ตอน 12

1549 Words
“ผมไม่ชอบผู้หญิงเซ้าซี้” มันทำให้หล่อนรีบปรับโหมดเป็นเทิร์นออฟทันที เขาจึงเป็นอิสระได้ในค่ำคืนนี้ ‘อ้า...วุ่นวายดีพึลึก’ ชายหนุ่มทิ้งตัวลงกับที่นอนหนานุ่มที่ห่างหายกันไปหลายวัน  ผลอยหลับไปด้วยความสุข หลังจากอิ่มเอมจากสาวๆ ในฮาเร็ม แต่แทนที่จะหลับยาวจนถึงเช้า เขาจำต้องตื่นขึ้นเพราะ ‘เฮ้ย...’   พงษ์ระพีสะดุ้งตื่นกลางดึก เมื่อหลับไปได้เพียงครู่ ‘อะไรกันวะเนี่ย ยังกับว่าเป็นความจริงแน่ะ...ฝันหรือเนี่ย’ ชายหนุ่มลูบหน้าตัวเองเบาๆ เพื่อไล่จิตฟุ้งซ่าน เหงื่อผุดขึ้นทั่วใบหน้า ทั้งที่ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ จนไม่น่าทำให้ชายหนุ่มเหงื่อตกได้ ‘ผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว’ เขาฝันถึงใครบางคนที่แทบไม่รู้จักชื่อ  ภาพฝันเหมือนจริงจนแทบจะจับต้องได้อยู่ๆ เธอก็หายไป ทิ้งให้เขาร้องเรียกเธอคอแทบแตก ใน    ความฝันเขากับเธอกำลังพลอดรัก เข้าด้ายเข้าเข็ม หญิงสาวที่เขาเห็นอยู่ที่สนามบินวันนั้น คือหญิงสาวใน   ความฝัน มันชวนให้อารมณ์อ่อนไหวเสียนี่กระไร  ‘จูบ...เราจูบกับเธอในความฝัน’ เขายกมือใช้นิ้วไล้ริมฝีปากหนาของตัวเอง ราวกับว่าเพิ่งผ่านการจูบมาจริงๆ ทั้งที่เป็นความฝัน ‘ดีจัง เป็นจริงก็ดี นี่หล่อนจะรู้ไหมนี่ ว่าทำให้เราฝันได้ถึงขนาดนี้’ เขายิ้มมุมปากแบบเจ้าเล่ห์ตามแบบฉบับความมีเสน่ห์ของเขา แบบที่ทำให้สาวๆ เคลิ้ม เมื่อเขาต้องการพวกหล่อน ‘เฮ้อ...กี่ทุ่มแล้วเนี่ย’ เขาเอื้อมมือหยิบนาฬิการูปดาว วางอยู่สตูลข้างหัวเตียง ‘ตีสาม’เขาบอกกับตัวเอง ‘เวลาหลับลึกเลย มิน่าล่ะฝันดีเชียว’ เขาพูดกับตัวเองอย่างอารมณ์ดี แล้วล้มตัวลงกับที่นอนอีกครั้ง แม้จะเป็นแค่ความฝันแต่มันทำให้เขารู้สึกดีมาก กว่าจะหลับอีกรอบ ภาพหญิงสาวลอยไปลอยมา จนต้องพยายามข่มตาลงนอน ‘แล้วผมจะฝันถึงคุณนางฟ้าของผม’ พงษ์ระพีหลับต่อด้วยรอยยิ้ม   ‘อยากหลับตาอยู่อย่างนั้น ทำอยู่อย่างนั้น ฝันถึงเธอเรื่อยไป เพราะว่าความจริงไม่มีทางใด’  เสียงเพลงจากสายเรียกเข้าครางขึ้น ปลุกเจ้าของเครื่องที่กำลังหลับใหลให้สะดุ้งอย่างงัวเงีย เจ้าของโทรศัพท์ไล่มืออย่างสะเปะสะปะเพื่อหาโทรศัพท์ เพียงครู่มือหนาก็ชนเข้ากับโทรศัพท์มือถืออีกเครื่อง ที่มันไม่ได้มีโอกาสแผดเสียงมานานหลายวัน  ‘อยู่นี่เอง’ ร่างสูงที่นอนอยู่บนที่นอนหนานุ่มค่อยๆ ปรือตา เมื่อพบต้นตอของเสียง หลังจากที่หยิบอีกเครื่องขึ้นมา แต่กลับไม่ใช่เครื่องที่ส่งเสียงรบกวน จนกระทั่งควานหาเครื่องที่บังอาจแผดเสียงรบกวนเจอ เพลงโปรด มันยังคงครวญครางไม่หยุด อ่ะ...หยุดซะที และเสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อปลายทางยังไม่ละความพยายาม “ว่าไงวะวัฒน์ โทรมาทำไมแต่เช้าวะ” เมื่อพบเจ้าเครื่องโทรศัพท์เจ้าปัญหา มันเหมือนนาฬิกาปลุกในเวลาเช้า เขาน่าจะมอบตำแหน่งเมียให้กับเจ้าของเสียงเรียกเข้านี้ จึงรีบหยิบมันขึ้นกดรับ กรอกเสียงต่อว่าเจ้าของหมายเลขบนหน้าจอเมื่อรู้ว่าใคร  “เช้ากะผีน่ะสิไอ้เสือ นี่มันจะเก้าโมงแล้วนะเว้ย” อณวัฒน์บอกพงษ์ระพีแบบนั้น “หา...แกบอกเวลาอีกทีซิ กี่โมงแล้วนะ” คำบอกเวลาของเพื่อน มันไม่ชัดทั้งที่ความจริงมันชัดแจ๋ว  “8.55 น.ว่ะ” อณวัฒน์บอกซ้ำด้วยตัวเลขที่คนฟังต้องเด้งสุดตัวลงจากเตียงนอน แม้ปลายสายจะเน้นตัวเลขแต่ละตัวอย่างช้าๆ “จริงหรือวะ”  “ฉันจะโกหกแกหาสวรรค์หรือวะ โกหกแล้วแกยกผู้หญิงของแกให้ฉันมั้ยวะ” อณวัฒน์ไม่รู้จะหาข้อแลกเปลี่ยนอะไร นอกจากผู้หญิงของเพื่อน ซึ่งเขาก็แค่เย้าเล่น เพราะความชอบเรื่องผู้หญิงของสองหนุ่มมันช่างไม่ตรงกัน ทุกครั้งที่มีโอกาสจีบผู้หญิงมักแยกกันจีบ เพราะชอบคนละแบบ คนละสไตล์ ไม่มีโอกาสแย่งกันเรื่องพวกนี้ ใครชอบก่อน อีกฝ่ายจำยอมหลีกทางให้ โดยไม่มีคำว่าบาดหมางเรื่องผู้หญิง นั่นคือคติและความคิดของสองหนุ่มเพื่อนตัวพ่อคาสโนว่า “เอาเชียวนะแก จะงาบผู้หญิงฉันอีกแล้ว” พงษ์ระพีต่อว่าเพื่อนรักไม่จริงจังนัก เนื่องจากรู้กันทุกซอกของความคิด “เออ...ฉันโทรมาตามให้เข้าออฟฟิศ มีประชุมผู้ถือหุ้น เห็นยังไม่โผล่หัวมา”  “งั้นเดี๋ยวฉันรีบเข้าไป ว่าแต่กี่โมงวะ” เขาถามย้ำ เพื่อความแน่ใจ ทั้งที่เมื่อคืนเลขาคู่ใจ รายงาน      ทุกอย่างแล้ว “10 โมงครึ่ง มัวฝันอยู่ล่ะสิไอ้เสือ ถึงกับตื่นสาย” อณวัฒน์แสร้งเย้าเล่น ทว่านั่นคือความจริงที่เกิดกับเขาเมื่อคืนนี้ จนทำให้เขาไม่อยากลุกจากที่นอน เพราะมันเป็นฝันแสนหวาน “แค่นี้ล่ะ เดี๋ยวฉันจะรีบไปอาบน้ำ” พงษ์ระพีไม่คิดว่าเพื่อนรักจะรู้เรื่องบนเตียงของตัวเอง เขาฝัน ใช่เขาฝัน ฝันถึงใครคนหนึ่งที่เขาเคยพบ และรู้ว่ามันคงไม่มีทางเป็นความจริง เธอเป็นใครเขาแทบไม่รู้ จะไปไหน  และมาจากที่ไหน  “เออ...รีบมาละกัน ลองประทานในที่ประชุมไม่มา พนักงานสาวๆ คิดถึงตายเลย” อณวัฒน์รู้ดีว่า ทุกครั้งที่เพื่อนรักเข้ามาในออฟฟิศ สาวๆ มักจับกลุ่มคุยกันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ตำนานความหล่อของเพื่อน มันเข้าขั้นเทพเลยทีเดียว สองหนุ่มจึงตัดสายการสนทนา  พงษ์ระพีรีบจ้ำอ้าวเข้าห้องน้ำ ความจริงเขาไม่จำเป็นต้องรีบร้อน สำหรับเขาคำว่าสายไม่เคยอยู่ในพจนานุกรมเอาเสียเลย โดยเฉพาะงาน เขาไม่เคยผิดนัดแม้แต่ครั้งเดียว ไม่แม้แต่ให้ใครต้องรอนาน เขาเป็นคนตรงต่อเวลาทุกครั้งที่มีการนัดหมาย ยิ่งเรื่องธุรกิจด้วยแล้ว เขาไม่กล้าพลาด เพราะนั่นคืออนาคตของบริษัท การสูญเสียเงินมหาศาล เขาจะไม่บรรจุในหัวอย่างเด็ดขาด ยกเว้นการนัดหมายสาวๆ เขาต้องคุมเกมให้เป็นไปตามความต้องการ เพื่อความตื่นเต้นและความเร้าใจ บางครั้งมักจะวางหมากให้พวกหล่อนรอจนกระวนกระวายเพื่อเป็นการบริหารเสน่ห์               หนึ่งชั่วโมงต่อมาพงษ์ระพีเข้ามาปรากฎตัวยังออฟฟิศโอ่โถงสีสันสวยงาม และได้รับการตกแต่งอย่างมืออาชีพ เนื่องจากธุรกิจของบริษัท คือการรับออกแบบตกแต่งภายใน หากตกแต่งสำนักงานตัวเองไม่ดีไม่สวยงาม ก็เท่ากับบั่นทอนเครดิตของบริษัท  “คุณพงษ์ระพี มาแล้ว” ประชาสัมพันธ์สาวออกอาการดี๊ด๊าสุดขีด เมื่อชายหนุ่มเดินผ่านเคาน์เตอร์  ประชาสัมพันธ์ที่สองสาวนั่งทำหน้าที่ให้ข้อมูลข่าวสารแก่ผู้มาเยือน “หล่อไม่เคยเปลี่ยน” ประชาสัมพันธ์สาวผมยาวหน้าจิ้มลิ้มบอกกับประชาสัมพันธ์สาวผมสีอ่อนกว่าเนื่องจากหล่อนเคลือบสีให้ดูออกแนวตะวันตก และดัดเป็นเกลียวสวยตามความนิยม “นิแกว่ามั้ย คุณพงษ์ระพีเนี่ยดูยังไงก็ไม่เบื่อ คนบ้าอะไรวะ โครตหล่อเล้ย” หล่อนลากเสียงสูงริบ    ราวกับจะให้เทวดาได้ยินด้วย “ฉันก็ว่าอย่างนั่นแหละอัญ คนบ้าอะไรหน้าคมเข้ม นัยตาชวนมอง เซ็กซี่เป็นบ้าเลยว่ะ” แม้จะอยู่ในชุดสูททำงาน นิชานันท์ประชาสัมพันธ์สาว ยังอุตส่าเห็นโครงสร้างภายในของชายหนุ่ม ด้วยจินตนาการของตัวเอง อ้าปากตอบกลับอัญชิสาด้วยใบหน้าเพ้อฝัน  “ได้ข่าวว่าคู่ควงคนล่าสุดตอนนี้ เป็นยัยขี้วีนลูกสาวรัฐมนตรีกระทรวงดังกระทรวงหนึ่งนี่นา” อัญชิสาถามเพื่อน ด้วยน้ำเสียงเจือริษยา “ยัยนี่เหรอ เอาดีแต่ลอยไปวันๆ ชอบไปเฉิดฉายตามงานแสดงสินค้า งานการกุศล อะไรอีกหลายๆ งาน ที่ไฮโซชอบไป”  นิชานันท์ที่บอกว่าไม่อยากสนใจเรื่องของคู่แข่งอย่างนันทิสา กลับรู้ข่าวหล่อนคนนั้นซะละเอียดยิบ ติดอิจฉาปานกลางถึงมาก “อะแฮ่ม...” เสียงทุ้มของใครบางคนดังมาอีกด้านหนึ่งของสองสาวประชาสัมพันธ์ “ทำงาน ทำงาน  จ้างมาทำงาน ไม่ได้จ้างมานินทาเจ้านาย” ปกรณ์บอดี้การ์ดบ่าวตามเกวียน โผล่มาในมาดเท่ห์ๆ  “อุ้ย...พี่ปกรณ์” นิชานันท์หน้าถอดสี เปลี่ยนจากหน้าระรื่นเมื่อครู่มาเป็นแววตาสลด เมื่อมีคนจับได้   “นินทาเจ้านายพี่เหรอสองสาว” เขาว่าพลางส่งตาพราวให้สองสาว คนที่เขาเล็งคืออัญชิสา เธอสวยหวาน ผมยาวดำขลับ ใบหน้าถูกแต่งเติมอย่างอ่อนๆ จิ้มลิ้มถูกใจเขา ความจริงอยากได้ทั้งคู่นั่นแหละ เพราะสวยไปคนละแบบ “แหม...ก็เจ้านายพี่ปกรณ์หล่อนี่นา” อัญชิสาว่าพร้อมก้มหน้าอายกับคำพูดตัวเอง อีกทั้งเขินเพราะมีเพศตรงข้ามจับได้ แม้หล่อนจะแอบปลื้มบอดี้การ์ดหนุ่มตรงหน้าอยู่ก็ตาม หากว่าสายตาที่มองเจ้านายหนุ่มมันหมายถึงความชื่นชม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD