ไร้ตัวตน

1556 Words
ตำหนักใหญ่... โม่หยางกำลังเผชิญหน้ากับชายาเอกของตนอย่างรู้สึกผิด เพราะเคยให้คำมั่นกับนางว่าจะไม่มีสัมพันธ์กับสตรีอื่นต่อให้ถูกบังคับขู่เข็ญก็ตามที “ท่านอ๋องอย่ารู้สึกผิดเลยเพคะ เป็นหม่อมฉันที่ต้องการให้พระองค์แต่งกับหลินหลาน หากพระองค์จะเชยชมนางบ้างหม่อมฉันจะว่าอะไรได้เล่า ส่วนเรื่องที่ว่านางวางยากำหนัดนั้นได้โปรดอภัยให้นางเถิดเพคะ หลินหลานยังเด็กนัก นางคงแค่หาตัวช่วยเพื่อจะได้เข้าหอกับพระองค์ง่ายขึ้น เป็นเช่นนี้ไม่ดีหรือเพคะ ดีไม่ดีนางอาจจะมีโอรสให้พระองค์ก็ได้” หลินกุ้ยฮวาพยายามเกลี้ยกล่อมพระสวามี ขอผ่อนปรนโทษทัณฑ์ของน้องสาวที่ท่านอ๋องคาดโทษเอาไว้ “ข้าไม่อยากมีบุตรกับนาง โอรสของข้าต้องมาจากเจ้าเท่านั้น หวางเฟยของข้ายอมมีบุตรให้ข้าเสียทีเถิดนะ” โม่หยางชินอ๋องใช้เสียงเล็กเสียงน้อยออดอ้อนชายารักอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน แม้แต่นางกำนัลที่อยู่แถวนั้นก็พากันตะลึงกับสิ่งที่ท่านอ๋องแสดงออกมา พวกนางต่างก็เอามือกุมหน้าอก หัวใจก็ระทวยไปตาม ๆ กัน ใคร ๆ ก็รู้ว่าชายชาตินักรบอย่างโม่หยางชินอ๋องต่อให้หลงเมียแค่ไหนก็ไม่เคยจะหวานให้คนอื่นเห็น นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่เหล่านางกำนัลได้เห็นอีกด้านของชินอ๋องเจ้านายของวังแห่งนี้ “ก็ได้เพคะ หม่อมฉันยอมมีบุตรให้พระองค์แล้วก็ได้ แต่ท่านอ๋องต้องยอมยกโทษให้หลินหลานก่อนนะเพคะ” “เจ้าไม่กลัวการตั้งครรภ์แล้วหรือ” “หม่อมฉันไม่กลัวแล้ว เพื่อจะมีโอรสให้พระองค์หม่อมฉันก็จะพยายามเพคะ” นี่คือสิ่งที่จ้าวโม่หยางต้องการจะได้ยินจากปากของชายารักตลอดมา หลังจากที่ทั้งสองแต่งงานด้วยความรัก โม่หยางชินอ๋องก็ต้องการจะมีโอรสหรือธิดาสักคน แต่ก็ถูกเมียรักปฏิเสธทุกครั้งไปเพียงเพราะนางกลัวการตั้งครรภ์ บางทีครั้งนี้อาจจะเป็นเพราะนางกลัวว่าชายารองจะตั้งครรภ์ก่อนก็เป็นได้ แต่นางช่างไม่รู้อะไรเลย ต่อให้นางไม่มีบุตรโม่หยางผู้นี้ก็ยังรักนางไม่มีวันเปลี่ยนแปลง “หวางเย่ช้าอยู่ไยเพคะ หรือไม่อยากมีบุตรแล้ว” เสียงออดอ้อนของชายารัก ได้ทำให้กำลังวังชาของชินอ๋องกลับมาอย่างรวดเร็วทั้งที่กรำศึกหนักจากฤทธิ์ของยากำหนัดมาอย่างโชกโชน เขาไม่รอช้ารีบช้อนตัวของนางเข้าห้องหอทันที จวบจน เช้า สาย บ่าย เย็น ชินอ๋องและชายาก็ไม่ยอมออกจากห้องบรรทมสักที เรื่องที่พระชายาหลินกุ้ยฮวายอมที่จะตั้งครรภ์ให้กับท่านอ๋องนั้น เหล่าข้าราชบริพารต่างก็รู้กันไปทั่วทั้งวัง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก ‘เห็นทีว่าข่าวดีเช่นนี้คงต้องให้รับรู้ถึงวังหลวงโดยด่วน’ พ่อบ้านใหญ่ของวังอ๋องระบายยิ้มอย่างมาดหมายเมื่อคิดว่าอีกไม่นาน วังแห่งนี้จะได้มีท่านอ๋องน้อยและท่านหญิงมาวิ่งเล่นเสียที หลังจากผ่านค่ำคืนวสันต์กับชายารักมาหลายวันหลายคืน ชินอ๋องก็ขลุกอยู่แต่ในตำหนักซ้ายไม่ไปไหน แม้แต่งานราชกิจในวังหลวงหากไม่สำคัญพระองค์ก็จะส่งคนไปทำแทน และตอนนี้ตำหนักซ้ายของชายาเอกก็ดูจะคึกคักยิ่งไม่ต่างกับการมีงานเลี้ยงขนาดย่อมเลยในแต่ละวัน เพราะชินอ๋องได้สั่งห้องเครื่องให้ทำของบำรุงร่างกายสำหรับหวางเฟยอยู่ตลอดเวลา จนห้องเครื่องแทบไม่ได้ปิดเลย แต่เหล่าพ่อครัวและแม่ครัวกลับไม่มีใครปริปากบ่นสักคน ทุกคนล้วนปลื้มปีติและมีความสุขที่ได้อยู่รับใช้นายเหนือหัวทั้งสองพระองค์ กลับกัน...ยังมีอีกตำหนักที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงในขณะที่ตำหนักซ้ายของชายาเอกกำลังชื่นมื่น แต่ตำหนักเล็ก ๆ ของชายารองช่างเงียบเชียบนักอย่างกับตำหนักร้าง สิบวันผันผ่านหลังจากคืนเข้าหอ หลินหลานก็มีแค่ข้ารับใช้อย่างอาจูคอยดูแล ไม่มีคนของตำหนักใหญ่หรือตำหนักซ้ายย่างกลายมาแถวนี้ซักคนแม้แต่สำรับอาหารก็ไม่มีมาจากห้องเครื่องหรือโรงครัวใหญ่เลย หากอาจูไม่ใช่คนฉลาดมีหรือพวกนางจะได้กิน เสี่ยวจูผู้ชอบผูกมิตรกับข้ารับใช้ชั้นล่างที่มาอยู่เป็นครอบครัวอย่างกลุ่มคนตัดฟืน และคนสวนพวกเขาเหล่านั้นจะมีพื้นที่ให้ปลูกเรือนหลังเล็กและปลูกพืชผักสวนครัวมากมายที่ท้ายอานาเขตของวังอ๋อง พื้นที่แห่งนั้นถึงจะอุดมสมบูรณ์แต่ก็เป็นที่รกร้าง จึงได้ถูกผู้คนในวังแห่งนี้หลงลืมไป ส่วนหลินหลานและสาวใช้ไม่ได้อดอยากยากแค้นอะไร เพราะพวกนางมีไข่และผักที่ได้มาจากครอบครัวของคนตัดฟืน บางครั้งพวกเขาก็มีเนื้อสัตว์และมีปลามาให้ เป็นอาจูที่ใช้ตำลึงไปแลกมา ซึ่งพวกเขาก็สุดแสนจะยินดี หลังจากวันนั้นเรื่อยมาก็จะมีบ่าวตัวน้อยคอยมาส่งเสบียงให้กับพวกนางเป็นประจำ “พระชายาเสวยเถอะเพคะอาหารเย็นชืดหมดแล้ว” เสี่ยวจูเตือนเจ้านายที่ยังเขี่ยตะเกียบกับอาหารเล่นอย่างคนที่กำลังใช้ความคิด “ข้าไม่กินแล้วเก็บไปเถอะ ถ้าไม่มีเจ้าข้าจะเป็นเช่นไรนะอาจู” หลินหลานเปรยขึ้นลอย ๆ “อย่าตรัสแบบนั้นสิเพคะ พระชายาอยู่ที่ไหนย่อมมีเสี่ยวจูอยู่ที่นั่น ฮึ! คนของวังอ๋องนี่ก็ช่างกระไรทำเหมือนพระชายาไม่มีตัวตน ทั้งที่ผ่านคืนเข้าหอกับท่านอ๋องมาแล้วแท้ ๆ พระชายากุ้ยฮวาก็อีกคน ไหนบอกว่ารักน้องนักหนายังไงล่ะเพคะ” “อาจู! เจ้าอย่าได้พูดไป ข้าไม่ได้ต้องการให้พวกเขามาใส่ใจนักหรอก” “แต่คุณหนูของบ่าวแต่งเข้าเป็นชายารองนะเจ้าคะไม่ใช่อนุเสียหน่อย” เสี่ยวจูทำเสียงฮึดฮัดขัดใจ เมื่อรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมที่นายของตนได้รับหลังจากงานแต่งที่ใหญ่โต ใครจะคิดว่ามันจะกลับกลายเป็นเช่นนี้ ตำหนักที่อยู่ก็เล็กนิดเดียวเทียบกับเรือนที่เคยอยู่ในจวนตระกูลหลินยังไม่ได้เลย แล้วไหนจะเรื่องท่านอ๋องนั่นอีก หลังคืนเข้าหอก็เงียบกริบไม่มีแม้แต่ของขวัญหรือของปลอบใจส่งมาให้ แล้วแบบนี้จะแต่งชายารองเข้ามาเพื่ออะไรกัน ไยไม่ไปหาคนมาอุ่นเตียงให้แล้วไปเลยเล่า จะมาตกแต่งจัดงานใหญ่โตให้สิ้นเปลืองตำลึงทองทำไม “คงมาจากเรื่องนั้นกระมัง ท่านอ๋องและหวางเฟยคงคิดว่าข้าเป็นคนทำ ที่ข้าไม่โดนโทษทัณฑ์ก็นับว่าทั้งสองพระองค์เมตตามากแล้ว” ที่หลินหลานหมายถึงคือเรื่องที่ตนถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้วางยากำหนัดชินอ๋อง “แล้วใครเป็นคนทำล่ะเพคะ หรือจะเป็นนางกำนัลสักนางที่หลงรักท่านอ๋องเข้า พวกนางจึงคิดกำจัดพระชายาเพคะ” “คิก ๆ อาจูเจ้าชอบฟังงิ้วจากท่านแม่แล้วเอามาคิดเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้นะ ถ้าคิดจะกำจัดข้า ต้องใช้พิษทำให้ข้ามีอันเป็นไปไม่ใช่หรือ เขาจะอยากให้ข้าร่วมหอกับท่านอ๋องเพื่ออะไรเล่า” หลินหลานไม่ได้ทุกข์ใจที่ถูกทุกคนหมางเมิน แต่นางกลับรู้สึกโล่งใจเสียอีกที่ไม่ต้องได้เจอคนผู้นั้นและพี่สาวของนาง พระชายาหลินกุ้ยฮวาที่หลินหลานเองก็ไม่ค่อยจะได้พบหน้าบ่อยนัก จะว่าไปแล้ว ขอให้นางได้อยู่แบบคนไร้ตัวตนนี่แหละดี จะได้ไม่มีเรื่องวุ่นวาย “มันต้องมีสาเหตุสิเพคะ อาจูจะช่วยพระชายาสืบเอง” เสี่ยวจูขันอาสา ทุก ๆ ครั้งที่ฮูหยินรองไปชมการแสดงงิ้วมา จากเรื่องเล่าที่โรงงิ้วได้ถูกถ่ายทอดผ่านฮูหยินรองมาสู่นางตลอด และอาจูก็มักจะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในเรื่องราวเหล่านั้นเสมอ อย่างเช่นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น เสี่ยวจูคนนี้คงจะต้องสวมบทบาทเป็นสายลับสาวแน่แล้วคราวนี้ “อาจู มันอันตรายนะ ที่นี่ไม่ใช่จวนตระกูลหลิน วังอ๋องคงไม่ต่างอะไรกับวังหลวง หากเราพลาด มันมีอันตรายถึงชีวิตเชียวนะ” หลินหลานไม่ใช่ไม่อยากรู้ว่าคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ นางแค่แต่งเข้ามาโดยที่ท่านอ๋องไม่จำเป็นจะต้องเข้าหอกับนางเลยด้วยซ้ำ แต่กลับมีคนอยากให้เราทั้งสองร่วมหอกันให้ได้ คิดดูแล้วมันก็น่าแปลกจริง ๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD