึงว่าที่คู่หมั้นคู่หมาย..”
“เดี๋ยว! ว่าที่คู่หมั้นแสดงว่ายังไม่ได้หมั้นหน่ะสิ” เท่าที่ฟังอาอิงเล่าไม่มีตรงไหนที่ทำให้ฉันชะงักเท่ากับรู้ว่า สถานะของตัวเองตอนนี้เป็นแค่ ‘ว่าที่คู่หมั้น’ มุมปากคล้ายจะปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทว่ายังไม่ทันดีใจอย่างเต็มที่ ดวงตาประกายระยิบระยับก็หายไปเพราะสิ่งที่อาอิงกล่าวเสริมเป็นดั่งสายฟ้าผ่าลงกลางหันฉันอย่างจัง
“ใช่เจ้าค่ะเพราะคุณหนูเกิดอุบัติเหตุจมน้ำพิธีหมั้นอย่างเป็นทางการจึงถูกเลื่อน ได้ยินว่าฮองเฮาทรงได้ฤกษ์ใหม่เร็วกว่าเดิมแล้วด้วยเจ้าค่ะ”
“ห้ะ!!” เสียงใสตะโกนดังลั่นศาลาขนาดนกบนต้นไม้ที่ร้องจิบๆ เมื่อครู่ยังบินหนีกระจาย
ไม่ได้!จะหมั้นกับเขาไม่ได้เด็ดขาด ต้องหาวิธีหลุดพ้นจากสถานะแสนอันตรายนี้ให้จงได้ “ฤกษ์ใหม่เมื่อใด?”
“ไม่ทราบเจ้าค่ะ” นางตอบพลางส่ายหัวจนปัญญา
อ้าว ฉันนั่งคิดใคร่ครวญไม่นานก็เอ่ยถามเสียงนิ่งเรียบว่า “แต่ท่านแม่รู้เรื่องนี้ใช่หรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
อาหารเย็นมื้อนี้เป็นดั่งเช่นทุกวันมีฉันท่านแม่ท่านพ่อร่วมโต๊ะรับประทาน แต่ที่เพิ่มมาก็คือบุรุษตรงหน้าฉัน องค์ชายสาม ‘เว่ยเหยียนเฟิ่ง’ เขามาเป็นครั้งที่สองซึ่งครั้งแรกที่เจอกันก็ตอนฉันฟื้นขึ้นมาในร่างนี้วันแรกและก็เป็นคนอุ้มฉันเข้าเรือนตอนสลบไม่ได้สติด้วย พอดีอาอิงนางบอกเล่าให้ฟังน่ะ แล้ววันนี้เขาจะมาอีกทำไมเนี่ย? ฉันว่าจะใช้โอกาสตอนกินข้าวมื้อนี้ปรึกษากับท่านพ่อท่านแม่เรื่องการยกเลิกพิธีหมั้นเสียหน่อย แต่ในเมื่อเขาอยู่นี้ด้วยคงต้องเก็บงำไว้ก่อน
“คุณหนูหลี่จ้องกันขนาดนี้มีเรื่องอันใดจะกล่าวกับข้าหรือ” เสียงทุ้มต่ำนิ่งเรียบเหมาะกับใบหน้าแสนเย็นชาของเขาเหลือเกิน ฉันเก็บสายตาสงสัยปนระแวงหันมาสนใจของกินพลางตอบกลับ
“หม่อมฉันไม่มีเรื่องใดจะพูดกับพระองค์เพคะ” แค่ระแวงว่าเขาจะมาไม้ไหนอีกก็เท่านั้น ที่จู่ๆ เขาดันมากินข้าวร่วมโต๊ะกับฉันได้โดยไม่รังเกียจกัน ฉันก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมรับมือกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปข้ามวันข้ามคืนของเขาให้พร้อมสิ