“เค้ารักวอร์มมากนะคะ รักที่สุดเลย ตลอดเวลาที่เราคบกันมาเค้ามีความสุขที่สุดรู้ไหม” มิเกลเธอเอื้อนเอ่ยขณะที่เรานั้นทานข้าวที่ห้างด้วยกันก่อนที่เธอจะไปรอขึ้นเครื่องที่สนามบิน
“เค้าก็รักเกล รักที่สุดเหมือนกัน เกลเป็นผู้หญิงคนแรกที่เค้ารัก และจะเป็นคนสุดท้ายที่เค้ารักเช่นกัน” ผมเอื้อมมือไปจับมือเธอมากุมไว้ มิเกลเธอเป็นคนสวย น่ารัก นิสัยดี ผมถึงรักเธอมาก ๆ ยังไงล่ะ
“เค้าดีใจนะที่วอร์มรักเค้า สี่ปีที่เราเป็นแฟนกัน วอร์มเป็นแฟนที่ดีที่สุดเลยรู้ไหม วอร์มไม่เคยขาดตกบกพร่องอะไรสักอย่าง ไม่เคยลืมวันพิเศษ ของขวัญมีให้เค้าตลอดเลย เค้าโชคดีจริง ๆ ที่ได้วอร์มเป็นแฟน” มิเกลเธอมองผมด้วยสายตาที่เปรี่ยมล้นด้วยความปลาบปลื้ม
“สำหรับเกลเค้าให้ได้ทุกอย่าง เค้าบอกแล้วไงว่าเค้าจริงจังกับเกล และเค้าจะดูแลเกลให้ดีที่สุด เค้ากลับไทยแล้วจะให้ป๊าไปคุยเรื่องของเรานะ เราหมั้นกันไว้ก่อน หรือเกลจะแต่งเลยก็ได้นะ เพราะเค้าอยากจะกอดเกล อยากจะได้เกลมาอยู่กับเค้าตลอด 24 ชั่วโมง” ผมวาดฝันถึงอนาคตอันใกล้ให้คนรักได้ฟัง
และมันคือความหวังที่ผมนั้นมอบให้เธอ ซึ่งผมจะทำตามที่ผมพูดอย่างแน่นอน
“ก็วอร์มเป็นแบบนี้ไงเค้าถึงไปไหนไม่ได้สักที เค้ารักวอร์มนะ แล้วเจอกันที่ไทย” เธอส่งยิ้มหวานในแบบที่เธอชอบยิ้มมาให้ผม
ผมชื่นชอบรอยยิ้มของเธอที่สุด เพราะรอยยิ้มของเธอมันทำให้ผมมีกำลังใจ
ผมชื่นใจทุกครั้งที่ได้กอดได้หอมเธอ...
(ริมผา: กลับไทยเมื่อไหร่)
(วอร์ม: อาทิตย์หน้า ไมวะ)
(สต๊อป: ถามโง่ ๆ ก็อยากเจอไงวะ)
(กีต้าร์: มึงด่าหมอได้ไงไอ้ต๊อป)
(สต๊อป: กูไม่ได้ด่า กูอุทาน)
(วอร์ม: โอ๊ยยยย พวกมึงจะเถียงอะไรกันวะ ว่างเหรอไม่ทำงานกันล่ะ)
(ริมผา: พวกกูแค่ตื่นเต้นที่มึงจะกลับไทยก็แค่นั้นไอ้หมอ)
(กีต้าร์: ใช่ ถึงไทยแล้วบอกด้วยครับ ไอ้ต๊อปปิดสนามเลี้ยงมึงเลย)
(สต๊อป: กูตลอด)
(วอร์ม: เออ ๆ ถึงแล้วเดี๋ยวบอก แต่ตอนนี้เกลขึ้นเครื่องไปแล้ว ยังไงก็ฝากพวกมึงเป็นหูเป็นตาให้กูด้วยนะ)
(ริมผา: เออออออ)
บทสนทนาทางกรุ๊ปไลน์จบลงแค่นั้น นี่คือบทความที่ผมคุยกับเพื่อนในกลุ่มของผม ผมมักฝากพวกมันดูแลมิเกลอย่างห่าง ๆ เพราะผมเป็นห่วงเธอ
ซึ่งเรื่องที่ผมคบกับมิเกลคนที่รู้ก็คือเพื่อนของผมนี่แหละ ส่วนคนในครอบครัวไม่มีใครรู้ แม้กระทั่งหลานรักที่ผมเคยสนิทด้วยอย่างไอ้เคลิ้ม ใช่ว่าตอนนี้ไม่สนิทนะครับ
แต่ผมแค่ไม่อยากเล่าให้มันฟัง เพราะหลานชายคนนี้ของผมมันค่อนข้างปากสว่างเรื่องของผมเป็นอย่างมาก
ตอนนี้ผมกำลังนอนเหงาบนที่นอนพร้อมกอดหมอนที่มีกลิ่นกายของคนรักอย่างมิเกล ที่ป่านนี้เธอคงอยู่บนเครื่องบิน
ผมอยากจะกลับพร้อมเธอ แต่ติดปัญหาเรื่องเอกสารที่ผมต้องเคลียร์และมันต้องใช้เวลา ซึ่งผมไม่อยากวุ่นวายให้ถึงหูป๊ากับมัม ผมไม่อยากตอบคำถามของพวกท่าน โดยเฉพาะมัมที่ชอบตั้งคำถามโต้ง ๆ ไม่คิดถึงคนที่ต้องตอบเช่นผม
ครืด ครืด ครืด...
นั่นไง พอบ่นหน่อยก็โทรมาเลย จะคิดถึงอะไรขนาดนั้น
“ครับมายมัม”
(คิดถึงคุณหมอของมัมที่สุดเลยค่ะ สบายดีใช่ไหม)
“สบายดีครับ มัมสบายดีใช่ไหม ฟังจากน้ำเสียงน่าจะใช่”
(ที่สุดค่ะ ยิ่งรู้ว่าคุณหมอจะกลับมาสู่อ้อมกอดมัมยิ่งกินอิ่มนอนหลับ)
“ป๊ากับพี่ ๆ ทุกคนก็สบายดีใช่ไหมครับ”
(จ้า ป๊าและพี่ ๆ ทุกคนสบายดี และรอต้อนรับคุณหมออย่างใจจดใจจ่อ)
“อีกแค่เจ็ดวันครับ แล้วไอ้แสบเป็นยังไงบ้างครับ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยติดต่อหาผมสักเท่าไหร่”
(ตัวแสบก็ยังแสบเหมือนเดิมนั่นแหละ สงสัยติดสาวเลยลืมอาวอร์ม)
“อย่างไอ้แสบเนี่ยนะครับมีสาว”
(แหม่ะ หลานชายเราแต่ละคนมีแต่หล่อ ๆ ทั้งนั้น สาว ๆ พากันกรี๊ดเต็มไปหมด อย่าลืมสิว่าหลานรักของเราเข้ามหาลัยแล้วนะ ส่วนที่เหลือก็ร้าย ๆ กันทั้งนั้น)
“ผมคนดีสุดครับมัม ไม่เข้าใจทำไมไม่เอาอาอย่างผมเป็นตัวอย่าง”
(มัมไม่คุยกับพ่อหนุ่มหลงตัวเองแล้วนะ แค่นี้นะครับ เจอกันที่ไทย) แล้วท่านก็วางสายของผมไปทันที ท่านมักจะโทรมาถามไถ่อยู่เป็นประจำ ตามประสาแม่ที่เป็นห่วงลูกชาย
คิดถึงไอ้หลานชายที่มีนิสัยไม่ยอมคน แล้วผมก็อดขำไม่ได้สักที เพราะไอ้หลานคนนี้มันจ้องจะเอาชนะผมมาตลอดตั้งแต่รู้จักกัน ซึ่งผมก็ขี้เกียจจะพูดจะเถียง ก็เลยเลือกที่จะเดินหนีเป็นประจำ แต่ก็ไม่พ้นตามมาชวนผมถกเถียงจนผมต้องยกธงขาวให้ตลอด
กลับไปคงจะป่วนผมน่าดู