ไผ่และภูผาเบิกตากว้างมองผู้หญิงคุ้นตาตรงหน้าที่เดินเข้ามาทักพวกเค้าที่โต๊ะ สิ่งที่ทำให้ทั้งสองคนตกตะลึงไม่ใช่เรื่องที่ว่าผู้หญิงตรงหน้าเป็นใคร แต่ทั้งคู่ตกใจกับการแต่งตัวที่ไม่เคยเห็นมาก่อนมากว่า
“ขะ...ข้าวหอม?” ไผ่เอ่ยชื่อคนตรงหน้าออกมา “อะไรดลใจให้แต่งตัวแบบนี้เนี่ย” ไผ่มองการแต่งตัวของข้าวหอม เลขาของปันที่อยู่ในลุคที่ค่อนข้างแปลกตากว่าปกติ
ข้าวหอมก้มลงมองการแต่งตัวของตัวเอง เสื้อสายเดี่ยวผ้าปาดกับกระโปรงบานที่ไม่ได้สั้นมาก แถมยังมีเสื้อคลุมอีกตัว มันก็ไม่ได้ดูแปลกอะไรซักหน่อย
“ทำไมคะ ไม่สวยหรอ พี่ไผ่กำลังทำให้ข้าวหอมเสียความมั่นใจนะคะ” ข้าวหอมทำหน้ามุ่ยใส่
“ไม่ใช่ไม่สวย คือมันแปลกตามากกว่า ปกติเราแต่งตัวเรียบร้อยจะตาย” ไผ่ตอบ
“อ่าว ก็นั่นมันที่ทำงาน นี่ข้าวหอมมาเที่ยว พี่ไผ่จะให้ใส่ชุดทำงานมาเที่ยวหรอคะ” ข้าวหอมหัวเราะ
“เออ ก็จริงของน้องนะมึง” ภูผาหัวเราะ “มากับเพื่อนหรอเรา หรือมากับหนุ่ม” ภูผายิ้มแซวข้าวหอม
“มากับเพื่อนสิคะ แก๊งค์สาวโสด พวกพี่มากันสองคนหรอ” ภูผาพยักหน้าตอบ “แล้วสรุปเมื่อกี้คืออะไร พี่ไผ่อกหัก?” ภูผาหัวเราะ
“บ้า!! คนหล่อ ๆ แบบพี่หรอจะอกหัก ก็แค่เล่นกันเฉย ๆ เอง” ไผ่ตอบข้าวหอม
“ค่า...พวกพี่มาที่นี่บ่อยหรอ ทำไมได้โต๊ะดีอ่ะ ข้าวหอมกับเพื่อนได้โต๊ะยืน เริ่มเมื่อยกันแล้วเนี่ย” ข้าวหอมบ่นให้ไผ่และภูผาฟัง
“ช่วงนี้ก็บ่อย แต่พวกพี่โทรจองอ่ะ มานั่งด้วยกันดิ” ภูผาหันมองหน้าเพื่อนด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปยิ้มให้ข้าวหอมที่รอคำตอบจากพวกเค้าอยู่
“ขอบคุณค่ะ งั้นข้าวหอมไปเรียกเพื่อนก่อน เดี๋ยวมา” ข้าวหอมยิ้มตอบก่อนจะวิ่งหายไปอีกด้านของร้าน
“อะไรของมึง เพื่อนน้องเป็นใครมึงรู้จักหรอ มากี่คนก็ไม่รู้ ทำไมมึงชวนให้มานั่งด้วยเนี่ย” ภูผาเค้นถาม
“เอ้า!! อย่างน้อยก็รู้จักน้อง โต๊ะเราก็กว้าง อีกอย่างน้องก็ต้องพิจารณาแล้วมั้ย ว่านั่งพอ ไม่งั้นน้องก็ปฏิเสธไปแล้วดิ” ไผ่เถียงกลับ
“เออ...กับผู้หญิงนี่ปฏิเสธไม่เป็นเลยนะมึง” ภูผาหมั่นไส้เพื่อนที่นั่งยิ้มลอยหน้าลอยตาใส่
“ข้าวหอมกลับมาแล้ว” ข้าวหอมเดินยิ้มร่ากลับมา พร้อมกับเพื่อนสาวสองคนที่ถูกข้าวหอมควงแขนมาคนละข้าง “สองคนนี้เพื่อนสนิทสุดที่รักของข้าวหอมค่ะ คนนี้นุ่น ส่วนคนนี้ชื่อ ‘ธาร’ ส่วนนี่พี่ไผ่กับพี่ภูผา เป็นพี่ที่ทำงานแล้วก็เป็นเพื่อนสนิทของเจ้านายข้าวหอมเอง” ข้าวหอมแนะนำทั้งสี่คนให้รู้จักกัน
ไผ่และภูผานั่งมองสามสาวตรงหน้านิ่ง ข้าวหอมหญิงสาวที่ปกติก็ดูตัวเล็กอยู่แล้ว ด้วยความสูงที่ไม่ถึง 160 ซม. เมื่อมายืนอยู่กับเพื่อนทั้งสองคนยิ่งทำให้ดูตัวเล็กลงไปอีก ด้านซ้ายของข้าวหอมคือ นุ่น สาวน้อยลุคคุณหนูที่ดูจะสูงและอวบกว่าข้าวหอมเล็กน้อย ยืนยิ้มอยู่ในชุดเดรสสั้นสีดำ ที่มีเสื้อสูทสีดำคลุมไว้อีกชั้น
ในขณะที่ธาร สาวสวยแซ่บสุดด้านขวา ที่มองด้วยสายตาน่าจะสูงเกือบ 170 ซม. ยืนอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวซีทรูสีดำ ที่มองเห็นเสื้อเกาะอกสีดำตัวเล็กที่ปกปิดไว้เพียงส่วนหน้าอกเท่านั้น บวกกับกระโปรงสีดำตัวสั้น โชว์เรียวขาขาวยาว ๆ ที่โผล่พ้นชายกระโปรงออกมา ทำให้เธอดูเซ็กซี่มากในสายตาของผู้ชายทุกคน
“สวัสดีค่ะ พวกเรารบกวนพวกพี่รึเปล่าคะ” นุ่นเอ่ยทักพร้อมคำถามด้วยความเกรงใจ
“ไม่เป็นไรครับ เชิญตามสบาย พวกพี่มากันแค่สองคน” ไผ่ขยับไปนั่งกับภูผา เพื่อให้ทั้งสามสาวได้นั่งลง
“พวกพี่เค้าไม่ว่าหรอก พวกพี่ใจดีจะตาย ใช่มั้ยคะ” ข้าวหอมยิ้มถามสองหนุ่ม
“ตามสบายครับ ปกติดื่มอะไรกัน ดื่มกับพวกพี่มั้ย” ไผ่ถาม “มึงทักทายน้องเค้ายังเนี่ย นั่งเงียบอยู่ได้” ไผ่หันมาสะกิดเพื่อน
“สวัสดีครับ” ภูผาส่งยิ้มทักทายกลับไปตามความต้องการของเพื่อน “ตามสบายนะ ไอ้ไผ่เลี้ยง” พูดจบภูผากับข้าวหอมก็พากันหัวเราะ ส่วนไผ่ได้แต่หันมองหน้าข้าวหอมทีภูผาทีอยู่แบบนั้น
“มัดมือชกนี่หว่า อ่ะ...เห็นแก่ความหล่อของพี่ วันนี้พี่เลี้ยงเอง” ไผ่ยืดอกพูดด้วยความภูมิใจ
“ชมตัวเองแบบนี้ก็ได้หรอคะ” ข้าวหอม ภูผา และไผ่ พากันหัวเราะ ไม่เว้นแม้แต่นุ่นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ข้าวหอม
“หล่อ” เสียงเอ่ยเบา ๆ ของธาร ดึงความสนใจของทุกคนให้หันกลับมามอง “ยิ่งยิ้มก็ยิ่งหล่อ” ธารเอ่ยออกมาอีกครั้ง พร้อมกับสายตาที่ยังคงจ้องผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่วางตา
“ยัยธาร...ธาร” ข้าวหอมเรียกเพื่อน พลางยกมือขึ้นโบกไปมาอยู่ตรงหน้าเพื่อน ในขณะที่ภูผาหันมาสบตากับธารที่ยังคงจ้องหน้าเค้าอยู่ตั้งแต่เดินเข้ามาที่โต๊ะ
“ธารา!!” ข้าวหอมและนุ่นตะโกนเรียกเพื่อนพร้อมกัน
“อะไร!! เรียกทำไม” ธารขานรับเพื่อนโดยยังคงไม่ละสายตาไปจากภูผาเช่นเดิม
“ไอ้ที่เพ้อ ๆ ว่าหล่อนี่คืออะไร ใครหล่อ เจอหนุ่มหรอ” นุ่นสะกิดถาม “ข้าวหอมไอ้ธารมันจ้องใครดูดิ๊” เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากธาร นุ่นจึงหันไปถามข้าวหอมแทน
ข้าวหอมเอียงหัวไปใกล้ ๆ หน้าเพื่อน ก่อนจะพยายามปรับสายตามองตามสายตาของเพื่อนไป แต่ในระยะนั้นก็มีเพียงภูผาที่นั่งอยู่ตรงหน้าเท่านั้น
“ธาร...ที่บอกว่าหล่อนี่ พี่ภูผาหรอ” ข้าวหอมชี้ไปที่ภูผา พร้อมกับเอ่ยถามเพื่อน
“ใช่!! พี่ภูผาหล่อ หล่อมาก พี่มีแฟนรึยังคะ” ธารส่งยิ้มให้ภูผา พร้อมกับยิงคำถามที่ทำให้ไผ่ ข้าวหอมและนุ่นถึงกับปล่อยเสียงหัวเราะลั่น
“ไอ้ผามันโสดครับน้องธาร ชอบเพื่อนพี่หรอ” ไผ่ถามธารกลับ ในขณะที่ภูผาเริ่มมีสีหน้าไม่สบอารมกับหญิงสาวตรงหน้า
“ชอบค่ะ ถ้าโสดงั้นธารจีบได้มั้ยคะ” เสียงโห่แซวจากสองสาวและไผ่ดังขึ้นทันทีที่ธารตอบ แต่ทั้งโต๊ะกลับต้องเงียบเสียงลง เมื่อได้ยินสิ่งที่ภูผาตอบกลับมา
“เป็นผู้หญิงภาษาอะไร พูดมาได้ว่าจะจีบผู้ชายก่อน” ภูผาจ้องผู้หญิงตรงหน้าเขม็ง
“เป็นผู้หญิงจีบผู้ชายที่ชอบผิดตรงไหนคะ ระหว่างเดินหน้าจีบคนที่ชอบ กับนั่งอ่อยรอผู้ชายที่ชอบมาจีบ มันก็แรงไม่ต่างกันหรอกค่ะ ปลายทางมันก็เหมือนกัน เผลอ ๆ นั่งอ่อยไปผู้ชายจะมองรึเปล่ายังไม่รู้เลย” ธารตอบกลับด้วยความมั่นใจ
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าจีบก่อนแล้วผู้ชายจะหันมามอง อย่างน้อยก็พี่คนนึงที่จะไม่มอง เพราะพี่ไม่ชอบผู้หญิงที่ใจกล้าพูดออกมาว่าจะจีบผู้ชายที่เพิ่งเคยเจอหน้าแค่ไม่ถึง 5 นาที” ภูผายังคงตอบกลับด้วยใบหน้าตึง ต่างกับธารที่ยังคงยิ้มกลับมาให้ภูผา
“ซักวันพี่ก็ต้องมอง เพราะธารจะเดินหน้าจีบพี่จนกว่าพี่จะมาเป็นแฟนธาร” ธารยิ้ม
“ไม่มีวันนั้นแน่นอน” ภูผาตอบกลับในทันที
“อย่ามั่นใจค่ะ เผื่อวันนึงพี่ต้องกลืนน้ำลายตัวเอง” ธารจ้องหน้าภูผานิ่ง “ขอแลกไลน์ได้มั้ยคะ” ธารยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้าภูผา
“พี่เพิ่งปฏิเสธน้องไป คิดว่าพี่จะให้หรอครับ ไม่มีทาง” ภูผาตอบชัด
“ไม่ให้? อ๋อ...สงสัยกลัวธารจะจีบติด เลยไม่กล้าให้ ได้ค่ะ” ภูผาเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ของธารมากดแอดไลน์ของตัวเองลงไป
“ถึงน้องจะมีไลน์พี่ พี่ก็มั่นใจว่าน้องไม่มีทางจีบพี่ติดแน่นอน” ภูผายื่นโทรศัพท์คืนให้ธาร ในขณะที่ธารยังคงยิ้มรับ อย่างน้อยเธอก็มีช่องทางการติดต่อของคนตรงหน้าแล้ว
“สเปคพี่ภูผา เป็นแบบไหนหรอคะ ทำไมถึงมั่นใจว่าจะไม่ชอบธาร” ธารเอ่ยถามต่อ
“ผู้หญิงที่ทำงานเก่ง ยิ้มสวย เข้มแข็ง และข้อสุดท้าย ผู้หญิงเรียบร้อย ซึ่งข้อนี้พี่ว่าไม่ใช่น้องแน่นอน” ภูผาตอบด้วยความมั่นใจ
“ธารก็เรียบร้อยนะคะ แต่แต่งตัวมาเที่ยวจะใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงขายาว มันก็ดูไม่ใช่” ธารยิ้มตอบ
“อย่างน้อยผู้หญิงเรียบร้อยก็ไม่เที่ยวประกาศปาว ๆ ว่าจะจีบผู้ชายครับ” ภูผายังคงเถียง
“โอเคค่ะ ข้อนั้นธารไม่เถียง แต่พี่ตรงสเปคธารทุกอย่างเลยนะคะ โดยเฉพาะรอยยิ้มบนหน้าหล่อ ๆ ของพี่ อ่อ แต่มีข้อนึงที่อาจจะต้องดูกันต่อ เพราะธารชอบผู้ชายอบอุ่น แต่สำหรับพี่ดูน่าจะกอดอุ่นมากกว่าอบอุ่น” ธารยกยิ้ม ในขณะที่ไผ่ ข้าวหอมและนุ่น ที่พากันย้ายไปนั่งรวมกันอีกด้าน แอบส่งเสียงแซวเบา ๆ
“ถ้าเป็นน้องสาวพี่ ป่านนี้โดนพี่จับฟาดไปแล้วนะ พูดมาได้หน้าไม่อาย” ภูผาดุ
“แล้วถ้าเป็นแฟนจะโดนฟาดมั้ย ไม่อยากเป็นน้องเลย ขอเป็นแฟนได้มั้ยคะ” ธารยังคงต่อปากต่อคำไม่หยุด
“น้อง!! ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นโดนน้องลากไปไหนต่อไหนแล้ว รู้ตัวบ้างมั้ย ทั้งการแต่งตัว ทั้งคำพูดคำจา เป็นผู้หญิงทำไมไม่รู้จักระวังตัวบ้าง” ภูผาตะคอกใส่ด้วยความหงุดหงิด
“ไอ้ผา!! มึงจะดุน้องทำไม น้องก็แค่ชอบมึง ชอบก็จีบ แปลกตรงไหนวะ” ไผ่ขยับมาห้ามเพื่อน เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่สู้ดี
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ไผ่ ธารเข้าใจ พี่ภูผาแค่เป็นห่วงธารแหละ แต่พี่ไม่ต้องห่วงนะคะ ธารไม่ยอมให้ใครมาลากไปแน่นอน อีกอย่าง ถ้าไม่ใช่พี่ ธารก็ไม่จีบ” ธารยิ้มสู้
“ข้าวหอมจะเป็นลม ทำไมเพื่อนข้าวหอมสู้ตายขนาดนี้เนี่ย” ข้าวหอมหันไปพูดกับนุ่น
“ธาร เบาหน่อย เดี๋ยวพี่เค้าโกรธนะธาร” นุ่นกระซิบบอกเพื่อนเบา ๆ
“ข้าวหอมกับนุ่นเคยเห็นธารจีบใครมะ” เพื่อนทั้งสองคนส่ายหน้ารัว “ใช่ไง ธารไม่เคยจีบใครก่อน แต่คนนี้ธารชอบ ธารก็จะสู้ พี่เค้าไม่ได้มีแฟน ธารก็จีบได้ เพราะไม่ได้ไปทำลายครอบครัวใคร สุดท้ายถ้าจีบไม่ติด ก็แค่อกหัก ดีกว่าไม่ได้ลอง” ธารหันมายิ้มให้ภูผาอีกครั้ง
“งั้นเตรียมทำใจไว้ได้เลย พี่มีคนที่ชอบมาก และน้องต่างกับคนที่พี่ชอบแบบคนละขั้ว” ภูผาเอ่ยแทรก
“แล้วคนนั้นที่พี่ชอบ เค้าชอบพี่มั้ยคะ” ภูผาหน้าชากับคำถามของเด็กสาวตรงหน้า “นั่นคืออีกข้อที่แตกต่างกันค่ะ คนที่พี่ชอบ เค้าไม่ได้ชอบพี่ ในขณะที่ธารชอบพี่มาก เคยได้ยินมั้ยคะ ‘รักคนที่เค้ารักเรา’ ธารจะรอวันนั้นนะคะ พี่ภูผา” ธารส่งยิ้มให้ภูผาอีกครั้ง
“เดี๋ยวธารมานะ” ธารหันไปบอกเพื่อนทั้งสอง ก่อนจะลุกหายไปจากโต๊ะ
“ไอ้ผา มึงจะเดือดอะไรขนาดนั้นวะ น้องเค้าก็น่ารักดีออก สวยมากด้วย” ไผ่กระซิบถามเพื่อน
“มึงก็จีบดิ เป็นน้องเป็นนุ่งกูจับฟาดไปแล้ว ต้องกล้าขนาดไหนอยู่ดีดีบอกจะจีบผู้ชายเนี่ย แล้วมึงดูแต่งตัวก็โป๊ ไม่ใช่สเปคกู กูไม่ชอบ” ภูผายืนยัน
“แต่น้องเค้าชอบมึงมากนะ อีกอย่างผู้หญิงแต่งตัวมาเที่ยวก็แบบนี้ป่ะ มึงดูข้าวหอม ยังแต่งขนาดนี้ทั้งที่เวลาทำงานออกจะเรียบร้อย” ไผ่แสดงความเห็น
“ไม่รู้เว้ย!! กูไม่ชอบ!!” ภูผาตอบเพื่อนด้วยความหงุดหงิด
“พี่ภูผา ข้าวหอมขอโทษนะคะ ถ้าธารทำให้พี่หงุดหงิด ปกติธารไม่เคยเป็นแบบนี้” ข้าวหอมเอ่ยขึ้น
“ไม่ต้องคิดมากข้าวหอม มันก็เป็นแบบนี้แหละ แล้วที่บอกว่าปกติเพื่อนเราไม่เคยเป็นแบบนี้คือยังไง ไม่เคยจีบใครงี้หรอ” ไผ่ชวนข้าวหอมคุย
“ใช่ค่ะ พวกเราเพิ่งเคยเจอ 555” นุ่นตอบ “ตั้งแต่รู้จักกันมา ธารมีแฟนแค่คนเดียวตอนเรียน หลังจากธารเลิกกับแฟนตอนเรียนจบ ก็ไม่เห็นธารคบใครอีกเลย หนุ่ม ๆ ที่ทำงานผลัดกันมาขายขนมจีบเยอะมาก ธารก็ไม่สนใจใครเลยซักคน เพิ่งเห็นเป็นกับพี่ภูผานี่แหละค่ะ” ข้าวหอมพยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อน
“ไงเพื่อน คู่แข่งมึงก็ไม่ใช่น้อยนะครับ น้องเค้าก็น่ารักนะ สวยด้วย ไม่สนใจจริงอ่ะ” ไผ่สะกิดถามเพื่อน
“เพื่อนข้าวหอมทั้งสวยทั้งเก่งนะคะ ทำงานก็เก่ง หาเงินก็เก่ง เก็บเงินก็เก่ง ทำกับข้าวก็เก่ง งานบ้านนี่ได้ทุกอย่าง ห้องเนี๊ยบเป็นระเบียบเรียบร้อย เงาแว๊บทุกตารางนิ้วเลย” ข้าวหอมเริ่มขายของ
‘สวัสดีลูกค้าที่น่ารักทุกท่านครับ วันนี้เราจะเปิดวงด้วยนักร้องรับเชิญสุดพิเศษ เอ่อ...น้องชื่ออะไรนะครับ’ เสียงหัวเราะดังลั่นร้าน เมื่อนักร้องหลักของวงหันไปถามชื่อนักร้องพิเศษอีกคน ‘โอเคครับ เมื่อกี้ผิดคิวนิดหน่อย 555 เรามาฟังบทเพลงเปิดวงวันนี้กับบทเพลงน่ารัก ๆ ของคนน่ารักกันดีกว่าครับ ขอเชิญทุกคนพบกับน้องธารกันได้เลยครับ’
ทั้งสี่คนในโต๊ะพากันหันไปมองทางเวทีทันทีที่ได้ยินชื่อนักร้อง ข้าวหอมและนุ่นพากันกรี๊ดกราดปรบมือให้กับความใจกล้าของเพื่อนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ส่วนไผ่ก็ได้แต่นั่งยิ้มขำเพราะไม่เคยเห็นภูผาโดนสาวที่ไหนรุกหนักขนาดนี้มาก่อนเช่นกัน ส่วนเจ้าตัวเอง ได้แต่นั่งขมวดคิ้วมองไปที่เวทีด้วยความหงุดหงิด
‘ตกหลุมรักรอบที่ล้าน
มองยังไงก็แพ้ทุกทาง ไม่รู้เป็นอะไร
มองมองไปก็เห็นคำว่าน่ารักเต็มไปหมด
เหมือนโดนสะกด...
รู้ไหมฉันโคตรชอบรอยยิ้มเธอ รู้ไหมสายตาเธอทำฉันเพ้อ
เธอแทบไม่ใช่คนที่ฉันชอบเท่านั้น แต่ฉันรักเธอมากขึ้นทุกวัน
หนีไปไหนก็คงจะไม่ไหว ก็ฉันรักหาทางออกไม่ได้
ก็เธอช่วยอย่าน่ารักเกินไปได้ไหม ใจฉันก็มีอยู่เท่านี้
ตกหลุมรักรอบที่ล้าน
มองยังไงก็แพ้ทุกทาง ไม่รู้เป็นอะไร
มองมองไปก็เห็นคำว่าน่ารักเต็มไปหมด
เหมือนโดนสะกด...ก็เธอดีเกิดต้านไหว
ตกหลุมรักรอบที่ล้าน
มองยังไงก็แพ้ทุกทาง ไม่รู้เป็นอะไร
มองมองไปก็เห็นคำว่าน่ารักเต็มไปหมด
เหมือนโดนสะกด...
เธอจะรับผิดชอบยังไงบอกที’
**(เพลง ตกหลุมรักรอบที่ล้าน – Kinkaworn)**
‘เพลงนี้ ธารขอมอบให้กับพี่นะคะ ‘พี่ภูผา’ เตรียมตัวตั้งรับให้ดี เพราะธารจะเดินหน้าจีบพี่เต็มกำลัง’ ธารยักคิ้วส่งมาให้ภูผาพร้อมรอยยิ้ม เสียงเฮดังขึ้นลั่นร้านพร้อมกับธารที่เดินลงมาจากเวที
“เรื่องนี้ต้องขยาย ไอ้พวกนั้นต้องได้รับรู้” ไผ่เอ่ยขึ้นหลังจากธารร้องเพลงจบ ยังไม่ทันที่ภูผาจะได้หันมาห้ามไผ่ ธารก็เดินกลับมาหาข้าวหอมและนุ่นที่โต๊ะ
“ธารจะกลับแล้วนะ จะกลับพร้อมธารมั้ย” ข้าวหอมที่กำลังจะเอ่ยแซวเพื่อน ถึงกับงงที่อยู่ ๆ เพื่อนก็บอกว่าจะกลับซะอย่างนั้น
“กลับสิ กลับ มาพร้อมกันก็ต้องกลับพร้อมกันดิ” ข้าวหอมตอบ ก่อนจะหันมาหาไผ่และภูผา “กลับก่อนนะคะพี่ ๆ เจอกันที่ทำงานวันจันทร์ค่ะ” ข้าวหอมเอ่ยลาไผ่และภูผาที่ยังคงทำหน้างงอยู่
“ทำไมรีบกลับล่ะครับ ยังไม่ได้ดื่มอะไรเลย” ไผ่หลุดคำถามออกไป ธารไม่ตอบเพียงแค่หันมายิ้มให้ไผ่เท่านั้น ก่อนจะหันไปหาภูผาที่เอาแต่นั่งจ้องหน้าเธอ
“พอดีตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ แล้วหลุมก็ดันลึกมากซะด้วย ธารคงต้องขอไปรักษาตัวก่อนค่ะ เดี๋ยววันต่อไปจะไม่มีแรงจีบต่อ อย่าดื่มจนเมานะคะพี่ภูผา ธารเป็นห่วง ฝันดีค่ะ” ธารยิ้มส่งให้ภูผา ก่อนจะเดินนำเพื่อนออกจากร้านไป
“ไอ้เชี่ย!!! เด็ดจริง” ไผ่ก้มหน้าก้มตาพิมรายงานเพื่อนในกลุ่ม ในขณะที่ภูผา มองตามธารที่เดินออกจากร้านไปจนสุดสายตา พร้อมกับความคิดที่ตีกันอยู่ในหัว
‘เป็นผู้หญิงแบบไหนกันแน่วะ ถึงกล้าจีบผู้ชายที่เจอกันครั้งแรกหนักขนาดนี้’