7 - ความฝันที่ถูกกีดกัน
ชรัสเห็นอะไรบางอย่างในเปียโนส่วนที่ควรจะเป็นส่วนประกอบและตัวทำให้เกิดเสียง ปกติในนั้นมันต้องเป็นอุปกรณ์ที่ประกอบเปียโนแต่ละลิ่มให้เกิดเสียง แต่สิ่งที่ผมเห็นคือสภาพศพที่ถูกตัดเป็นชิ้น ๆ สี่เหลี่ยมลูกบาศก์ ทำเหมือนจะตัดเป็นแฮมลูกเต๋า ผมไม่เคยเจอสภาพศพที่น่ากลัวที่สุดที่เคยเจอมา ปกติแค่ชิ้นแขนขาทั้งดุ้น เมื่อตัดออกมาจากร่างกายมนุษย์ทุกอย่างคือความน่ากลัวที่เป็นภาพติดตาไปจนวันตาย ผมเห็นแล้วช็อกเป็นลมต่อหน้าทิวลิป ผมสลบไปตอนไหนยังไม่รู้ตัวเลย จากมือที่จูงน้องกลายเป็นผู้ชายแปลกหน้าผมเจอดีทั้งดุ้นแล้วใช่ไหม
“อ๊ากกกก”
เสียงของชรัสกรีดร้องจบแล้ว แต่เสียงที่ดังต่อเนื่องไม่หยุด มีใครอีกสองคนแอบเข้ามาในบ้านเนื่องด้วยความสงสัยถึงตามมา ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเห็นความจริงที่เด็กทั้งสองเห็นภาพสยองทั้งที่ในชีวิตแสนสดใสจะมีเพียงโลกสมมุติอย่างการ์ตูนเท่านั้น
“เชี่ยย ไอ้เขียว กูไม่อยู่แล้ว”
“มึงรอด้วยไอ้ไกอา”
ผมกับไกอาถึงขั้นวิ่งออกจากบ้านไปด้วยกัน ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเพราะสิ่งที่เห็นในบ้าน มันสยดสยองไม่คิดว่าจะเห็นมันของจริง พวกผมเคยเห็นการ์ตูนเรื่องหนึ่งสีสันสดใสแต่ดูไปมีฉากฆาตกรรม ผมปิดหนีไม่ทันเห็นเป็นภาพติดตา ขนาดตอนนี้ผมเหมือนหลุดเข้าไปในเรื่องนั้น ผมหนีไม่คิดชีวิตพร้อมกับคว้าไกอาไปด้วย ผมแค่จะตามมาหาความจริงของทิวลิป ไม่คิดว่าจะเห็นสุกี้น้ำจนได้ทะเลทั้งบ่อมาเป็นลูกเต๋า
เช้าวันต่อมา
“นะโม ตัสสะ...”
ชรัสตื่นขึ้นมาด้วยความกลัวมากกว่าเดิม ผมเห็นน้องทิวลิปเตรียมเบคอนลงจานพร้อมกับแฮมลูกเต๋า สิ่งที่เห็นในจานบอกเลยว่ามันเป็นภาพติดตา ต่อให้ของสิ่งนั้นจะเหมือนกันในรูปลูกเต๋า ในจานกินได้แต่ภาพในตาผมสยดสยองจนคิดแบบอื่นไม่ได้ นาทีที่ผมตื่นขึ้นมา ผมกำสร้อยพระมาห้อยคอหลายเส้นจนคอหนักแทบหลุดจากบ่า ผมท่องทุกบทที่คิดได้และอยากเอาอะไรมาล้างตามาก ผมอยากให้ภาพสยดสยองหายไปจากตาที่สุด
“พี่ครับ”
“ช่วยด้วยยย”
ผมกรีดร้องจนพูดไม่เป็นภาษา ต่อให้คนตรงหน้าจะเป็นน้องผมแต่ตอนนี้ผมกลับไม่คิดว่าคนตรงหน้าคือน้องของผมจริง ๆ ผมคิดอะไรไม่ออก ผมขอเข้าไปคลุมผ้าห่มแล้วนอนหลับไปอีกครั้ง วันนี้ผมขอให้น้องไปโรงเรียนเองแล้วกัน ผมไม่อยากเห็นอะไรสยดสยองสักพักหนึ่ง กว่าจะผ่านคืนนั้นมาได้ ชีวิตผมแทบจะทิ้งไว้ในเปียโนเป็นศพรายต่อไป
“ผมไปโรงเรียนก่อนนะครับ”
ผมรอจังหวะให้ทิวลิปไปโรงเรียน เมื่อเห็นน้องเดินออกจากบ้านไปแล้ว ผมตั้งสติไปหยิบโทรศัพท์โทรหาครูพลอยเพื่อบอกสิ่งที่ผมเจอมาในคืนนั้น ผมสะกดรอยตามน้องไปถึงบ้านหรูหราปริศนา พอไปตามน้องถึงหน้าเปียโน ผมช็อกเมื่อเห็นศพหั่นเป็นลูกเต๋าพร้อมอวัยวะส่วนอื่น เท่านั้นแหละช็อกจนเกือบไม่ตื่นมาในชาตินี้แล้ว
“ครูพลอยครับ ครูต้องเชื่อผม...”
“ชรัส ครูว่าเธอคงไม่ได้เจอคนเดียว” ผมไม่รู้ว่าครูพลอยหมายถึงอะไร เธอจะบอกว่าในคืนนั้นไม่ได้มีแค่ผมเห็นคนเดียวงั้นเหรอ แล้วใครเห็นเหตุการณ์อีกล่ะ แล้วผมออกมาจากบ้านหลังนั้นได้ยังไง ทั้งที่คืนนั้นผมช็อกจนไม่ได้สติ กว่าจะรู้ตัวก็เช้าแล้ว
“งั้นเดี๋ยวอีกสี่สิบนาที เจอกันครับ”
ที่โรงเรียน
ผมเดินทางมาถึงโรงเรียน รอให้ทางโรงเรียนให้เข้าพบครูพลอย ผมเป็นผู้ปกครองของทิวลิปและการมาของผมถือว่าไม่มีการบอกกล่าวน้องตัวเอง ผมเข้ามาเพราะเห็นว่าผมอยากคุยกับคุณครูเป็นการส่วนตัวเท่านั้น ไม่ได้มาเพราะน้องทำผิดร้ายแรง ผมอยากมาจบฝันร้ายที่ผมเจอเท่านั้น เกิดมาผมไม่เคยเจออะไรน่ากลัวขนาดนี้ ผมต้องไปทำบุญหลังจากทุกเรื่องราวจบลงแล้ว
“เอ่อ น้อง...”
ผมเห็นเด็กทั้งสองคนนี้ ผมคุ้นหน้าแค่คนเดียวคือเขียว เขาเป็นเพื่อนสนิทของทิวลิป แต่อีกคนผมไม่รู้จักและคงจะเป็นเพื่อนร่วมห้องเหมือนกัน ผมนั่งลงก่อนจะมองหน้าน้องทั้งสองคน ผมยังแปลกใจเลยว่าน้องไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ยังไง จะบอกว่ารู้จักกับเจ้าของบ้านหลังนั้นก็คงไม่ใช่
“พี่ก็เจอเหมือนผมเลยครับ”
“นี่น้องแอบตามทิวลิปไปเหรอ”
ผมไม่รู้ว่าน้องแอบตามไปตอนไหน ผมไม่ได้นัดน้องเขาไปด้วยแค่ไปเจอกันในสถานที่เดียวกันในเวลาเดียวกัน ผมว่าน้องต้องเห็นเหมือนผม แต่ผมสลบไปก่อน แต่น้องทั้งสองเห็นและหนีออกไปภายหลัง ผมต้องถามให้แน่ใจแล้วว่าน้องเห็นอะไร
“ครับ ผมสงสัยว่าเพื่อนผมเป็นอะไร ทำไมเล่นเปียโนเก่งข้ามคืนแบบนี้ มันเหมือนว่าเขาไม่ใช่ทิวลิป...”
“มึงพูดแบบนี้กูกลัวนะเขียว”
ไกอาพยายามข่มความกลัวแต่ยิ่งพูดผมยิ่งขนลุกมากกว่าเดิม เหมือนผมถูกดึงตัวกลับไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นซ้ำ ๆ ไม่สามารถหลุดจากฝันร้ายได้ ผมอยากลืมแต่เมื่อมันกลายเป็นภาพติดตาแล้ว ยากที่จะถอดออกไปจนกว่าตัวจะตายแล้วไม่เห็นมัน
“ต่อให้ไม่พูด ทิวลิปก็จะไม่เหมือนเดิมนะ”
“กูพูดก็ได้ กูเห็นศพถูกหั่นเป็นลูกเต๋า” ไกอากลั้นใจยอมเหล่าเหตุการณ์ที่ผมกับเขียวเห็นในคืนนั้นให้ครูพลอยและพี่ชรัสฟังไปเลย ผมว่าทิวลิปไม่ใช่คนเดิมตั้งแต่เล่นเปียโนได้แล้ว
“ทีนี้มึงจะเลิกอิจฉาคนอื่นได้หรือยัง เพราะความเก่งคือผีเข้ามาแฝงตัวไง” เขียวกลัวจนพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ผมไม่อยากให้เรื่องมันคาราคาซัง ผมเป็นเด็กถึงจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่เล่าให้ฝันร้ายคลายข้อสงสัยก็ถือว่าช่วยมากพอแล้ว การเห็นอะไรไม่ควรเห็น นั่นคือหายนะที่เด็กไม่ควรได้รับมัน
“ใจเย็น ๆ นะ เธอแอบตามทิวลิปไปใช่ไหม”
“ครับครู ผมสงสัยก็เลยตามไป ผมอิจฉาที่เขามีความสามารถพิเศษ ผมก็อยากได้บ้างก็เลยคิดจะทำร้าย...” ไกอาสารภาพกับครูว่าผมกับเขียวตามทิวลิปกลับบ้านทำเหมือนสัมภเวสีลอยตัวตามคนตรงหน้าเป็นเครื่องนำทาง ผมแค่อยากมีความสามารถพิเศษเหมือนคนอื่น แต่ไม่คิดว่าผมจะไปเห็นอะไรไม่ควรเห็นพร้อมกับเขียว
“แล้วเธอเห็นอะไรอีก”
“ผมกับเขียวเห็นผู้ชายตัวผอมสูงหน้าหล่อผมกะลาครอบ ยิ้มหวานใส่ชุดเปียโนดูหรูหราทั้งตัว เขามองด้วยสีหน้าอาฆาตผิวซัดชมพูกว่าเนื้อหมู มองตาเราสองคนให้เห็นศพในเปียโน อื้อออ... ขนลุก” ชรัสและครูพลอยได้ยินเด็กทั้งสองคนเล่าแล้ว ยังขนลุกไม่หาย หรือต้องไปทำบุญจะได้ไม่ต้องเจออะไรไม่ควรเห็น
“เอกมัย”
“พี่หมายถึงผู้ชายคนนั้นใช่ไหม แล้วเขาเป็นใครครับ” เขียวและไกอาสงสัยว่าผมไปรู้ชื่อผู้ชายคนนั้นจากใคร ผมบอกไปเลยว่าผมได้ยินจากทิวลิป เขาเห็นผู้ชายคนนี้เสมอ ผมว่าเรื่องนี้น้องผมเข้าไปเกี่ยวพันโดยบังเอิญ ผมไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นมีเจตนาดีมาขอให้ช่วยหรืออยากเอาไปอยู่ด้วย ตอนนี้ผมต้องมองหาน้องเพื่อความปลอดภัยก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป
ในห้องดนตรี
ครูโจเปิดประตูเข้ามาเพื่อเข้ามาเตรียมห้องดนตรี ก่อนจะเข้าคาบสอนในเวลาต่อไป ผมยกอุปกรณ์ในกล่องอย่างลำโพงและหนังสือโน๊ตเพลงเข้ามาเก็บ ในห้องนี้จะมีกระจกติดไว้ตรงผนังห้องข้างโต๊ะครูผู้สอน มันก็เป็นปกติที่ผมจะเข้ามาจากประตูเข้าออก และต้องเห็นมัน ขณะที่ผมกำลังก้มหน้าถอดรองเท้าออกจากเท้าเองไม่ต้องย่อตัว ถอดมันไว้ขวางทางเข้าออก เมื่อผมเงยหน้า ผมเห็นอะไรบางอย่างยืนแทนตัวผม ตัวผมผอมลงเล็กน้อยจากกระจก ตอนแรกคิดว่าส่องแล้วผอม แต่ถ้าดูดี ๆ นั่นไม่ใช่ตัวผม
“ครูโจ...”
“อ๊ากกก”
ผมตกใจจนทำกล่องหล่นตกใส่เท้าเต็มแรง ผมไม่คิดเลยว่าผมจะเห็นผีในกระจกมาเป็นตัวตน ผู้ชายหน้าหล่อไม่มีเลือด ผิวขาวใสเหมือนมนุษย์แต่นั่นมันอยู่ในกระจกและไม่มีตัวตนในโลกแห่งความจริง แสดงว่ามันกำลังหลอกหลอนให้คนเป็นหวาดกลัว ผมเจ็บเท้าแต่ความกลัวก่อตัวมากกว่าความเจ็บ ผมกรีดร้องตัวสั่นคลานออกไป อาการนี้ทำเอานักเรียนที่เดินผ่านมาตกใจเพราะไม่เคยเห็นผมเป็นแบบนี้มาก่อน นักเรียนคงตกใจที่ผมทำท่าทีแปลกไปจนใครก็คาดไม่ถึง
“ครูโจเป็นอะไรครับ”
“ครูโจครับบบ”
เพื่อนในห้องเดียวกันกับทิวลิปเห็นครูโจคลานออกมาจากห้องดนตรีด้วยความกลัว นอนสลบทำเอาทุกคนที่เดินผ่านไปมา แตกตื่นจนทุกคนหยุดความสนใจจากสิ่งที่ตนเองทำอยู่
ในขณะนั้นครูพลอยวิ่งเข้ามาดูอาการ ฉันไม่อยากเชื่อว่าครูโจจะช็อกไปอีกคน ปกติฉันไม่เคยเห็นเขาช็อกหนักขนาดนี้ แสดงว่าเขาอาจจะเจอดีเหมือนกันเมื่อคนที่ไร้ลมหายใจ ฉันขอให้นักเรียนช่วยพาครูโจไปนอนพักที่ห้องพยาบาลไม่งั้นอาการจะยิ่งแย่กว่าเดิม
“ครูโจคะ นักเรียนคะรีบพาไปห้องพยาบาลด่วนค่ะ”
ฉันเห็นอะไรบางอย่างผ่านประตูห้องดนตรี มุมจากระดับสายตาจะตรงกับกระจกในห้องพอดี ฉันเห็นใครบางคนในกระจกยิ้มให้ก่อนจะหายตัวไป แสดงว่าผู้ชายคนนั้นคือเอกมัย ชายผู้รอเวลาปลดปล่อยจากเหตุการณ์ในใจ หรือเรื่องที่เขาเล่าปากต่อปากจะเป็นเรื่องจริงแล้ว