ครั้งแรกอาจเกิดจากการบังคับ แต่ครั้งต่อมานางเต็มใจและเรียกร้องให้เขาเสพสมกับนางเอง นางภูติสาวมองใบหน้าหล่อเหลาของพ่อมดหนุ่มแล้วหน้าแดงก่ำเมื่อนึกถึงสิ่งที่นางทำให้เขาเมื่อครู่ที่ผ่านมา
“นางภูติของข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าน้ำอมฤตจากกายของพ่อมด จะทำให้นางภูติเช่นเจ้ามีพลังเวทย์เพิ่มขึ้น”
พ่อมดคาไลน์บอกความลับให้นางรับรู้
“โอ จริงหรือ ข้าไม่เคยรู้เลย ถึงรู้ข้าก็ไม่เคยออกจากดินแดนพฤกษาไปที่ใด คงไม่ได้พบพ่อมดคนใดหรอก นอกจากท่านคนเดียวเท่านั้น” นางภูติสาวอลิศเอ่ยขึ้น นางหันไปสบตากับนางภูติน้อยไอวี่ด้วยแววตาตื่นเต้น
ตั้งแต่พวกนางกำเนิดในดินแดนพฤกษาแห่งนี้ พวกนางถูกกำหนดให้เป็นภูติอารักษ์ดินแดน มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ผู้ใดผ่านเข้ามาในอาณาเขตของภูติต้นไม้จนกว่าจะสิ้นอายุขัยของตน ซึ่งอายุขัยของภูติต้นไม้คือห้าร้อยปีนับตั้งแต่ถือกำเนิด พวกนางจะเติบโตเป็นสาวสะพรั่งในวัยสิบแปดปีและจะหยุดการเติบโตและไม่แก่ชราจนสิ้นอายุ เวลาผ่านไปหลายสิบปีนางภูติสาวยังคงทำหน้าที่นี้อยู่เพียงสองตนกับนางภูติไอวี่ จนได้พบกับพ่อมดคาไลน์
“และข้าได้มอบน้ำอมฤตจากกายข้าให้พวกเจ้าทั้งสองผ่านการเสพสมเมื่อครู่ หากเจ้าอยากรู้ว่าพลังเวทย์ในกายของเจ้าเพิ่มขึ้นจริงหรือไม่ ลองทดสอบดู” พ่อมดคาไลน์แนะนำ
นางภูติทั้งสองรีบทำตามทันที นางภูติอลิศกระพือปีกใสของตนให้โบยบินขึ้นจากพื้นหญ้า แล้วโบกมือส่งพลังเวทย์ไปยังเถาวัลย์ที่ถูกทำลาย สิ่งมหัศจรรย์บังเกิดขึ้นเมื่อเถาวัลย์ที่ขาดกระจายบนพื้นกลับรวมตัวกันฟื้นคืนดังเดิม พวกมันกลายเป็นทาสรับใช้นางภูติสาวเหมือนที่เคยเป็น นางภูติน้อยไอวี่เองก็ลองกระพือปีกบินไปมา นางพบว่าปีกของนางขยายใหญ่กว่าเดิม และมีประกายระยิบระยับพร่างพรายออกมา บ่งบอกว่านางได้เติบโตเป็นนางภูติต้นไม้อย่างเต็มตัว มีพลังเวทย์เรียกใช้บรรดาเถาวัลย์และต้นไม้ใบหญ้าได้อย่างใจปรารถนาเช่นเดียวกับนางภูติอลิศ
“มันวิเศษมาก เราสองตนมีพลังเพิ่มขึ้นจริงๆ พี่อลิศ”
ไอวี่ยิ้มกว้าง ดวงตาเปล่งประกายวาวจ้าด้วยความยินดี นางหันไปสบตากับภูติรุ่นพี่แล้วส่งกระแสความคิดไปยังอีกฝ่าย นางภูติอลิศยิ้มรับก่อนจะพยักหน้าแล้ว โบกมือไปมา
ทันใดนั้นเอง!
เถาวัลย์ในมือของพวกนางก็พุ่งตรงไปยังพ่อมดหนุ่มที่ยืนอยู่ ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ ก็โน้มกิ่งลงมาเป็นกรงขนาดใหญ่ครอบร่างของพ่อมดคาไลน์ไว้ เถาวัลย์เลื้อยพันร่างหนามัดเขาไว้ไม่ให้ดิ้นหนี
“พวกเจ้าเล่นอะไรกัน”
พ่อมดหนุ่มยืนนิ่งปล่อยให้นางภูติพันธนาการตน ไม่ได้มีท่าทีตกอกตกใจแต่อย่างใด นอกจากรอดูว่านางภูติทั้งสองจะทำอะไรกับตนเองต่อไป
“ท่านคิดว่าพวกเราจะทำอะไรกับท่าน”
นางภูติอลิศบินลงมายืนข้างๆ กรงต้นไม้ นางมองใบหน้าหล่อเหลาของพ่อมดหนุ่มแล้วยิ้มหวาน เช่นเดียวกับนางภูติไอวี่ที่ลงมายืนข้าง ทั้งสองสบตากันส่งกระแสจิตพูดคุยกันโดยไม่มีเสียง
“อลิศ ไอวี่ พวกเจ้าทั้งสองคงไม่คิดทำร้ายข้าหรอกใช่ไหม”
พ่อมดคาไลน์เอ่ยขึ้น เขามีพลังเวทย์ส่องใจสามารถได้ยินความคิดในหัวของอีกฝ่ายได้ จึงรู้ว่านางทั้งสองไม่ได้คิดทำร้ายตน แต่นางมีแผนการบางอย่าง
“พวกเราจะทำร้ายท่านได้อย่างไร ท่านคือคนที่ทำให้พวกเราได้พบกับความสุขสุดยอด”
ไอวี่เอ่ยเสียงหวาน มองใบหน้าหล่อเหลาด้วยแววตาหลงใหล บทพิศวาสของเขาทำให้นางติดอกติดใจยิ่งกว่าน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ที่นางชื่นชอบ ร่างกายของนางเรียกร้องสัมผัสของเขา แต่เขามีข้อแลกเปลี่ยนคือการพาเขาไปพบกับหัวหน้าภูติต้นไม้ก่อน จึงจะมอบความหฤหรรษ์ให้นางกับอลิศ
“ใช่ พวกเราปรารถนาให้ท่านมอบความสุขให้พวกเราอีกครั้ง พวกเราจึงต้องพาท่านไปพบท่านหัวหน้าด้วยวิธีนี้” นางภูติ อลิศยิ้มให้พ่อมดหนุ่ม ก่อนจะเล่าแผนการให้ฟังอย่างละเอียด
“พวกเรามีหน้าที่ดูแลเขตแดนป้องกันไม่ให้ใครบุกรุกเข้ามา ดังนั้นหากเราจะพาท่านไปพบหัวหน้าก็ต้องพาท่านไปในฐานะเชลย”
“ใช่ ท่านหัวหน้าท่านฉลาดมาก เราไม่สามารถโกหกท่านได้ง่ายๆ เราจึงต้องใช้วิธีนี้” นางภูติไอวี่สนับสนุน
“ข้าเข้าใจ ไปกันเถอะ พาข้าไปหาหัวหน้าของพวกเจ้า”
พ่อมดหนุ่มพยักหน้ารับ ยอมตกลงทำตามแผนการของนางภูติสาวทั้งสองโดยดี
นางภูติอลิศโบกมือร่ายเวทย์ให้ต้นไม้สลัดกิ่งก้านกลายเป็นกรงขังพ่อมดหนุ่ม และใช้เถาวัลย์เป็นเชือกมัดกรงไว้ จากนั้นนางและนางภูติไอวี่ก็จับเถาวัลย์คนละข้างขยับปีกบินขึ้นจากพื้น ยกกรงไม้บินไปยังที่อยู่ของหัวหน้าภูติต้นไม้
นางภูติทั้งสองพาพ่อมดหนุ่มบินขึ้นไปสู่ยอดเขาลูกที่สูงที่สุดอันเป็นที่พำนักของหัวหน้าภูติต้นไม้ รวมถึงภูติต้นไม้ตนอื่นๆ ในดินแดนนี้ พวกภูติอาศัยอยู่ในต้นไม้ใหญ่ บ้านของพวกนางอยู่บนยอดไม้แต่ละต้นบนภูเขานี้ โดยบ้านของหัวหน้าภูติต้นไม้จะหลังใหญ่ที่สุดด้วยใช้เป็นที่ประชุมของเหล่าภูติ
“ท่านเอเลน่า พวกข้านำผู้บุกรุกมาให้ท่านดู”
นางภูติอลิศเอ่ยขึ้นหลังจากบินลงมายังพื้นหญ้า หน้าบ้านของหัวหน้าของตน นางพยักหน้าให้นางภูติไอวี่ถอยมายืนข้างๆ ปล่อยให้หัวหน้าภูติเอเลน่าเดินมาดูผู้บุกรุกด้วยตนเอง รอบกายบรรดาภูติต้นไม้ต่างพากันมารวมตัวอยู่ที่นี่ ทุกตนมองผู้บุกรุกด้วยแววตาใคร่รู้ เพราะเขามีรูปลักษณ์ต่างจากพวกนางภูติทั้งหลาย
“เจ้าเป็นใคร บังอาจบุกรุกกินแดนของพวกเรา”
นางภูตเอเลน่าเอ่ยถามเสียงเครียด ดวงตาสีนิลจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของพ่อมดหนุ่มเขม็ง แต่ไม่ได้สร้างความหวาดหวั่นให้เขาแม้เพียงน้อย ด้วยรูปลักษณ์อันสะคราญตา งดงามยิ่งกว่านางภูติสาวอลิศและไอวี่ ทำให้คนเห็นจ้องตอบด้วยแววตาพริบพราวชวนให้หัวใจของนางภูติสะท้านไหว
“ข้าคือพ่อมดคาไลน์ แห่งดินแดนเวทมนตร์” พ่อมดคาไลน์จ้องใบหน้างดงามไม่วางตา
“พ่อมด...”
นางภูตเอเลน่านิ่วหน้าเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร นางนึกถึงคำสั่งของท่านวาตรีภูติคนสนิทของราชินีภูติ ซึ่งมีหน้าที่รับบัญชาของราชินีภูติและมาสั่งการบรรดาภูติใต้บังคับบัญชา ท่านวาตรีสั่งให้หัวหน้าภูติทั้งสี่เขตป้องกันไม่ให้ใครบุกรุกเข้ามาโดยเฉพาะพ่อมดแม่มดจากดินแดนเวทมนตร์ ผ่านมาร่วมร้อยปีก็ไม่มีใครบุกรุกจนวันนี้
“เจ้าบังอาจบุกรุกดินแดนของพวกเรา เจ้าต้องการอะไร”
“ข้าได้รับบัญชาจากราชินีแม่มด ให้เดินทางไปพบราชินีภูติ จงเปิดทางและมอบผลึกมรกตให้ข้าเปิดประตูเสียเถอะ”
พ่อมดคาไลน์บอกอีกฝ่าย พร้อมกับเอ่ยขอผลึกมรกตของล้ำค่าแห่งดินแดนพฤกษาเพื่อเปิดประตูสู่แดนภูติเขตต่อไป
“เหอะ บังอาจ เจ้าคิดว่าจะได้ผลึกมรกตไปง่ายๆ อย่างนั้นหรือ ฝันกลางวันอยู่หรือเปล่าเจ้าพ่อมด เจ้าถูกลูกน้องของข้าจับตัวมาได้ ยังปากกล้าดีอีกเหรอ” นางภูติเอเลน่าตวาดเสียงดัง
“ได้ไม่ได้เดี๋ยวก็รู้!”
พ่อมดหนุ่มยิ้มร้าย ขณะโบกคฑาวิเศษร่ายเวทย์ทำลาย กรงไม้จนพังพาตัวเองออกมาจากกรงได้ ท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าบรรดาภูติรวมถึงหัวหน้าภูติ เขาลอยตัวขึ้นจากพื้น เตรียมตัวปะทะกับหัวหน้าภูติต้นไม้ที่กระพือปีกพาตัวเองบินขึ้นมาบนท้องฟ้า เริ่มโจมตีก่อนด้วยการใช้เหล่าเถาวัลย์ให้พุ่งเข้ามาฟาดพ่อมด แต่พ่อมดคาไลน์ไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกทำร้ายโบกคฑาทำลายเถาวัลย์จนแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หัวหน้าภูติไม่ยอมแพ้ง่ายๆ สั่งให้บรรดาภูติรวมพลังโจมตีพ่อมดพร้อมกัน
“พวกเรา รวมพลังจัดการมันให้ได้”
บรรดาภูติที่อยู่บริเวณนั้นยกเว้นอลิศและไอวี่ ต่างใช้เถาวัลย์เป็นอาวุธตรงเข้าจู่โจมพ่อมดหนุ่มจากทุกสารทิศ พ่อมดคาไลน์หลบไปมาพร้อมร่ายเวทย์สร้างเกราะแก้วลักษณะคล้ายลูกบอลกลมกำบังไม่ให้ถูกทำร้าย เขาเคลื่อนตัวเข้าไปหาร่างของหัวหน้าภูติต้นไม้ ใช้พลังเวทย์ดูดร่างของนางให้เข้ามาในเกราะแก้ว