ฝืนหรือไม่

1233 Words
หลังจากจบพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับชายารอง โม่หยางชินอ๋องยังคงอยู่ในงานเลี้ยงฉลองสมรส และเขาก็นั่งสงบนิ่งอยู่เคียงข้างหวางเฟยคนงามผู้เป็นที่รักของของตน “ท่านอ๋องหยุดดื่มเถิดได้ฤกษ์เข้าหอแล้วนะเพคะ อย่าให้นางต้องรอนาน” พระชายาหลินกุ้ยฮวาเตือนพระสวามีก่อนที่เขาจะเมาและอาจจะหลับไปจนหลงลืมเวลาที่จะเข้าหอ โอกาสดี ๆ มีแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนางจะพลาดไม่ได้เป็นอันขาด “หวางเฟย ข้าเคยบอกกับเจ้าแล้วว่าไม่ต้องการมีชายาเพิ่ม ไยเจ้าถึงไม่เข้าใจนะ ข้ารักเพียงเจ้าเจ้าก็รู้ดี กุ้ยฮวาคิดใหม่เถิด ข้าไม่เข้าหอกับนางไม่ได้หรือ” จ้าวโม่หยางอ้อนวอนชายารักทั้งสายตาก็ตัดพ้อต่อนาง เพียงเพราะอยากให้น้องสาวต่างมารดามาอยู่ข้างกายในยามที่เขาออกรบ หวางเฟยถึงกับขอให้เขารับหลินหลานมาเป็นชายารอง เท่านั้นยังไม่พอ ชายารักยังต้องการให้เขาเข้าหอกับสตรีนางนั้นให้ได้ ทั้งที่ความจริง ก็ไม่เห็นว่ามันจะจำเป็นเลยสักนิด “หม่อมฉันรู้ว่าพระองค์รักหม่อมฉันเพียงใด แต่หม่อมฉันก็รักน้องสาวคนนี้มากนะเพคะ เข้าหอกับนางแค่ครั้งเดียวแล้วหม่อมฉันจะไม่บังคับท่านอ๋องอีกอีกเลย” หลินกุ้ยฮวาพยายามหาเหตุผลมาเกลี้ยกล่อมพระสวามี จนจ้าวโม่หยางไม่อาจจะหาคำมาโต้แย้งได้ ตั้งแต่ก่อนจะมีพิธีแต่งงาน เขากับนางก็เคยพูดคุยกันมาแล้ว แต่เพราะเหตุผลที่อ้างมามันไม่เข้าท่าเขาก็แค่อยากจะให้ชายารักได้ทบทวนอีกครั้งเท่านั้นเอง เมื่อพูดอย่างไรนางก็ยังดื้อดึงและยืนกรานจะให้เขาเข้าหอกับหลินหลานให้ได้ แถมกำชับว่ารุ่งเช้าจะให้นางกำนัลไปเก็บผ้าปูที่นอนที่เป็นหลักฐานของการร่วมหอนั่นอีก สุดท้ายแล้วอ๋องหนุ่มก็ได้แต่พยักหน้ารับคำและลุกขึ้น จากนั้นก็เดินตรงไปยังเรือนหอที่มีชายาอีกคนรออยู่ พลางในใจก็คิด ‘แค่หลักฐานการเข้าหอมันจะไปยากเย็นอะไรเพียงแค่เลือดไม่กี่หยดเขาหาที่ไหนก็ได้’ แต่โม่หยางคิดน้อยไป เขาหารู้ไม่ว่าสุราที่ดื่มเพื่อให้ตัวเองเมามาย มันก็แค่น้ำหมักผลไม้ที่มีรสของสุราไม่แรงนัก แต่ที่หนักคือส่วนผสมอีกอย่างที่ชายารักได้ใส่ลงไปในนั้นต่างหาก จ้าวโม่หยางยังคงเดินไปเรื่อย ๆ ไม่ได้รีบร้อนนัก เพราะใจไม่ได้อยากเข้าหอสักนิด แต่ใช่ว่าจะหลีกเลี่ยงได้ เพราะในที่สุดแล้วต่อให้เขาเดินช้าเหมือนเต่ามันก็มาถึงห้องหออยู่ดี อ๋องหนุ่มสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด ท่าทางก็ดูตลกคล้ายกับคนขี้ขลาดนักหนา ช่างแตกต่างจากตอนที่อยู่ในสนามรบเหลือเกิน แอ๊ด~ ทันทีที่เข้ามาในห้อง ลมหายใจของชายชาตินักรบถึงกับสะดุด เพราะร่างกายอันเปลือยเปล่าของสตรีที่อยู่บนฟูกหนานุ่มนั่น นางไม่ได้นอนอยู่นิ่ง ๆ สองมือของนางต่างทำหน้าที่คนละส่วน มืองามข้างหนึ่งกำลังบีบคลึงยอดถันที่กำลังแข็งชูชันเด่นชัด ส่วนอีกข้างก็ประกบอยู่ตรงกลางหว่างขา นิ้วเรียวงามขยับแทรกซอนกลีบผกาลูบไล้วนไปมาช่างดูยั่วยวนยิ่ง เขารู้ว่าชายารองผู้นี้ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ แต่กลับกันนางนั้นทั้งงดงามและอ่อนเยาว์ ทว่าหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าตอนนี้ไม่อาจทำให้เขาหลงเสน่ห์ได้หรอก ยิ่งเห็นสภาพของนางเขาก็อยากจะกระชากร่างนั้นออกไปให้พ้นจากห้องนี้นัก นางช่างหาญกล้าทำท่าทางเยี่ยงหญิงคณิกาชั้นต่ำ คิดจะยั่วยวนเขาเช่นนี้น่ะหรือ “อ้า ซี้ด~ ช่วยข้าด้วย มะ...ไม่ไหวแล้ว อื้ออออ” ดวงตางามหยาดเยิ้มเชิญชวน ทั้งเสียงครวญครางหวานปนกระเส่าปานจะขาดใจที่หลุดออกมาจากริมฝีปากสีชาด มันกำลังกระตุ้นความกำหนัดในตัวของอ๋องหนุ่มอย่างน่าประหลาด ใจเขานั้นปฏิเสธแน่นอนแล้วเพราะเริ่มรู้สึกว่ามันแปลก ๆ แต่อนิจจาเขารู้ตัวช้าไปเมื่อควบคุมร่างกายของตัวเองไม่ได้ และไม่สามารถขจัดความกระสันที่อยากจะปลดปล่อยออกไปได้เลย ขายาวเดินไม่มั่นคงนัก ทั้งกายหนาก็ร้อนรุ่มสั่นสะท้านเกินจะต้านทาน ส่วนกลางลำตัวนั้นไม่ต้องพูดถึง มันได้พองตัวเต็มที่และแข็งชันตั้งแต่เห็นร่างบางนั่นแล้ว อ๋องหนุ่มขบกรามแน่น พยายามสะกดกลั้นอารมณ์กำหนัดของตัวเองให้ได้ แต่อย่างไรมันก็ไม่เป็นผล ครั้นเมื่อเดินไปถึงร่างเปลือยเปล่าที่ทอดกายอยู่บนที่นอน สติสัมปชัญญะที่เหลือเพียงน้อยนิดก็ขาดผึงลงไร้การควบคุม เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวได้เข้าหอกันแล้วแบบไม่ต้องมีใครมาบังคับฝืนใจ เพราะพิษกำหนัดที่ต้องการเพียงจะปลดปล่อย ทั้งสองกระโจนเข้าหากันชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร ทั้งคำพูดหยาบโลนต่าง ๆ ก็พรั่งพรูออกมาจากปากอยู่ไม่ขาดประสานกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังสนั่นทั่วห้องหอ ทั้งเสียงกรีดร้องครวญครางน่าอายก็ดังระงมไปทั่วบริเวณของตำหนัก กว่ากว่าไฟราคะจะมอดดับลงก็เกือบจะรุ่งสางเต็มที รุ่งเช้ามาเยือน...พอโม่หยางรู้สึกตัว เขาก็รีบดีดตัวออกจากที่นอนด้วยความตกใจ จนลืมไปว่าตัวเองไม่มีอาภรณ์สักชิ้นติดกาย เขาพลาดไปแล้วจริง ๆ เมื่อสายตาปะทะกับร่างบางเข้าก็ทำให้ชินอ๋องรู้สึกพิโรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ “แพศยา! ข้าจะลงทัณฑ์เจ้าให้หนัก โทษฐานบังอาจวางยากำหนัดข้า” จ้าวโม่หยางตะโกนใส่ร่างบางที่กำลังหลับใหลแล้วรีบสวมอาภรณ์ก่อนจะเดินลิ่วออกจากห้องหอไป ถึงจะโมโหสักเพียงใดก็ใช่ว่าบุรุษอย่างเขาจะชอบลงไม้ลงมือกับสตรีเสียเมื่อไร คำกล่าวร้ายของชินอ๋องทำให้หลินหลานถึงกลับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ นางนะหรือคิดวางยากำหนัดเขา นางไม่เคยอยากจะเข้าหอกับคนผู้นี้ด้วยซ้ำ แม้แต่เหตุการณ์เมื่อคืนนางยังจำไม่ได้เลย แต่ดูจากสภาพของร่างกายและอาการปวดร้าวช่วงล่างก็ให้รู้สึกสังเวชตัวเองยิ่งนัก ก๊อก ๆ “พระชายาหม่อมฉันขอเข้าไปนะเพคะ” ‘นั่นเสียงของเสี่ยวจูนี่’ “อาจูเข้ามาสิ” พอเสี่ยวจูสาวรับใช้เข้ามาในห้องบรรทม นางถึงกับผงะกับภาพที่เห็น “ทำไมท่านอ๋องถึง...” “ไม่ต้องพูดหรอกอาจู เพราะข้ากับท่านอ๋องต่างก็โดนพิษของยากำหนัด” หลินหลานบอกกับสาวใช้ส่วนตัวที่ตามมาจากจวนตระกูลหลิน ตอนนี้นางใคร่สงสัยยิ่งนัก ใครกันนะที่กล้าวางยากำหนัดนางกับท่านอ๋อง และเขาจะทำไปเพื่ออะไร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD