ผมกำลังว้าวุ่น จิตใจไม่อยู่กับตัว ตั้งแต่ที่มิเกลกลับไทย เธอติดต่อมาหาผมแค่สามวัน หลังจากนั้นเธอก็หายไปเลย ผมติดต่อหาเธอก็ไม่ได้ ไหว้วานเพื่อนไปดู เพื่อนก็บอกว่าติดงานต่างจังหวัด ส่วนไอ้สต๊อปก็งานแข่งรถที่สนาม
ผมโคตรร้อนรุ่มในอก กินก็ไม่ได้ นอนก็ไม่หลับ
กลัว ผมยอมรับตามตรงว่าผมกลัว กลัวการไม่มีเธอ
“ยินดีต้อนรับกลับเมืองไทยนะครับน้องหมอ” เป็นพี่ชายคนที่สี่ที่อาสามารับผม ส่วนป๊ากับมัมมีงานด่วนเข้ามากะทันหัน ซึ่งผมไม่ได้น้อยใจอะไรอยู่แล้ว เพราะตอนนี้สิ่งที่ผมให้ความสนใจคือคนรักหายไป
“สวัสดีครับพี่ สบายดีใช่ไหมครับ” ผมยกมือไหว้พี่ชาย แม้เขาจะอายุเยอะ แต่เรื่องความหล่อยังคงเหมือนเดิม สงสัยจะเป็นแบบที่คนว่า ยิ่งแก่ยิ่งมัน
“สบายดี แล้วเราล่ะ หน้าเหมือนกังวลอะไรนะ”
“นิดหน่อยครับ แล้วไอ้แสบไม่มาเหรอ” ผมถามถึงหลานชาย
“มันไปเรียน”
“อ่อ แล้วพี่ได้ข่าวอาหมอเพื่อนป๊าบ้างไหม”
“ก็ได้ยินว่าอาหมอยังสบายดีอยู่นะ ทำไมล่ะ ถามทำไม”
“ก็ถามไปงั้นแหละ” แล้วทำไมมิเกลไม่ติดต่อหาผมล่ะ เกิดอะไรขึ้นวะ
ความสงสัยของผมยังไม่จางหาย มันยังค้างคาอยู่ในใจของผม ซึ่งผมต้องการคำตอบมาก ๆ
พอกลับมาถึงบ้าน ที่บ้านก็จัดงานต้อนรับผมอย่างที่มัมบอกไว้ แล้วงานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น โดยที่ผมไม่เห็นหน้าหลานชายสุดที่รักของผม พอถามพี่จิว เธอก็บอกว่ามันติดงานมาไม่ได้จริง ๆ
ด้านน้องทิวก็เป็นหนุ่มหล่อ น้องนอสนี่ถอดแบบความหล่อจากพี่ภพ ส่วนหลานคนอื่น ๆ ผมยังไม่เห็น ได้ยินว่าติดเรียนกัน
งานเลี้ยงต้อนรับผมก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย มันก็เหมือนงานเลี้ยงธรรมดาทั่วไปที่ครอบครัวของผมมักจัดขึ้น มันไม่ใหญ่โตมากนัก เพราะผมไม่ต้องการความวุ่นวาย ผมเป็นพวกไม่ต้องการความโอ่อ่า
แต่ถ้างานแต่งของผมกับมิเกล ผมจะจัดให้ยิ่งให้ เพื่อให้เธอไม่น้อยหน้าใคร
เพื่อเธอแล้วผมยอมได้ทุกอย่าง
“ป๊าครับ” ผมเอ่ยเรียกป๊าในขณะที่เราทานมื้อเช้าด้วยกันในวันต่อมา หลังจากที่งานเลี้ยงนั้นเลิกราไปแล้ว พวกพี่ ๆ ของผมพากลับตั้งแต่เมื่อคืน เพราะตอนเช้ามีธุระกันต่อ
ที่โต๊ะอาหารจึงมีผมกับป๊าและมัม
“ว่าไง” ป๊าขานรับพร้อมกับหั่นไส้กรอกที่อยู่ในจาน
“วอร์มมีแฟนแล้วนะครับ เราคบกันมาสี่ปี ป๊าช่วยไปคุยกับผู้ใหญ่ฝั่งเธอให้วอร์มได้ไหม วอร์มอยากแต่งงานกับเธอ” ผมพูดความต้องการของผมออกไป
“ทำไมมีแฟนไม่เล่าให้ที่บ้านฟังบ้าง” เป็นมัมที่เอ่ยถาม
“วอร์มแค่อยากแน่ใจว่าเธอใช่ครับ แล้วเธอก็ใช่ครับมัม”
“เธอคนนั้นเป็นใครล่ะ” เป็นป๊าของผมที่ถามพร้อมรอยยิ้ม
“มิเกลครับ เธอเป็นลูกบุญธรรมของอาหมอเพื่อนป๊าไงครับ ป๊าไปคุยกับอาหมอให้ผมหน่อยนะ ผมรักมิเกลจริง ๆ” ผมบอกด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
“ทำไมวอร์มไม่บอกป๊าว่ามีแฟน ถ้าวอร์มบอกป๊า ป๊าคงเล่าให้วอร์มฟัง” จู่ ๆ ป๊าก็มีสีหน้าที่เศร้าขึ้นมา
“อะไรป๊า ทำไมป๊าทำสีหน้าแบบนั้น” ผมเริ่มไม่เข้าใจ
“น้องวอร์มของมัม” มัมลุกขึ้นมาจากเก้าอี้แล้วเดินมากอดผมเสมือนการปลอบใจเหมือนที่มัมชอบทำเวลาที่ผมจะต้องมีเรื่องเสียใจ
“ลูกบุญธรรมของเพื่อนป๊าเสียชีวิตแล้ว เพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ มิเกลเธอไม่รอด ไอ้หมอก็เลยผ่าตัดเอาหัวใจมิเกลไปใส่ให้ลูกสาวอีกคนที่กำลังจะตายเพราะโรคหัวใจ”
ป๊าของผมบอกเล่าเรื่องราวอะไรก็ไม่รู้ ผมไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด เธอจะทิ้งผมไปได้ยังไง
มันเป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง ป๊าแค่เข้าใจผิด
“ผมไม่เชื่อ” ผมบอกด้วยเสียงที่เริ่มสั่น น้ำตาเริ่มเอ่อคลอ
“อัฐิอยู่ที่วัด xxx ไม่เชื่อก็ลองไปดู ตอนนี้ไอ้หมอเพื่อนป๊าก็เสียใจมาก ป๊าไม่เคยเอาเรื่องพวกนี้มาล้อเล่นอยู่แล้ว” ป๊าพูดจบก็ลุกออกจากโต๊ะอาหารไปทันที
“มัม เรื่องที่ป๊าพูดจริงเหรอครับ วอร์มแค่หูฝาดไปใช่ไหม หรือวอร์มอาจจะฝันอยู่” ผมกุมมือมัมที่กอดผมอยู่ ผมไม่เชื่อหรอก ผมเชื่อไม่ลง
“มันคือเรื่องจริงลูก มิเกลเธอเสียแล้ว ไม่เป็นไรนะลูก ลูกยังมีแม่มีทุกคนในครอบครัว อย่าคิดมากเลยนะ แม่รักวอร์มนะลูก”
ตอนนี้สิ่งที่มัมพูดไม่ได้เข้าหูของผมแม้แต่น้อย ผมไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะตาย เธอก็แค่หายไป เธอไม่มีทางตาย
ก็เราสัญญากันแล้วว่าจะมาเจอกันที่ไทย เราสัญญากันแล้วว่าจะแต่งงานกัน เป็นไปไม่ได้ที่มิเกลจะทิ้งผมคนที่รักเธอสุดหัวใจแบบนี้ได้ลงคอ
(END WARM)