ที่ปั้นได้แค่ความฝันแต่ไม่เคยเป็นจริงเป็นจังให้ได้สัมผัส ถึงอย่างไรมณีรัชดาก็ยังไม่สบายใจ เธอต้องพากเพียรหางานทำให้ได้อย่างแน่นอน เอาเถอะงานอะไรเธอไม่เกี่ยงหรอก ขออย่าให้มันลดคุณค่าความมีศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงก็แล้วกัน และดูไม่ต่ำต้อยสำหรับตัวเองเกินไป
ครั้นเมื่อมณีรัชดากลับเข้าห้องของตัวเองอีกครั้ง ก็กดเบอร์รับเมื่อเหลือบสายตาดูเป็นเบอร์ของภูวพล หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย เสียงถามนุ่มทุ้มจากชายหนุ่มคนรักอ่อนโยน “ณี ครับ นี่พลนะพลคิดถึงณี ถึงโทร.มาหา”
หญิงสาวรับรู้กับน้ำคำหวานของเขา มณีรัชดาชินแล้ว ภูวพลจัดว่าเป็นผุ้ชายที่สุภาพคนหนึ่งและหล่อนคบหาเขาได้เพราะความสม่ำเสมอในนิสัยใจคอ แม้เขาจะเป็นคนโผงผางอารมณ์ร้อนวู่วามไปบางครั้ง หากมณีรัชดาเข้าใจอารมณ์ขึ้นลงของเขาอยู่พอสมควร
“ณีทำอะไรอยู่เอ่ย” หล่อนรู้สึกใจอ่อนลงบ้าง กับน้ำสียงของเขาที่ถามอย่างอนาทร
“ณีอยู่ในห้องค่ะ ตอนนี้อาบน้ำเสร็จแล้วค่ะ และกำลังจะเข้านอน” ตอบด้วยรอยยิ้มเหมือนกัน เบื้องหลังน้ำเสียงที่ได้ยินการสนทนาของทั้งคู่นั้น บริเวณด้านหลังเสาของบ้าน มีบุคคลที่ทั้งสองไม่ปรารถนาให้มารับรู้ ร่วมฟังด้วย
คือพี่ชายของภูวพลที่ยืนเงี่ยหูฟังน้ำเสียงจิ๊จ้ะหวานแหววของน้องชายกับหญิงสาวคนนั้น จอมพลจำเสียงนั่นได้ คงโทร.มาออดอ้อนน้องชายเขาอีกล่ะสิ มารยาของผู้หญิงคงอยากจะจับเหยื่อให้อยู่หมัดแน่นอน
ฮึ ทำให้หนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่นั้นเดือดจัด ด้วยดวงตาที่วาวเข้มที่น้องชายคนเดียว นั้นก็ไม่เชื่อฟัง หลงมืดมัวถลำบอดไปกับความรักของมัน ฮึ ความรักที่กัดก้อนเกลือกินของทั้งคู่นะสิ หากแต่จอมภูกลั้นใจทนฟังต่อ และกายไม่เคลื่อนไหวใดอันจะทำให้น้องชายจับผิดได้เพราะเขาก็ซุ่มตัวอยู่เงียบๆในเวลานี้
“พลแทบจะคิดถึงณีมากนี่ คิดถึงจนลมหายใจเข้าออกเลยนะเอ้อนี่ถามณีหน่อยเรื่องสมัครงาน เขาโทร.มาตามอีกบ้างหรือเปล่า”
เมื่อภูวพลเอ่ยถามเรื่องนี้ มณีรัชดาเงียบไปครู่และหม่นลงด้วยสีหน้าที่ผิดหวังขึ้นมา
“ยังจ้ะ ไม่เห็นเรียกตัวเลยสักที่”
คำตอบของแฟนสาวทำให้เขาเงียบไปครู่ก่อนจะให้กำลังใจ “ก็พลบอกณีแล้วว่า จะช่วยหาให้ บริษัทเพื่อนของพ่อ ณีก็ไม่เอา เห็นไหม อวดเก่งกับความสามารถของตัวเองนัก สุดท้ายก็ไม่ได้งาน” เขาบ่นที่มณีรัชดายึดมั่นถือมั่นในตัวเองมากเกินไปจนชวดงามเพราะหล่อนอยากหาด้วยตัวเอง หญิงสาวเองก็คิดเช่นนั้น
“พลเคยบอกแล้วให้เชื่อพลแล้วก็ใจอ่อนเสีย บริษัทเพื่อนของพ่อพลมี แต่ณีก็ใจแข็ง”
ใช่หล่อนยอมรับว่าหล่อนดื้อในเรื่องนี้ เพราะไม่อยากพึ่งเขา
“ใช่ค่ะ ณียอมรับว่าเชื่อตัวเองมากเกินไป มั่นใจตัวเองมากเกินด้วยซ้ำ ตอนนี้รู้รสชาติแล้วค่ะ”
หล่อนเอ่ยตอบเขาเสียงอ่อนในตอนท้าย ทำให้อีกฝ่ายยิ้มวาบ
“งั้น ณียอมเชื่อพลแล้วสิ คงจะยอมใจอ่อนกับงานที่พลจะหาให้”
“ถ้าเป็นงานที่น่าสนใจ ณีก็จะรับพิจารณา อยากทำค่ะ ว่าแต่งานอะไรละคะพล”
ฟังแล้วมันทำให้เขาแสนจะนึกหมั่นไส้ในสุ้มเสียงหวานต่อหวานออดอ้อนใส่กันแบบนี้ และเขานั้น ชายหนุ่มมือที่สามทำตาขวางแสยะยิ้ม ส่วนในขณะที่ผู้เป็นน้องชายยิ้มปรอยด้วยฝันหวาน กับรักที่เขาทุ่มเทและได้รับปฏิกิริยาตอบจากมณีรัชดา
“เอ้อ บริษัทไงจ้ะ งานที่ทำน่าจะเกี่ยวกับบัญชี หรือพนักงานคีย์ข้อมูล”
ถ้าเป็นยังงั้นหล่อนก็ยอมรับละ ยังไงขอให้ได้งานไว้ก่อน
“ขอบคุณค่ะ” อดถามภูวพลไม่ได้เขาเองก็สมัครงานไว้ด้วยไม่ใช่หรือ แล้วนี่เขาหาทางช่วยหล่อนตัวเขาเองมีงานทำแล้วหรือยัง “แล้วพลล่ะ เรื่องที่สมัครงานเอาไว้”
“เอ้อ สำหรับพลนั้นสบายจ้ะ ณี เพราะพลไม่พึ่งหรือหวังเอาจากพวกบริษัทโบรกเกอร์หรือตลาดหุ้นพวกนั้นหรอก แล้ว ไม่ไหวเส้นเรามันแค่เส้นก๊วยจั๊บ สู้พวกเส้นใหญ่หนาไม่ได้หรอกเลยเบนมาทำงานที่บริษัทของคุณอาดีกว่า” ภูวพลตัดสินใจแล้วว่าเขาจะเบนออกจากงานที่เขาอยากจะทำคือบริษัทเกี่ยวกับเงินทุนหลักทรัพย์ มาทำงานกับคุณอาพิจิตรอาแท้ๆของเขา ที่เป็นเช่นนี้เพิ่งนึกคิดขึ้นได้ เพราะแต่ทีแรกแล้ว เขาคิดว่าจะไม่คิดพึ่งพาเงินในกงสีหรือเครือญาติ เพราะอยากจะแสดงความสามารถของตัวเองว่าโตแล้ว มีวุฒิภาวะเพียงพอ
หากแต่ความสามารถของเขานั้นทางบริษัทภายนอกไม่มองเห็นถึงคุณสมบัติและคุณค่ามากพอที่จะรับเขาไว้เป็นพนักงาน และสังเกตได้จาก มีการปัดผัดอยู่ตลอดเวลาว่าสักพักจะโทร.ไป แต่กลับเงียบหายไปเหมือนไม่มีปี่มีขลุ่ยอีกเลย
และเขาไม่อยากจะนั่งรอความหวังอีก ดังนั้นเลยเปลี่ยนใจเอาดื้อๆ และมณีรัชดาก็ดีใจแทนคนรักที่เขาจะได้งานทำแล้ว หากสำหรับหล่อนนั้นคิดว่าภูวพลอยากจะได้ทำงานไม่ยากหรอก และเขาไม่ต้องมาเดินสมัครงานไปทิ้งไว้ที่บริษัทต่างๆ
ส่วนภูวพลเนื่องจากเขาเป็นคนที่มีฐานะทางเครือญาติของเขา ก็พร้อมที่จะยื่นมือเข้าช่วยได้ เพียงแต่ภูวพลไม่เคยตัดสินใจเข้าไปง้องอนหรืออ้อนวอน เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วภูวพลฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า
“ไม่แน่ละ พลเองจะเข้าไปขอร้องกับคุณอาอีกครั้ง..ฉวยเกิดว่างานว่างอีกตำแหน่ง จะได้ให้ณี เข้าไปทำเลยไงจ้ะ” ภูวพลวาดหวังเสมอว่า ที่ไหนก็ตามเขาอยากจะอยู่ใกล้หล่อน
ในขณะที่อีกฝ่าย ผู้เป็นพี่ชายนั้นทำท่าเข่นเขี้ยวจัดใส่ เมื่อน้องชายตัวดีนั้นเที่ยวเสนอหน้าที่การงานให้สาวสวยต่างฐานะอย่างใจป้ำ
หากฟังคำของชายคนรักนั้น ก็พลอยทำให้มณีรัชดาปลาบปลื้มใจไปด้วย ถ้างั้นก็ดีละ ถ้าหล่อนมีช่องทางได้งานทำพ่อแม่จะได้หมดห่วงและหล่อนเองจะได้หยุดความกระวนกระวายใจอ่อนล้าทั้งกายและใจที่ตกงานมานานพอสมควร “งั้นเอาตามนี้นะจ้ะณี พลสัญญาว่าจะรับปากหางานให้ณีให้ได้”
“ขอบคุณค่ะ พล” ซึ่งมณีรัชดาตอบเขาอีกครั้งก่อนจะปิดเครื่องด้วยใจที่ยิ้มชื่น และฝ่ายหนุ่มคนน้องนั้นเขาก็ยิ้มชื่นปลื้มกับตัวเองใส่มือถือตรงหน้า ที่นอกจากได้คุยกับคนรัก ได้ยินเสียงหวานของหล่อน คนมีความรักอย่างเขาก็สุขใจมากล้น