ตอนที่ 3
ค่ำคืนแห่งการล่า ‘เนกไท’
ฉันทั้งดีดทั้งดิ้นเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมที่แสนจะแน่นหนานี่! แต่ดูเหมือนยิ่งดิ้น ไอ้คนข้างหลังก็ยิ่งออกแรงมากขึ้น ไอ้บ้าเอ๊ย! ฉันเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆที่ลมพัดนิดหน่อยก็แทบจะปลิวไปถึงอเมริกาแล้ว ไม่เห็นจะต้องรุนแรงขนาดนี้เลยนี่นา TOT
เวลาผ่านไปได้ครู่ใหญ่จนเสียงเคาะประตูเงียบไป ไอ้บ้าที่จับฉันอยู่มันก็ไม่ยอมปล่อยฉันสักที ทำยังไงดีนะ ไม่มีอาวุธอะไรติดตัวซะด้วยสิ ในห้องนี้ก็มีแต่หนังสือกับเสื้อผ้าเท่านั้น เอาถุงเท้าที่หมกไว้ในกระเป๋าและไม่ได้ซักมาเจ็ดวันเป็นอาวุธได้หรือเปล่านะ -.,-
อ๊ะ! จริงสิ พูดถึงอาวุธ ฉันยังมีมีดพกของอีตาออร์คัสอยู่นี่นา เพิ่งสำนึกได้ว่าการที่ถูกหมอนั่นขู่จะกระซวกไส้จนฉันต้องยอมรับมีดนั่นมามันมีประโยชน์แบบนี้นี่เอง ฮือๆๆ ซาบซึ้งใจ T^T
เอ…จำได้ว่าฉันยัดมันใส่ไปในกระเป๋าหลังของกางเกงยีนส์ขาสั้นที่ใส่ซับไว้ข้างในนี่นา เพราะชุดนักเรียนของที่นี่มันออกแบบมาไม่มีกระเป๋าเลย แถมกระโปรงยังสั้นจุ๊ดจู๋จนฉันต้องใส่กางเกงไว้ข้างในกันอะไรต่อมิอะไรมันออกมาโชว์ตัว เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเก็บมีดพกไว้ที่ไหน ฉันก็ค่อยๆขยับมือที่ถูกไอ้บ้านี่จับล็อกไขว้หลังไว้ถลกกระโปรงตัวเองขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อจะหยิบมีด
หมับ!
“!!!”
อืม…นี่ฉันจับส่วนไหนของก้นตัวเองกันนะ -*- ทำไมมันนุ่มๆ แต่ไม่เห็นจะรู้สึกว่าโดนก้นตัวเองตรงไหนเลย ถ้างั้นมันอะไรล่ะ ลองออกแรงบีบดูสักหน่อยดีกว่า เผื่อบางทีจะรู้สึกเจ็บขึ้นมาบ้าง
“อ๊ากกก! ยัยบ้า! จับอะไรของเธอกันเนี่ย”
จู่ๆไอ้คนที่ล็อกแขนฉันเอาไว้ก็ปล่อยให้ฉันเป็นอิสระซะอย่างนั้น เขาถอยหลังลงไปนั่งคุดคู้อยู่บนเตียง สองมือกำเป้าตัวเองไว้แน่น มะ…หมอนี่…อีตาออร์คัสนี่หว่า =O=!
“นายนั่นแหละเล่นบ้าอะไร คิดจะแกล้งให้ฉันหัวใจวายเรอะ TOT”
“ใช่ที่ไหนกันเล่า! นี่ฉันมาช่วยเธอไว้นะยัยบ้า โอ๊ย! เจ็บโว้ยยย TOT”
ฉันไม่รู้ว่าเขาพูดถึงอะไร ที่พอจะรู้ตอนนี้ก็มีแค่หมอนี่กำลังเจ็บปวดอะไรอยู่สักอย่าง และเหมือนเขาจะโทษว่าฉันเป็นคนทำด้วย แต่…ฉันถูกล็อกแขนไว้อยู่นะทุกคนก็เห็น แล้วฉันจะไปทำร้ายอะไรเขาได้ล่ะ T^T
“เมื่อกี้…เธอคิดจะทำอะไร”
หลังจากปล่อยให้ออร์คัสโอดครวญอยู่กับตัวเองจนอาการเริ่มดีขึ้น เขาก็เริ่มเปิดปากพูดอะไรออกมาบ้าง จนป่านนี้ก็ยังใส่หน้ากากอีกเหรอหมอนี่ -*-
“ทำอะไร ก็แค่จะไปเปิดประตูเอง”
“ไม่ใช่ หลังจากนั้นน่ะ ตอนที่ฉันล็อกแขนเธออยู่”
“อ๋อ! ก็จะหยิบมีดที่นายให้ไว้ไง ฉันนึกว่าเป็นคนร้ายก็เลยจะเอามีดขึ้นมาสู้ ทำไมเหรอ =O=?”
“แล้วเธอเก็บมีดไว้ตรงไหนกันฮะ -*-“
“ตรงนี้ไง”
ฉันหันหลังให้ออร์คัสและเปิดกระโปรงตัวเองขึ้นเพื่อให้เขาดูมีดที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง แต่ว่าหมอนี่กลับลุกพรวดขึ้นเอาผ้าห่มมาคลุมร่างฉันจนมิดซะอย่างนั้น
เฮ้ย! ทำอะไรของเขาเนี่ย จะห่อฉันทำข้าวต้มมัดเรอะ TOT
“คิดจะทำอะไรของเธอกันฮะยัยบ้า จู่ๆก็มาเปิดกระโปรงให้ผู้ชายดู!”
“ก็นายถามว่าฉันเอามีดเก็บไว้ตรงไหนนี่!”
แค่กๆ! หายใจไม่ออกโว้ยยย เขาจะรัดฉันให้อยู่ในผ้าห่มอีกนานมั้ย T.,T
“อย่าบอกนะว่าเธอเก็บมีดพกของฉันไว้ในกางเกงใน O_O”
“จะบ้าเรอะ! คิดไปถึงไหนของนายแล้วเนี่ย >_OOOOO<//”
“ก็เธอกำลังจะแหกปากกรี๊ดไม่ใช่หรือไง มือฉันก็ไม่ว่างเพราะอุ้มเธออยู่ก็เลยต้องใช้ปากอุดปากเธอแทน หรือถ้าจะไม่ให้ฉันใช้ปากฉันก็คงต้องใช้เท้าอุดปากเธอ จะยอมมั้ยล่ะ”
จะเท้าหรือจะปากก็ไม่อยากได้ทั้งนั้นแหละย่ะ T/////T
“แล้วที่ฉันพาเธอมาที่นี่ก็เพื่อจะพาเธอมาดูว่าคืนแห่งการไล่ล่าเนกไทมันเป็นยังไง”
“มันสำคัญมากเลยเหรอ?”
“ก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมานานของโรงเรียนนี้อ่ะนะ แต่สำคัญหรือเปล่าฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน คงจะสำคัญมั้ง”
เป็นคนที่พูดจาชวนให้งงหนักยิ่งกว่าเดิมอีกแฮะหมอนี่ -*-
“อ๊ะ! มีคนมา หลบมาทางฉันเร็ว”
ออร์คัสดึงฉันเข้าไปกอดเอาไว้ ส่วนตัวเองก็ถอยหลังไปจนชิดกับลำต้นของต้นไม้เพื่อใช้เป็นที่พรางตัว ใบหน้าของฉันซุกลงที่แผงอกของเขาพอดีเป๊ะ -///////-
ถะ…ถึงจะรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลามาเขินก็เถอะนะ แต่จู่ๆมาโดนผู้ชายกอดแบบนี้เป็นใครก็ต้องเขินทั้งนั้นน่ะแหละ!
พลั่ก!
เสียงเหมือนอะไรบางอย่างปะทะกันเรียกความสนใจจากฉันได้ดียิ่ง ฉันค่อยๆชะโงกหน้าออกไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข่างล่างเล็กน้อย นักเรียนชายสองคนที่เนกไทเป็นลายข้าวหลามตัดเหมือนกันกำลังต่อสู้กันอย่างนัวเนีย หากแต่ที่ใบหน้าของพวกเขาต่างก็ใส่หน้ากากสีขาวปิดบังจนมิด เผยให้เห็นแค่ลูกตาสองลูกเท่านั้น แบบนี้ก็ไม่รู้พอดีน่ะสิว่าใครเป็นใคร!
พลั่ก!
“อั้ก!”
ผู้ชายคนหนึ่งถูกต่อยจนล้มลงไปกองกับพื้นก่อนที่อีกฝ่ายซึ่งดูเหมือนกำลังได้เปรียบจะใช้เท้าเหยียบซ้ำลงไปบนหน้าท้องของเขาจนต้องร้องออกมาด้วยความทรมาน
“นี่มัน…!”
“ชู่! อย่าเพิ่งส่งเสียงตอนนี้”
ออร์คัสโน้มหน้าลงมาเหมือนลืมตัวคิดจะใช้ปากปิดปากฉันอีกรอบ แต่ก็ชะงักเอาไว้ได้ทัน ตอนนี้เราสองคนเลยอยู่ในท่าที่ฉันเงยหน้าหาเขา ส่วนเขาก้มหน้าฉัน จนปลายจมูกแตะกัน…
อืม…ฟินดีจริงๆ -.,-
“ฉันขอเนกไทของแกแหละนะ!”
แล้วคนชนะก็กระชากเอาเนกไทที่คอของผู้ชายคนนั้นก่อนจะเดินกลับออกไปทางล้านกว้างของโรงเรียน ส่วนผู้ชายที่ถูกช่วงชิงเนกไทไปก็ถอดหน้ากากเขวี้ยงทิ้งลงพื้นอย่างแรง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
“โธ่เว้ย! โธ่เว้ย!”
หมัดแล้วหมัดเล่าถูกปะทะเข้าใส่กับพื้นดิน ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเนกไทมันสำคัญขนาดไหน แต่ถ้าเสียดายขนาดนั้นเอาของฉันไปก็ได้นะ ถึงจะเป็นลายโพธิ์ดำไม่ใช่ข้าวหลามตัดก็เถอะ T^T
แล้วไม่นานผู้ชายที่ถูกช่วงชิงเนกไทไปก็วิ่งหายไปทางกำแพงโรงเรียน ออร์คัสที่เห็นว่าไม่มีใครแล้วก็เริ่มตัวฉันออกห่าง แหมๆ คิดว่าอยากอยู่ใกล้นักเหรอยะ ก็แค่เสียงนุ่มทุ้ม กลิ่นตัวหอม ร่างกายกำยำ แผงอกกว้างอบอุ่นเท่านั้นเอง ชิ =^=
“เห็นแล้วใช่มั้ย นี่ล่ะ…ค่ำคืนแห่งการไล่ล่าเนกไท”
“กะ…ก็แค่เข้าใจเบื้องต้นเท่านั้นเอง ว่าค่ำคืนแห่งการล่าเนกไทมันเป็นยังไง แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าล่าไปทำไม และเพื่ออะไร?”
“ก็เหมือนกับการล่าแต้มนั่นแหละ ใครล่าได้มากที่สุดก็จะมีสิทธิ์ได้ท้าประลองกับหนึ่งในสี่ผู้ปกครองเขตแดน ทุกๆหนึ่งเทอมจะมีการเรียกนักเรียนทุกคนมารวมตัวกันเพื่อดูว่าใครล่าเนกไทได้มากที่สุด และคนที่ล่าได้มากที่สุดก็จะมีสิทธิ์ท้าประลองขอสู้กับหนึ่งในสี่ผู้ปกครองเขตแดน ถ้าหากชนะ…คนๆนั้นก็จะได้ไพ่ของผู้ปกครองเขตแดนไปครอบครองและกลายเป็นผู้ปกครองเขตแดนคนใหม่ยังไงล่ะ”
มะ…มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย ตอนกลางวันดูสงบสุขเหมือนโรงเรียนทั่วๆไป แต่พอตกกลางคืน…เหมือนซาตานที่ถูกปลดปล่อยจากขุมนรกไม่มีผิด T^T
“ส่วนพวกผู้หญิงที่ล่าได้มากที่สุดก็จะมีสิทธิ์ได้ออกเดตกับผู้ปกครองเขตแดนหนึ่งคน และถ้าหากโชคดีทำให้ผู้ปกครองเขตแดนตกหลุมรักได้ พวกเธอก็จะได้กลายเป็น…ผู้หญิงของผู้ปกครองเขตแดนทันที อำนาจของเธอจะยิ่งใหญ่ไม่มีใครเทียม”
คำพูดของออร์คัสทำให้ฉันนึกย้อนไปถึงตอนที่มีผู้หญิงเสียงห้าวมาเคาะประตูห้องฉัน ถ้าหากตอนนั้นมันเป็นเวลาสามทุ่มพอดีก็แสดงว่า…
“หรือว่านายช่วยฉันไว้จากการถูกช่วงชิงเนกไท”
“เข้าใจสักทีสินะ ถ้าฉันไม่รั้งเธอที่กำลังจะเปิดประตูห้องให้คนอื่นด้วยความไม่รู้อะไรเลย ป่านนี้เธอคงถูกช่วงชิงเนกไทและออกจากโรงเรียนนี้ไปทั้งที่ยังเรียนไม่จบเทอมแล้วล่ะ”
“ทะ…ทำไมต้องออกจากโรงเรียนหลังถูกช่วงชิงเนกไทด้วยล่ะ!”
“มันเป็นกฏน่ะ ผู้ใดที่ถูกช่วงชิงเนกไทอันแสนล้ำค่า ผู้นั้นจะต้องออกไป…อย่างไร้ศักดิ์ศรี”
“หะ…โหดร้ายที่สุด T^T”
อย่างนี้ถ้าฉันถูกช่วงชิงเนกไทไปได้ก็เท่ากับว่าฉันจะต้องถูกไล่ออก อนาคตของฉันก็ต้องดับวูบลงในพริบตา แบบนี้มันจะบ้าเกินไปแล้วนะ ใครจะยอมให้อนาคตอันสวยงามต้องมาพังเพราะธรรมเนียมปฏิบัติบ้าๆแบบนี้กันเล่า TOT
“แต่มันก็มีคนอีกจำนวนไม่น้อยเลยนะที่ไม่ยอมเข้าร่วมค่ำคืนแห่งการล่าเนกไท เพียงแต่ว่า…คนพวกนั้นจะถือว่าเป็นพวกต่อต้านและแหกกฏ เมื่อถึงค่ำคืนแห่งการล่าเนกไท พวกเขาจะต้องซ่อนตัวให้ดี เพราะถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่ล่าเนกไทของใคร แต่ก็ใช่ว่าตัวเองจะไม่ถูกล่า และที่ให้มีการใส่หน้ากากก็เพื่อปิดบังตัวตนที่แท้จริง จะได้ไม่มีปัญหาหลังจากสิ้นสุดคืนแห่งการล่ายังไงล่ะ”
“พูดง่ายๆคือต่อให้ไม่ล่าเขา เขาก็ล่าเราอยู่ดีอย่างนั้นสินะ”
“ใช่ อ้อ…แต่ผู้ปกครองเขตแดนทั้งสี่ถือเป็นกรณียกเว้นนะ พวกฉันห้ามล่าใคร และใครก็ไม่มีสิทธิ์ล่าพวกฉัน”
ช่างใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนแบบเจ้าชายซะจริงอีตาสี่คนนี้ ถึงฉันจะไม่รู้ว่าตำแหน่งของพวกเขามีความเป็นมาอย่างไรและยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ที่พอจะเดาได้ตอนนี้คือมันต้องมีอิทธิพลกับโรงเรียนนักล่านี่มากแน่ๆ
“แล้วถ้าอย่างนั้น…ทำไมนายถึงช่วยฉันล่ะ เขาอนุญาตให้ช่วยเหลือกันได้เหรอ?”
“ได้ที่ไหนล่ะยัยบ๊อง ฉันเองก็แหกกฎมาช่วยเธอเหมือนกันนั่นแหละ ถ้าถูกจับได้ขึ้นมามีหวังถูกไอ้สามคนนั้นหาเรื่องเล่นงานจนหลุดออกจากตำแหน่งผู้ปกครองเขตแดนแน่ๆ เพราะฉะนั้น…เธอห้ามบอกใครเด็ดขาด มันคือความลับของเธอกับฉันเข้าใจมั้ย!”็
“จ้าๆ ไม่บอกใครแน่นอน”
“ส่วนที่ทำไมฉันถึงมาช่วยเธอมันก็ไม่มีอะไรมากหรอก ฉันทำไปก็เพื่อเพิ่มความยิ่งใหญ่ให้กับตัวเอง”
“ยะ…ยังไงเหรอ -_-;”
“ถ้าฉันสามารถดูแลปกป้องนักเรียนแลกเปลี่ยนที่มาได้จนกระทั่งจบเทอม ฉันก็มีสิทธิ์เลือกสถานที่สำคัญในโรงเรียนแห่งนี้ให้กลายเป็นของเขตแดนสีดำยังไงล่ะ”
“แสดงว่าที่นายช่วยฉันก็เพราะ…”
“ใช่แล้ว ฉันอยากจะได้โรงยิมของโรงเรียนนี้มาเป็นของส่วนตัวให้เขตแดนสีดำน่ะ ^^”
เข้าใจละ! เข้าใจแบบแจ่มแจ้งแดงแจ๋เลย ที่เขามาช่วยเหลือฉันมันไม่ได้มีอะไรกุ๊กกิ๊กอย่างที่ทุกคนคิดนะคะ หมอนี่ทำทุกอย่างก็เพื่อโรงยิม เพราะถ้าหากฉันถูกช่วงชิงเนกไทไปได้ฉันก็ต้องระเห็จออกจากโรงเรียนแห่งนี้ไป และไอ้ปิศาจจอมหลังตัวเองอย่างเขาก็จะชวดในโรงยิมที่หวังเอาไว้
ฮึกๆ ร้องไห้อีกแป๊บบบ TOT
“อีกแค่สิบนาทีก็จะสิ้นสุดค่ำคืนแห่งการล่าแล้ว นั่งรออยู่ตรงนี้กันก่อนก็ละกัน”
“ไอ้ค่ำคืนล่าเนกไทนี่มันเริ่มตั้งแต่สามทุ่มถึงเที่ยงคืนเหรอ”
“ใช่ เพราะพอพ้นเที่ยงคืนไปแล้วมันก็เริ่มวันเสาร์แล้วไงล่ะ ก็เลยล่าต่อไม่ได้”
“อย่างนี้นี่เอง อ๊ะ! จริงสิออร์คัส ฉัน…ขออะไรหน่อยได้มั้ย”
“ขออะไร ถ้าคิดจะขอมีอะไรกับฉันล่ะก็บอกเลยว่าอย่าฝัน เธอไม่ใช่สเป็คของฉันเลย มาตรฐานฉันสูงเสียดฟ้านะบอกไว้ก่อน -*-“
ไอ้ความหลงตัวเองก็ยังคงเส้นคงวาเหมือนเดิมจริงๆนะหมอนี่ -_-;
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกน่า ฉันก็แค่…อยากเห็นหน้านายดูสักครั้ง”
“หืม?...”
“คะ…คือนายใส่หน้ากากตลอดเลยตั้งแต่ที่เจอกัน ฉันก็เลย…!”
“เรื่องแค่นี้เอง ได้สิ มันไม่ใช่ความลับอะไรอยู่แล้ว”
“จริงเหรอ?”
“อืม ลองถอดดูสิ”
ออร์คัสยื่นหน้ามาให้ เขาจะให้ฉันถอดเองงั้นเหรอ… อ่า…ทำไมใจต้องเต้นแรงแบบนี้ด้วยนะ กะอีแค่ดูหน้าผู้ชายหลงตัวเองอย่างหมอนี่เท่านั้นเอง
หน้ากากของออร์คัสเลื่อนขึ้นไปด้านบนด้วยฝีมือของฉัน ใบหน้าที่ฉันอยากเห็นมาตลอดทั้งวันเด่นชัดอยู่ตรงหน้าของฉันแล้ว…