“หือ...มันย่อมมีบ้าง ที่ต้องปลดปล่อยน่ะ นายต้องเข้าใจสิ คนโสดเหมือนกัน” เขาว่าพลางยิ้มรับข้อกล่าวหาของปกรณ์
“ครับผมเข้าใจ ชายหนุ่มที่เพียบพร้อมอย่างบอส หาผู้หญิงได้ไม่ยาก ส่วนมากเสนอตัวมาทั้งนั้น ผมล่ะอิจฉาบอสซะจริง ผมนี่สิ จะหาสักคนยากเย็น” ปกรณ์ลากเสียงยาว คล้ายกับว่าเรื่องผู้หญิงกับเขาช่างไกลตัว ทั้งที่พนักงานสาวสวยหลายคนในบริษัทปลายตามองเขาอยู่หลายคน แม้เขาจะหล่อน้อยกว่าเจ้านาย แต่ความจริงมันไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย เพราะหน้าที่เขาจำเป็นต้องสละความรู้สึกส่วนตัว เขาคิดว่าคงไม่มีผู้หญิงคนไหนรับได้ กับงานเสี่ยงตายที่เขาทำ
“ใจเย็นๆ ถ้านายต้องการแค่คู่ควงน่ะ มันหาไม่ยากหรอก แต่จะหาแม่ของลูกสักคนมันยาก เหมือนฉัน ฉันก็ยังไม่ต้องการจะหาแม่ของลูก ขอสนุกกับชีวิตไปก่อน เบื่อเมื่อไหร่เดี๋ยวหยุดเอง” พงษ์ระพียังไม่รู้สึกอยากมีใครจริงๆ จังๆ ยกเว้นสาวสวยนัยน์ตาคม คนที่เจอที่สนามบิน ถ้าเป็นเธอ ไม่แน่เขาอาจจะคิดสละโสด
“พรุ่งนี้บอสอย่าลืมนัดทานอาหารเย็นกับลูกค้านะครับ เราต้องเซ็นสัญญาครั้งสำคัญ หลายพันล้านเชียวนะบอส” เลขาหนุ่มย้ำเตือนนัดสำคัญ เกรงเขาจะลืม มัวไปนัดสาวๆ จนลืมนัดสำคัญ ทั้งที่รู้ดีว่าเจ้านาย ให้ความสำคัญกับงานเพียงไร
“นายเตือนฉันอีกทีละกัน เรื่องงานต้องมาก่อน เรื่องอื่นขอเป็นเรื่องรอง”
“ครับ ผมรู้ใจบอสดี”
“ว่าแต่นัดกี่โมง” เขาถาม เพราะนัดครั้งนี้ถูกนัดไว้ตั้งแต่ก่อนหน้าเขาไปต่างประเทศเสียอีก
“วันศุกร์ เวลาหนึ่งทุ่มตรงครับ ที่โรงแรมโฟร์ ซีซั่น” เลขาหนุ่มบอกรายละเอียดอีกครั้ง
“อืม....ตามนั้น เฮ้อ...พอดีงานเสร็จ ไปทานอะไรก่อนกลับบ้านมั้ยปกรณ์” เขาละสายตาจากเอกสารที่ต้องเซ็นตรงหน้า นึกว่ามันจะไม่เสร็จ ในที่สุดมันก็มาถึงหน้าสุดท้าย เขาเป็นคนละเอียด ต้องอ่านเอกสารทุกหน้าที่ส่งมาให้เซ็น กันความผิดพลาด หากเป็นคนทำงานลวก ป่านนี้บริษัทเขาคงไม่ใหญ่โต คงเป็นแค่บริษัทเล็กๆ ระดับล่างไม่ติดอันดับท็อปเท็นเหมือนอย่างทุกวันนี้
“เราแวะทานอะไรง่ายๆ เอามั้ยครับ เดี๋ยวผมพาไป” ที่พูดปกรณ์หมายถึงร้านอาหารง่ายๆ ที่เขาถนัด ไม่ใช่ร้านอาหารง่ายของเจ้านาย ซึ่งสำหรับเขามันไม่เรียกว่าง่าย มันเรียกว่าหรู
“ง่ายๆ ของนายคือแบบไหน” เขาสงสัยเอียงหน้าถาม เพราะตลอดเวลาที่ร่วมงานกัน เขาไม่เคยทานอาหารเย็นร่วมกับลูกน้องเลย แม้จะสนิทกัน ทำงานด้วยกันแทบจะตลอดเวลา
“อาหารข้างทาง เช่น ข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยว อะไรประมาณนี้น่ะครับ” ปกรณ์มีร้านประจำที่มักฝากท้อง ในยามหิว เป็นร้านข้าวต้มกุ๊ยข้างทาง อาหารอร่อยถูกปาก ทว่าสำหรับเจ้านายท่าทางสุขุม นุ่มลึก เพลย์บอยหน้าตาดีอย่างพงษ์ระพี จะสามารถรับประทานได้อย่างเขาได้หรือ
“ดีเลย ฉันอยากลองอยู่พอดี เคยทานแต่อาหารเหลา อาหารร้านหรู โรงแรมดัง อยากทานแบบซำเหมาบ้าง นายคงไม่ว่า หากฉันจะไปกับนาย”
ทั้งสองหนุ่มพาตัวเองออกจากสำนักงาน ขึ้นรถออกจากลานจอดรถไล่เรื่อยมาตามถนนเส้นที่คุ้นเคยเพราะใช้สัญจรจนเคยชิน และพบกับร้านเป้าหมายสำคัญ ซึ่งปกรณ์คุ้นเคย ต่างจากเจ้านายหนุ่ม ที่ไม่คุ้นและไม่เคย
“นั่นไงครับบอส ร้านประจำของผม” ปกรณ์ชี้ให้เจ้านายมาดเท่ห์ดูบรรยากาศ ซึ่งมีแสงไฟสีต่างๆ ให้ความสว่างไสวอยู่ริมทาง ผู้คนหนาตาเพราะช่วงเวลานี้ค่อนข้างดึก คนทำงานตามสถานที่ต่างๆ ทยอยกัน จับจองที่นั่ง แต่...ยังมีที่ว่างพอให้สองหนุ่มได้หย่อนก้น เพื่อสั่งอาหารมารับประทาน
“อืมแปลกดี ฉันไม่เคยมาทานอาหารที่แบบนี้ ลองดูก็ได้ไม่เห็นเสียหาย คนอื่นเขายังทานได้” พงษ์ระพีไม่เคยถือว่าตัวเองอยู่เหนือใคร แต่เพราะหน้าที่การงาน รวมทั้งการสั่งสอนของมารดาให้วางตัวดีเหมาะสม คำว่าเหมาะสมของเขามันจึงอยู่สูง เขามักโดนดุ เมื่อแอบไปซื้อลูกชิ้นรถเข็นข้างทางกิน พอไม่ได้กินลูกชิ้นก็เสร็จหมาข้างถนนทุกที
“บอสถอดสูทนี่ซะก่อนเถอะครับ” ปกรณ์บอกให้เจ้านายถอดอาภรณ์ราคาแพง เพราะไม่เหมาะกับสถานที่
“ได้ๆ ว่าตามนั้น จะกินอาหารให้อร่อยต้องถอดยศออกสินะ” เขายอมถอดสูทราคาแพง ซึ่งมันบ่งบอกถึงฐานะ
“ถูกต้องนะครับ” ปกรณ์เดินลงจากรถและอ้อมไปเปิดประตูให้เจ้านาย แต่ไม่ทันที่ได้เปิด เขากลับผลักบานประตูออก และก้าวลงจากรถมายืนข้างปกรณ์บอดี้การ์ดคนสนิท เขาสูงเลยหัวปกรณ์เกือบสิบเซนติเมตร เขาสูงถึง 188 เซนติเมตร ปกรณ์สูง179 เซนติเมตร ฉะนั้นความสูงไล่เลี่ยกัน หากไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองคือเจ้านายลูกน้องกัน คงคิดว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกัน
“นายสูงเท่าไหร่วะปกรณ์” อยู่ๆ พงษ์ระพีก็เอ่ยถามชายหนุ่มที่เดินข้างๆ
“179 เซนฯ ครับบอส” เขาตอบพร้อมแหงนหน้ามองเจ้านาย “ผมไม่สมาร์ทอย่างบอสหรอกครับ”
“เนี่ยนะ ไม่เรียกว่าสมาร์ท นายดูดีออก แต่สำหรับฉัน ก็ยังมองเห็นนายเป็นผู้ชายอยู่นะ ยังไม่เห็น เป็นสาว” เขาว่างพลางยิ้มมุมปากอย่างเล่นมุก
“ครับ....ผมก็ยังไม่นึกชอบชายด้วยกัน ผมไม่อยากเป็นพวกชายเหนือชาย อยากเป็นชายเหนือหญิงมากกว่า” สองหนุ่มต่างสีผิว เจ้านายผิวขาวสะอาด ส่วนลูกน้องผิวคมเข้มอย่างคนผ่านกรำศึกสงคราม มาดนิ่งหล่อโดนใจสาว ที่ชอบหนุ่มมาดเข้มแข็งแรง เมื่อสองหนุ่มใจตรงกันในความชอบแบบของผู้ชายได้แต่หัวเราะอารมณ์ดีพร้อมกัน
“นี่ครับ นั่งตรงนี้” ปกรณ์หาที่นั่งใกล้กับกลุ่มสาวออฟฟิศสี่คน ซึ่งสั่งอาหารเต็มโต๊ะพอๆ กับจำนวนคนกิน และคุยกันออกรส
“คิดถึงยัยกาลเนอะ” สาวผิวขาวผมยาว ใบหน้าเรียวคนหนึ่งพูดขึ้น
“ยัยนั่นไปไม่ส่งข่าวเลยว่ะ” อีกคนพูดขึ้นบ้าง
“ฉันน่ะสงสารมัน อยากช่วย แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ไอ้ผู้ชายเฮงซวยนั่นแท้ๆ ดูซิ จะแต่งงานกันอีกไม่ถึงอาทิตย์ มันช่างทำได้ เจอหน้าที่ไหนจะชกให้หน้าหงายเลยคอยดู” หญิงสาวผิวขาวคนเดิมใส่อารมณ์ เมื่อกล่าวถึงบุคคลที่ไม่มีตัวตนอยู่ในวงสนทนา
“ถ้าเจอนายปราบ เรียกฉันด้วยแล้วกัน ฉันจะตามไปซ้ำมัน มันทำร้ายจิตใจเพื่อนเราจนบอบช้ำ ฉันไม่ให้อภัยมันหรอก เกลียดนักไอ้พวกผู้ชายเจ้าชู้” สาวเสื้อฟ้าเสริมขึ้น กำหมัดยัดเข้ากับฝ่ามือบางของตัวเองอย่างเคียดแค้น ต่างจากใบหน้าหวานดุจน้ำตาล
“คือบอสครับ ผมว่าเราสั่งอาหารดีกว่าครับ อย่าสนใจพวกสาวแค้นรักกลุ่มนี้เลย พวกหล่อนคงแค้นแทนเพื่อน” ปกรณ์เห็นเจ้านายหนุ่มให้ความสนใจกลุ่มสี่สาว ซึ่งกำลังสนทนากันออกรส
“เอาสิ ตามสบายสั่งเลย” พงษ์ระพีไม่ถนัดสั่งอาหารที่เขาแทบจะไม่เคยสัมผัส ไม่ว่าจะสถานที่ ผู้คนวันๆ เขาก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน และผ่อนคลายกับสาวๆ ยังสถานที่หรูหรา มีรสนิยม ที่เขาเลือกเองเพราะมันเป็นความคุ้นเคย ยกเว้นที่แบบนี้ มันแทบไม่อยู่ในหัวเขาเลยด้วยซ้ำ ผู้หญิงที่เขาคบทุกคน ล้วนแต่ได้อยู่ ได้กินในสถานที่มีระดับ แต่ใช่ว่าเขาจะถือตัว ลงมานั่งข้างทางอย่างนี้ไม่ได้
“ปกรณ์ พรุ่งนี้โทรนัดนายวัฒน์ให้ฉันด้วย ฉันจะเข้าไปออฟฟิศนายวัฒน์” เขาสั่งบอดี้การ์ดหนุ่มผิวเข้ม ด้วยเสียงทรงอำนาจ ทว่าคนตรงหน้าซึ่งกำลังจัดการกับอาหาร ราวไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน ด้วยอารมณ์บรรเจิด เพราะรสชาติถูกลิ้นนัก
“ครับ...แต่พรุ่งบอสต้องเข้าไปอยู่แล้วนี่ครับ” ปกรณ์รับคำสั้นๆ พร้อมถามกลับ เมื่อทราบโปรแกรมของเจ้านายอยู่แล้ว ก่อนจะหันไปสนใจอาหารตรงหน้าอีกครั้ง
“อืม...จริงด้วย งั้นเอาอย่างนี้ดีกว่า เปลี่ยนใจแล้วไม่ต้องนัด เดี๋ยวฉันเข้าไปหาไอ้วัฒน์เอง” เอ่ยจบ ก็หันมาจัดการอาหารที่ไม่เคยทานมาก่อนในชีวิต ชำเลืองมองลูกน้องคนสนิทตรงข้าม ท่าทางจะอภิรมย์กับรสชาติอาหารมากกว่าสนใจสิ่งแวดล้อม เพราะก้มหน้าก้มตาคีบโน่น นี่ นั่นส่งเข้าปากไม่หยุด
“ตามเรื่องประมูลที่ดินให้ฉันไปถึงไหนแล้ว จำไว้ห้ามพลาด และห้ามพลาด” ปกรณ์มีหน้าที่ตาม สืบประวัติของผู้เข้าร่วมประมูลทุกคน เพราะพงษ์ระพี ถือคติทางธุรกิจที่ว่า รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง
เขาจึงกำชับสั่งการบอดี้การ์ดหนุ่มเด็ดขาด ทั้งที่เวลานี้เป็นเวลาเลิกงาน แต่สำหรับเขาทุกวินาทีคืองาน ยกเว้นเวลาอยู่กับสาวๆ ไม่ว่ากลเม็ดใดร้อยแปดพันเก้าทางธุรกิจ จะถูกงัดออกมาใช้ เพื่อความสำเร็จนำมาซึ่งการเป็นผู้นำ เขามักทำได้และทำได้ดีมากเสียด้วย พอๆ กับเรื่องสาวๆ มันไม่แพ้กันเลย หากเขาขยับตัวสนใจอิสตรีนางใด