7

1564 Words
“คิดได้แค่นี้เองเหรอ เรียนหนังสือเสียสูง นึกว่าจะคิดอะไรได้ดีกว่านี้” เขาตำหนิตรงๆ นิ่มอนงค์แทบเต้น แต่พยายามระงับอารมณ์เอาไว้ “แล้วคุณจะเอายังไง” นิ่มอนงค์ถามเป็นคำถามสุดท้าย เธอเดาอารมณ์ความรู้สึกหรือแม้แต่ความคิดเขาไม่ออกจริงๆ สีหน้าและแววตาของเขาอ่านยาก ถ้าจะเผยออกมาบ้างก็เอาแต่ตำหนิ เหมือนผู้ใหญ่เห็นเด็กไม่เอาไหนคนหนึ่ง “ทำตามที่คุณพ่อต้องการ” เขาตอบเสียงเรียบเช่นเดิม ยกมือขึ้นกอดอกมองตรงมาที่เธอ “คุณควรจะรับข้อเสนอของฉัน” นิ่มอนงค์สูดลมหายใจเข้าปอดแรงลึก สะกดกลั้นอารมณ์ที่แทบจะระเบิดเอาไว้เต็มที่ “พี่ขอปฏิเสธข้อเสนอของนิ่มทั้งหมด” เขาตอบด้วยน้ำเสียงหมางเมิน “คนละโมบโลภมาก อยากได้ทรัพย์สมบัติของคนอื่น ผู้ชายไร้ศักดิ์ศรีอยากจะเกาะชายกระโปรงผู้หญิงกิน คุณกับแม่คงคิดมาดีแล้วสินะ ถึงบีบฉันด้วยวิธีนี้ ว้ายย!!!” นิ่มอนงค์ร้องอย่างตกใจเมื่อเขาลุกจากโซฟาก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็กระชากตัวเธอไปปะทะกับอกกว้าง “พี่บอกว่าอย่าก้าวร้าวแม่ของพี่ เพราะท่านไม่ใช่คนแบบนั้น น้องนิ่มคงไม่มีใครสั่งสอน ต่อไปพี่จะสั่งสอนเอง จะได้ไม่ก้าวร้าวผู้ใหญ่อีก” พฤกษ์บดจูบริมฝีปากอิ่มอย่างลงทัณฑ์เมื่อพูดจบประโยค เป็นจังหวะที่นิ่มอนงค์อ้าปากจะเถียงว่าเขาเป็นลูก อย่างไรเสียก็ต้องเข้าข้างแม่ตัวเองเป็นธรรมดา “อื้อ... อ่อยนะ” เธอดิ้นรนสุดกำลังแต่เขาบดจูบลงมาอย่างดุดัน มือหนาลูบไล้สำรวจไปทั่วเรือนกาย เขาสอดมือเข้าเคล้นคลึงทรวงอกอิ่มเต็มไม้เต็มมือ แม้ไม่ได้กระทำหยาบคายจาบจ้วงแต่สัมผัสอันวาบหวามของเขาก็ทำให้นิ่มอนงค์รู้สึกว่าถูกหยาม เธอเจ็บใจตัวเองที่เผลอไผลไปกับสัมผัสของเขา  เพียะ!!! เธอตบเขาฉาดใหญ่เมื่อเขาละริมฝีปากออกห่าง ก่อนจะผลักร่างสูงออกไป มองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ พฤกษ์ลูบแก้มตัวเองไปมา มองตามร่างเล็กที่หนีออกไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะคาดเดา นิ่มอนงค์ร้องไห้มาถึงรถ เธอขับรถออกไปทั้งที่น้ำตานองหน้า รู้สึกโกรธจัดที่โดนหยามขนาดนี้ เท้าเธอเผลอเหยียบคันเร่งด้วยความโมโหและโกรธที่เขากระทำแบบนั้น กรี๊ดด!!! เอี๊ยด!!! โครม!!! เพราะมัวแต่โมโห แถมยังร้องไห้น้ำตานองหน้าทำให้การขับรถเป็นไปด้วยความประมาท นิ่มอนงค์มองอีกรอบก็เจอกับรถสิบล้อขนไม้เต็มคันรถสวนออกมา เธอหักหลบรถกะทันหันไปชนกับต้นไม้ใหญ่ข้างทาง รถพังยุบ แต่เพราะคาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้จึงไม่กระเด็นไปไหน เศษกระจกจากหน้ารถโดนตาจนรู้สึกเจ็บ แล้วสติเธอก็ดับวูบไปในที่สุด “ยัยหนู ไม่น่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลย” นงนภัสเป็นลมล้มพับไปหลายต่อหลายรอบเมื่อรู้ข่าวว่าหลานสาวคนเดียวประสบอุบัติเหตุ ปรีชาวัฒน์รีบเดินทางมาโดยด่วน คอยปลอบภรรยาเอาไว้ เขาเองก็ห่วงหลานเช่นกัน ไม่คิดว่านิ่มอนงค์จะโชคร้ายเช่นนี้ เหตุการณ์ที่เลวร้ายไปกว่านั้นไม่ใช่เรื่องอุบัติเหตุ แต่ผลพวงจากอุบัติเหตุ นิ่มอนงค์ตาบอดทั้งสองข้าง เธออาละวาด ใครเข้าหน้าก็ไม่ติด ไม่คิดว่าตัวเองจะโชคร้ายถึงขนาดต้องตาบอดเช่นนี้ ยศวินกับแพรพิลาศตกใจที่นิ่มอนงค์ตาบอด     ยศวินนึกสงสารนิ่มอนงค์จับใจ ส่วนแพรพิลาศนั้นถึงกับร้องไห้ ไม่คิดว่าเพื่อนรักจะโชคร้ายขนาดนั้น ในที่สุดนิ่มอนงค์ก็ตัดสินใจแต่งงานกับพฤกษ์ เธออยากจะให้เขาอับอายที่ต้องแต่งงานกับคนตาบอด อีกทั้งเธอจะอาละวาดให้เขาอยู่ไม่ได้ ขอหย่าขาดจากเธอในที่สุด ในเมื่อเลือกทางไหนเธอก็เสียเปรียบ ดูหนทางนี้จะได้เปรียบมากที่สุด ยศวินคอยปลอบนิ่มอนงค์ไม่ห่าง เขาบอกว่าไม่ได้รังเกียจถ้าเธอหย่าขาดจากพฤกษ์ แพรพิลาศได้ยินเข้าก็รู้สึกน้อยใจอยู่บ้าง แต่คิดว่ายศวินคงรักนิ่มอนงค์จริง เธอจะไม่ขัดขวางหากทั้งสองจะลงเอยกันในที่สุด หลังออกจากโรงพยาบาลทุกคนก็เตรียมตัวจัดงานแต่งอย่างกะทันหัน เพราะฤกษ์ยามที่ได้มานั้นเป็นระยะกระชั้นชิดทีเดียว แถมเจ้าอาวาสที่วัดยังทักว่าทั้งสองเป็นเนื้อคู่กัน นิ่มอนงค์ไม่อยากจะเชื่อ เธอไม่สนใจเรื่องนี้ด้วยซ้ำ ขอแค่ทำตามความต้องการของบิดา แล้วขัดขวางไม่ให้สองแม่ลูกนั่นฮุบสมบัติไปคนเดียวก็เพียงพอแล้ว นงนภัสหน้าตึงตลอดงาน แม้ไม่อยากให้หลานสาวแต่งงานกับลูกกาฝากของอดีตพี่เขย แต่เพราะเป็นความต้องการของนิ่มอนงค์ เลยขัดไม่ได้ “คอยดูนะคะคุณวัฒน์ ถ้านายพฤกษ์นั่นทำอะไรไม่ดีกับยัยนิ่ม นงจะตอบแทนมันให้สาสม” นงนภัสพูดกับสามีด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ใจเย็นๆ ก่อนเถอะคุณนง นี่เป็นความต้องการของหนูนิ่ม เราเองก็ขัดไม่ได้” ปรีชาวัฒน์บีบมือภรรยาเบาๆ อย่างให้กำลังใจ เขารู้ดีว่านงนภัสไม่ได้เจ้ายศเจ้าอย่างหรือคิดแบ่งชนชั้นเรื่องความยากดีมีจน เพราะเขาเองก็ฐานะด้อยกว่าภรรยา ครอบครัวของเธอเลือกสรรคนดีเป็นคู่ครองมากกว่าฐานะทางสังคม ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ได้เป็นเขยของศักดาพงศ์ แต่เพราะพ่อตาแม่ยายเขามีลูกสาวสองคน ออกเรือนไปก็ไร้คนใช้นามสกุลของท่าน จึงให้เขาเปลี่ยนนามสกุล เขาเองไม่ได้ยึดติดหรือมีปัญหาเพราะมีพี่น้องเป็นผู้ชายหลายคน จึงยอมมาใช้นามสกุลภรรยา ตั้งใจและขยันทำงานตอบแทนที่นงนภัสช่วยเหลือครอบครัวและพี่น้องเขาจนประสบความสำเร็จลืมตาอ้าปากได้ทุกคน “นงผิดเองค่ะ นงรู้ว่ายัยหนูคงทำตามที่นงพูด ถ้าเราบอกหนูนิ่มว่าอย่าไปสนใจทรัพย์สมบัติบ้าบอนั่น ยัยหนูคงไม่เป็นแบบนี้” “ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก อย่าคิดมากนะครับ” ปรีชาวัฒน์ซับน้ำตาให้ภรรยา กอดปลอบอย่างอ่อนโยน เขารู้ดีว่านงนภัสนั้นรักและเอ็นดูนิ่มอนงค์สุดหัวใจ อะไรที่เป็นเรื่องของหลานสาวคนนี้ต้องมาก่อนเสมอ นิ่มอนงค์จะต้องได้สิ่งที่ดีที่สุด มีเพื่อนที่ดี มีสังคมที่ดี ได้เรียนมหาลัยดีๆ ในสาขาที่อยากเรียน และสุดท้ายคือมีคู่ครองที่ดี กำลังใจจากสามีทำให้นงนภัสรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ปรีชาวัฒน์เป็นผู้ชายอ่อนโยน นางเองก็อยากให้หลานสาวได้คู่ครองที่ดีเหมือนตน ยศวินเองก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เอาอกเอาใจเก่ง แต่กลับไม่มีบุญได้แต่งงานกัน ภาพของเจ้าสาวคนสวยที่สวมใส่ชุดไทยลงมาจากห้องแต่งตัวทำให้ทุกคนในงานตกตะลึง แม้ใครๆ จะรู้ว่าเธอตาบอดแต่ไม่ได้ลดทอนความสวยของเธอลงไปได้แม้แต่น้อย มีเรื่องน่าเสียดายอยู่แค่อย่างเดียวคือใบหน้าของเจ้าสาวที่ดูเศร้าจนน่าใจหาย พฤกษ์ยื่นมือไปรับมือนิ่มของเจ้าสาวมากุมเอาไว้ นิ่มอนงค์ทำท่าจะสะบัดแต่เขากลับดึงเธอไปกอดและหอมแก้มเสียฟอดใหญ่ “อุ๊ย!” แขกเหรื่อในงานต่างอมยิ้มในการกระทำของเจ้าบ่าว นิ่มอนงค์หน้าแดงจัด แม้จะตาบอดแต่ก็รู้ดีว่าเขาทำอะไรกับเธอบ้าง แทนที่เขาจะอายที่มีเจ้าสาวตาบอดแต่กลับทำอะไรห่ามๆ เอากับเธอ กลายเป็นเธอเองที่อายแทน นงนภัสปรี่ๆ จะเข้าไปว่ากล่าวพฤกษ์เสียให้หน้าหงาย แต่ปรีชาวัฒน์ปรามเอาไว้ นางจึงสงบลง มองภาพการแต่งงานอย่างอึดอัดและเศร้าใจ พิธีในช่วงเช้าผ่านไปอย่างเรียบร้อย พฤกษ์สามารถรับมือกับเจ้าสาวได้อย่างง่ายดาย เขาทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องง่าย ทั้งๆ ที่มีหลายคนหนักใจ ซึ่งนั่นไม่รวมนงนภัสอยู่ด้วย นางเองไม่ชอบสองแม่ลูกนัก อยากจะให้หลานสาวออกฤทธิ์ออกเดชอยู่มากเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด เพื่อนๆ ของพฤกษ์มาแสดงความยินดีกันอย่างพร้อมหน้า ทั้งพศุต เดือนประดับ พศิน และเดชา เกือบทุกคนนึกชื่นชมความสวยของนิ่มอนงค์ จะมีแค่เดือนประดับเท่านั้นที่ไม่แสดงความคิดเห็นอันใด “คุณนิ่มนั่งรอตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวแพรไปเอาน้ำมาให้” แพรพิลาศคอยช่วยประคองเจ้าสาว อีกทั้งคอยช่วยดูแลอยู่ไม่ห่างรีบบอกเมื่อเห็นว่านิ่มอนงค์มีท่าทีเหนื่อยจนเห็นได้ชัด “จ้ะแพร เดี๋ยวนิ่มนั่งรอตรงนี้ได้ ไม่ต้องห่วง” “เดี๋ยวแพรรีบมานะคะ ตรงนี้เป็นด้านนอก อากาศดีไม่แออัด” แพรพิลาศพูดยิ้มๆ รีบเดินเลี่ยงไปหาเครื่องดื่มและของว่างมาให้เจ้าสาว “น้องนิ่ม เหนื่อยไหมครับ” น้ำเสียงคุ้นเคยที่ดังขึ้นหลังจากแพรพิลาศจากไปแล้วทำให้นิ่มอนงค์ยิ้มออก เธอจำเสียงเอื้ออาทรของยศวินได้ดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD