Devil monster Pee x Puifai 04
“พี่สาวคนสวยช่วยซื้อดอกไม่หน่อยได้ไหมครับ” เด็กน้อยคนหนึ่งถือตะกร้าที่มีดอกกุหลาบสีขาวอยู่เต็มมาตรงหน้าฉัน
“ดอกเท่าไหร่ครับ”
“ยี่สิบครับ”
“ถ้าพี่ซื้อหมดนี้จะเท่าไหร่ครับ” ฉันถามเด็กตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม เด็กตรงหน้ายกนิ้วขึ้นมานับอย่างน่ารักน่าชัง ฉันหยิบเงินออกมาหนึ่งพันบาทดอกไม้ในตะกร้านี้มีประมาณสามสิบดอกไม้ล่ะมั้ง เด็กตรงหน้ามองฉันอย่างดีใจฉันยื่นเงินให้คนตรงหน้าก่อนจะรับดอกไม้มาฉันหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปก่อนจะอัปลงโซเชียลต่างๆมีทั้งเพื่อนและพ่อแม่เข้ามาเม้น เห็นแบบนี้พ่อกับแม่ฉันมีโซเชียลเกือบทุกอันเลยนะ
***PuFAi ZERO****;; ขอบคุณเรื่องวันนี้ที่ทำให้ตาสว่าง #เวลาอาจทำให้ฉันเข้มแข็ง*
***LOOKOM NV****;; อยู่ไหน รับสายหน่อย*
***MM_PIBON****;; รับสายพ่อหน่อยลูก*
***POSS Lovely****;; ฝ้ายรับสายกู*
***PEA ZERO****;; เจ๊ เกิดไรขึ้นรับสายผมเดี๋ยวนี้!*
***PAN ZERO** ;; เจ๊ ตอบไลน์!*
ทั้งเพื่อนพ่อและน้องชายและน้องสาวต่างรัวคอมเม้นแล้วบอกให้ฉันรับสายพวกเขา ที่จริงฉันมีน้องชายกับน้องสาวฝาแฝดน่ะแต่สองคนนั้นสอบชิงทุนไปเรียนที่อัมสเตอร์ดัมได้เลยไม่ได้อยู่ที่ไทย แต่พวกเรายังติดต่อกันเรื่อยๆน้องสองคนไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้หรอก
***PuFAi ZERO****;; ไม่ต้องห่วงนะคะ ถ้าสบายใจฝ้ายจะกลับค่ะ*
“โอ๊ะ ฝนตกเหรอเนี่ย”
ฝนที่ไม่มีแววจะตกกลับตกลงมาอย่างหนักฉันหอบดอกกุหลาบกลับเข้าไปนั่งในรถที่จอดอยู่ไม่ไกล ฉันเปียกนิดหน่อยระหว่างนั่งอยู่ในรถมือถือฉันก็สั่นอย่างบ้างคลั่งทั้งเบอร์ที่เมมไว้และเบอร์ที่ไม่ได้เมมไว้
“ถ้าฝ้ายเข้มแข็งแล้วฝ้ายจะยิ้มให้พี่นะ พี่พี”
ฉันออกรถช้าๆแล้วขับกลับบ้านอย่างไม่เร่งรีบ หิวข้าวจังเลยแฮะรอกลับไปกินที่บ้านดีกว่าอยากทานฝีมือแม่
“กลับมาแล้วค่า” ฉันก้าวเข้าบ้านใบหน้าเปื้อนยิ้มในอ้อนแขนมีดอกกุหลาบสีขาวอยู่ มือก็ถือกระเป๋ามาด้วยแม่วิ่งออกมาพอเห็นฉันยิ้มทานก็ทำหน้าแปลกใจก่อนจะเข้ามาพยุงฉันให้เดินไปที่ห้องรับแขก ในห้องรับแขกเล็กๆของเรามีพ่อนั่งอยู่คุณลุงคุณป้าลูกชายท่านแล้วก็มีเพื่อนฉันสองคนมีเซกะด้วย คือพวกเขายกโขยงมาทำอะไรที่นี่
“มาทำอะไรกันคะเนี่ย” ฉันเอ่ยทักทายทุกคนแล้วยิ้มให้ ฉันจะยิ้มแล้วนะฉันจะไม่ร้องไห้แล้ว
“แผลลูก แผลหนูเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นอะไรมากค่ะ แผลไม่ลึก” ฉันตอบคุณป้าไป คุณเป็นหมอเดินมาหยุดตรงหน้าฉัน เขาทำเหมือนจะเอื้อมมือมาจับแผลที่แขนแต่ฉันเป็นฝ่ายถอยหลังห่างจากเขา
“ไม่เป็นอะไรจริงๆค่ะ” ฉันยิ้มให้เขา ก่อนจะหันไปอ้อนแม่ให้ทำอาหารให้ทาน
“แม่คะ หิวจังเลย”
“งั้นหนูไปอาบน้ำก่อนนะเดี๋ยวแม่ทำอะไรให้ทาน”
“ขอบคุณค่ะแม่ อมพอสช่วยเพื่อนหน่อยสิ” ฉันหันไปบอกเพื่อนอ้อนๆพวกมันยิ้มแล้วลุกขึ้นมาพยุงฉันตามด้วยเซกะที่ถือกระเป๋าให้ลูกอม
“เดี๋ยวพี่ช่วย” พี่พีขยับมาใกล้และยังคงเป็นฉันที่หอยห่างจากเขา
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอตัวนะคะ”
ฉันยิ้มให้เขาก่อนจะลอยเหนือจากพื้นเมื่อพอสเข้ามาอุ้มฉันอย่างรวดเร็วพวกเราสี่คนย้ายมานั่งเล่นที่ห้องฉันใช่แล้วล่ะเซกะเดินเข้ามาด้วยลูกอมเดินไปล็อคประตูห้องเรียบร้อยจากนั้นพวกมันก็มานั่งจ้องฉันอย่างจับผิด
“กี่เข็ม” ลูกอมเดินมาหยุดตรงหน้าฉันพร้อมกับถามคำถามตรงๆ
“สาม”
“ลึกไหม?” พอสถามบ้าง
“ลึก พรุ่งนี้ไปล้างแผลตอนเย็นที่คลินิกแถบชานเมือง”
ฉันอธิบายรวดเดียวเพราะรู้ว่ายังไงซะเพื่อนก็ต้องถามฉันต่อ ฉันเข้าไปอาบน้ำออกมาก็ต้องมานั่งให้พอสกับยัยลูกอมนั่งรุมแผล เอาเข้าไปเพื่อนฉัน เรานั่งคุยกันอยู่นานกระทั่งแม่มาเคาะห้องเรียกให้ไปทานข้าว พวกเราลงไปทานข้าวโดยมีแขกร่วมโต๊ะเยอะมากพี่พีนั่งจ้องฉันไม่ละสายตาไปไหน ฉันก็มีบ้างที่เผลอสบตากับเขาแล้วก็เลือกที่จะยิ้มให้เขาแทนการเมินหน้าหนี
“หน้าฝ้ายมีอะไรติดอยู่หรือเปล่าคะทำไมพี่มองหน้าฝ้ายจัง” ฉันถามเขาออกไปยิ้มๆ แต่ข้างในมันกำลังเจ็บจี๊ดเหมือนมีอะไรแหลมๆมาจิ้ม
“เปล่า พรุ่งนี้เราจะไปไหนไหมพี่...”
“อ๋อ พรุ่งนี้มีนัดค่ะ ทำไมเหรอคะ”
“พี่จะชวนไปซื้อของหน่อยน่ะ” หึ เขาจะชวนฉันไปทำไมกัน
“ต้องขอโทษนะคะ พอดีไม่ว่างค่ะ” ฉันตอบแล้วยิ้มให้เขา
“เออใช่ พรุ่งนี้สักเที่ยงไปทานข้าวกันไหม” ลูกอมถามแล้วมองฉันยิ้มๆ
“เอาสิ”
“เฮ้ย อะไรพี่ชวนทำไมบอกไม่ว่าง” พี่พีท้วงงอนๆ
**“เพื่อนฝ้ายสำคัญกว่าพี่ค่ะ”**
“พรุ่งนี้พี่ว่างพี่ไปด้วย” คนที่อารมณ์เปลี่ยนแปลงเอ่ยขึ้นอย่างเอาแต่ใจ
“อยากไปกับคนที่สนิทกันค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
ฉันบอกแล้วยิ้มให้พี่พี ก่อนจะทานข้าวต่อฉันพยายามไม่สนใจพี่พีที่นั่งจ้องฉันอยู่ มื้อค่ำผ่านไปอย่างเรียบง่ายเซกาพอลูกอมกลับตามด้วยพอส ตอนนี้ในห้องรับแขกมีครอบครัวฉันและครอบครัวพี่พี ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าพวกท่านจะคุยอะไรกันแต่แม่บอกให้ฉันนั่งฟังด้วย แต่ตอนนี้ฉันอยากจะกลับขึ้นไปทานยาแล้วนอนมากกว่าเพราะเริ่มปวดที่แผลมากขึ้นเรื่อยๆ
“เรื่องงานงานแต่ง หนูฝ้ายว่าไงลูกแต่พ่อกับแม่อยากให้จัดเพื่อให้เกียรติหนู” คุณป้าท่านบอกด้วยรอยยิ้มพรางคาดหวัง
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เอาไว้ให้เขาเจอคนที่รักและพร้อมจริงๆค่อยให้จัดให้ลูกชายคุณป้านะคะ แต่ครั้งนี้ที่ฝ้ายยอมจดทะเบียนเพราะว่าต้องการยืนยันว่าฝ้ายจะไม่ชิ่งหนี และทันทีที่ฝ้ายใช้หนี้ครบฝ้ายก็จะหย่าให้นะคะไม่ต้องกังวลค่ะ”
*“แล้วเรื่องเราคืนนั้นล่ะ”*
ฉันสะอึกไปเมื่อเขาเอ่ยถึงเรื่องคืนนั้นที่ฉันพลาดยอมให้เขาบังคับข่มเหง
“คะ? คืนไหนคะพี่เมาหรือเปล่า ใช่ว่าพี่มีอะไรกับแฟนพี่แล้วตาลายมองเป็นฝ้ายเหรอคะ” ฉันถามอย่างสงสัยพยายามทำตัวไม่ให้พิรุธ
“คืนไหนอะไรลูก” คุณลุงเป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้าง พ่อกับแม่ก็มองฉันอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ กลับมาคุยเรื่องหนี้ต่อดีกว่าค่ะ เหลืออีกสามล้านใช่ไหมคะ ตอนนี้ฝ้ายรอคิวถ่ายแบบอยู่ยังไงคุณลุงกับคุณป้ารอหน่อยนะคะ ฝ้ายจะหามาคืนให้”
“ฝ้ายเรื่องคืนป้าไม่อยากรับคืน ป้าแค่อยากให้หนูมาเป็นลูกสะใภ้ป้า ฉันยิ้มให้ท่าน ขอบตาก็เริ่มร้อนขึ้น
“ขอบคุณนะคะป้า แต่ว่าฝ้ายขอเป็นเด็กข้างบ้านคุณป้าเหมือนเดิมดีกว่าค่ะ”
“ฝ้ายรักตาพีไม่ใช่เหรอ แล้วตาพีก็...”
“ฝ้าย*เคย*รักค่ะ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว คุณลุงกับคุณป้าเข้าในฝ้ายด้วยนะคะ” ฉันเน้นคำว่าเคยให้พวกท่านเข้าใจ จากนั้นก็นั่งคุยเรื่องงานที่เหลืออยู่ดีหน่อยที่พวกท่านไม่ได้คิดดอกเบี้ยไม่งั้นคงใช้หนีไม่หมดแน่
อีกอย่างผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนั้นเขาจะมารู้สึกอะไรกับฉันล่ะจริงไหม คำว่าน้องข้างบ้านที่หลุดจากปากของเขาตอนนี้มันยังก้องในความคิดของฉัน ฉันไม่น่าโง่เลยนะว่าไหมทั้งที่เพื่อนคอยเตือนคอยห้ามแต่ฉันก็ยังโง่เชื่อในความรู้สึกตัวเอง แล้วผลเป็นยังไงล่ะ คนที่เจ็บเจียนตายก็คงไม่พ้นฉันนี่แหละ
“แล้วพรุ่งนี้หนูจะไปล้างแผลตอนไหนลูก ให้พี่เขาพาไปไหม” คุณลุงถามอย่างเป็นห่วงฉันเลยยิ้มแล้วตอบท่านไป
“ไม่เป็นไรค่ะ พอดีฝ้ายนัดเพื่อนไว้แล้ว”
“นัดทานข้าวพรุ่งนี้ให้พี่เขาพาไปไหม พาพี่เขาไปเที่ยวบ้างเขาไม่ค่อยได้พัก”
เที่ยวเหรอ พักเหรอ เวลาที่เขาว่างเขาก็ต้องไปกับแฟนเขาสิจะไปกับน้องข้างบานอย่างฉันได้ยังไงกัน ขืนให้เขาไปด้วยแล้วเกิดแฟนเขางอนเขาก็จะพาลกล่าวหาว่าฉันเป็นคนผิด อีกอย่างนะเพื่อนฉันไม่ชอบเขาหรอกขืนพาไปลูกอมคงหาทางแกล้งเขาหรือไม้ก็หาทางฆ่าเขาแบบเนียนๆ ยัยนั่นน่ะแอบโรคจิตนะบอกไว้เลย
“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ พอดีฝ้ายอยากไปกับเพื่อน”
ฉันเหลือบมองพี่พีแวบหนึ่งก่อนจะเห็นสายตาเย็นชาบวกกับใบหน้าบึ้งตึงของเขา แต่ช่างเขาสิเพราะฉันเลือกที่จะตัดใจ ฉันจะไม่มีวันสนใจหรือแคร์ความรู้สึกเขาอีกแล้ว
“พรุ่งนี้พี่ว่าง เดี๋ยวพี่ไปด้วย” บ้าจริง เขาจะไปด้วยทำไม อยากเห็นฉันอึดอัดมากขนาดนั้นเหรอ
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอโทษนะคะที่ต้องบอกว่าอยากได้ความเป็นส่วนตัว”
พอพูดไปแบบนั้นเหมือนเขาจะสะอึกนิ่งไปอยู่เหมือนกัน แต่ช่างเขาสิแค่นี้มันยังไม่ถึงครึ่งที่ฉันได้รับจากการกระทำแสนเย็นชาพวกนั้นจากเขาหรอก
“เอ่อ แม่คะฝ้ายง่วงแล้วขอตัวเลยนะคะ สวัสดีค่ะคุณป้าคุณลุง”
“สวัสดีค่ะพี่พี”
ฉันก็พอจะรู้ว่าการกระรวมถึงคำพูดฉันมันเปลี่ยนไปเพราะมันทั้งฟังดูห่างเหินและเว้นระยะห่าง แต่มันก็เป็นทางเลือกที่ส่งผลดีต่อฉันมากที่สุดเพราะฉันจะได้ทำให้ได้เร็วและกลับไปมองเขาเป็นเพียงพี่ชายบ้านข้างๆได้อย่างไร้ความเจ็บปวด
“กลับมาทานข้าวเย็นที่บ้านนะลูกแม่จะทำอาหารไว้รอ” แม่เดินออกมาส่งที่หน้าบ้าน
“ได้ค่ะแม่ ฝ้ายไปก่อนนะคะ”
“ขับรถดีๆนะ”
ฉันหันไปโบกมือลาแม่ก่อนจะขับออกจากบ้านเพื่อไปตามร้านอาหารที่เพื่อนนัด ครั้งนี้เรานัดการที่ร้านอาหารแถบชานเมืองเพราะอยากจะทานอาหารอีสานแซบๆ ฉันถึงร้านอาหารเกือบๆบ่ายมาถึงไล่เลี่ยกับเพื่อนทั้งสองเลยน่าแปลกที่วันนี้เพื่อนฉันมากันเองไม่มีองครักษ์ เราสั่งอาหารไปหลายอย่างระหว่างรออาหารเราก็นั่งคุยกันรอ
“แผลเป็นยังไงบ้าง”
“ดีขึ้นแล้วล่ะ แต่ก็ยังปวดๆอยู่”
“แล้วไอ้คนทำ มันดูแผลแกไหม”
“ไม่หรอก แต่เมื่อวานเขาบอกจะมาด้วยแต่ฉันก็ปฏิเสธบอกว่าต้องการความเป็นส่วนตัว”
“ทำไมเขาเห็นแต่ตัวแบบนี้วะ ฝ้ายกูเป็นกำลังใจให้นะแกต้องทำให้ได้”
ด้วยความที่เราเป็นเพื่อนกันมานานเวลาคุยเลยใช้ถ้อยคำหยาบคายได้ มันดีกว่าการคุยเพราะๆแต่ไม่จริงใจต่อกัน ฉันนั่งเล่าเรื่องในใจให้เพื่อนฟังจนรู้สึกสบายใจขึ้น แต่พอได้เห็นหน้าเขาความรู้สึกเดิมๆมักจะกลับมา
“ตอนไปล้างแผลเดี๋ยวพวกกูจะไปด้วย”
“อือ ขอบใจนะ”