ความจริงที่แสนจะเจ็บปวด

1382 Words
หลังจากรายงานการตั้งครรภ์ของชายาทั้งสองในครั้งนั้นและอีกสิบวันอี้สงก็มาพร้อมกับรายงานครั้งใหม่ว่าตนได้ถอนคนออกจากตำหนักซ้ายและบริเวณใกล้เคียงจนหมดแล้วและรอไม่ถึงสองวันกลุ่มคนที่น่าสงสัยก็เข้ามาแทนที่และดูเหมือนพวกมันจะคุ้นเคยกับวังอ๋องและคนที่ตำหนักซ้ายเอามาก ๆ ทั้งจำนวนของพวกมันก็ไม่ใช่น้อย ๆ จากนั้นก็เป็นเรื่องของยาบำรุงและสมุนไพรต่าง ๆ ที่หวางเฟยส่งมาให้ชายารอง ใช่หวางเฟยส่งยาบำรุงครรภ์มาที่ตำหนักเล็กจริงแต่กลับปิดบังเรื่องครรภ์ของพระชายาหลินหลานไม่ให้คนที่ตำหนักใหญ่รับรู้ ทำไมหวางเฟยถึงได้ทำเช่นนั้นกันทั้งที่นางเป็นคนจัดการงานแต่งให้พระสวามีและน้องสาวของตัวเองมันช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย ความเคลือบแคลงในตัวของชายารักมีอยู่เต็มไปหมดยิ่งเรื่องของกลุ่มคนชุดดำยิ่งทำให้ชินอ๋องหนักใจ เมื่อมาคิดดูแล้วก็น่าเห็นใจอยู่ไม่น้อยมีใครในแคว้นจ้าวไม่รู้บ้างว่าจ้าวโม่หยางชินอ๋องทรงรักพระชายาหลินกุ้ยฮวาแค่ไหน กว่าทั้งสองจะได้แต่งงานกันมันไม่ได้ง่ายอย่างที่ผู้คนเห็น หลินกุ้ยฮวานับว่าเป็นสตรีนางเดียวที่สามารรถทำให้ชินอ๋องกล้าขัดพระทัยองค์จักรพรรดิเพื่อให้ได้มาซึ่งสมรสพระราชทานในครั้งนั้น กล่าวก็คือราชวงศ์จ้าวจะไม่รับสตรีหรือบุรุษที่มาจากตระกูลหมอหลวงเข้ามาเป็นสะใภ้หรือราชบุตรเขยไม่ว่าจะทางใดก็ตาม เพราะไม่ต้องการให้หมอหลวงมาสร้างขั้วอำนาจในวังและหมอหลวงทุกคนจะต้องยึดถือความเป็นกลางมาอันดับหนึ่ง เพราะงานของพวกเขามันเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คนและคนในราชวงศ์เป็นสำคัญ แต่ก็นั่นแหละด้วยความรักที่มีต่อพระอนุชาและเห็นอกเห็นใจชินอ๋องที่มักจะใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่แต่ในกองทัพและสนามรบ น้อยครั้งนักที่น้องชายจะเอ่ยปากขอสิ่งใดกับพระองค์ ถึงแม้สมรสครั้งนั้นจะมีหมอหลวงสกุลหลิวเข้ามาเกี่ยวข้องแต่ชินอ๋องได้รับปากพี่ชายเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไม่ให้ความสำคัญกับหมอหลวงสกุลหลิวเกินหน้าเกินตาหมอหลวงคนอื่น ๆ เพราะคำมั่นของชินอ๋องนั่นเองจักรพรรดิจ้าวโม่เทียนถึงได้วางพระทัยและยอมมอบราชโองการสมรสพระราชทานครั้งนั้นให้ ดูเหมือนชินอ๋องจะเป็นบุรุษที่ทุกคนพากันอิจฉาด้วยความงดงามและความเพียบพร้อมของพระชายาหลินกุ้ยฮวานั่นเอง จะขาดอยู่แค่อย่างเดียวก็คือทั้งสองพระองค์ไม่มีทายาทเลยถึงแม้จะแต่งงานมาแล้วถึงสามปีก็ตาม แต่ไม่ว่าจะมีบุตรหรือไม่มีมันก็ไม่ได้ทำให้ความรักที่ชินอ๋องมีต่อชายารักลดน้อยลงไปเลย ลานฝึกซ้อมรบ... ตลอดทั้งวันจ้าวโม่หยางเอาแต่ฝึกดาบและทวนจนทหารที่ถูกเรียกมาเป็นคู่ซ้อมต่างก็เจ็บตัวกันระนาวเพราะท่านแม่ทัพไม่คิดจะออมมือให้พวกเขาเลยสักนิด “พอเถิดท่านแม่ทัพขืนใส่อารมณ์ในการฝึกซ้อมอยู่แบบนี้เห็นทีทหารคงได้พิการกันหมดทั้งค่าย” หมอโจวที่นั่งชมการฝึกซ้อมตั้งแต่แรกและมองออกว่าจิตใจของสหายรักไม่ได้เป็นปกติอย่างที่เคย คงสืบเนื่องมาจากการรายงานครั้งสุดท้ายขององครักษ์เงาเป็นแน่ แกร๊งงง!!! ตุบ! เสียงดาบฟาดลงใส่อาวุธในมือของนายกองร่างใหญ่สุดกำลังจนทำให้ดาบเล่มยาวที่อยู่ในมือของเขากระเด็นออกไปไกล ตัดสินแพ้ชนะได้แล้วแม่ทัพจ้าวถึงได้หยุดและล้มตัวนอนแผ่หราอยู่กลางลานฝึกซ้อม “ลุกขึ้นเถิด” โจเฉินมองสหายสูงศักดิ์อย่างเห็นใจก่อนจะยื่นมือให้จับเพื่อจะดึงคนที่หัวใจกำลังอ่อนแอให้ลุกขึ้น หลังจากทำความสะอาดเนื้อตัวเสร็จสองสหายรักที่เป็นทั้งนักรบคู่บุญจึงได้มานั่งสนทนากันอย่างจริงจังเสียที “นางบอกกับข้าว่านางพร้อมแล้วที่จะตั้งครรภ์ทั้ง ๆ ที่ข้าก็อดทนรอเวลานี้มาตั้งสามปี จู่ ๆ นางก็อยากจะมีลูกขึ้นมาหลังจากคืนเข้าหอของข้ากับหลินหลาน เพราะมัวแต่ดีใจจึงไม่คิดสงสัยสักนิดทุกอย่างมันช่างประจวบเหมาะเหลือเกิน สุดท้ายข้าก็เป็นแค่บุรุษที่โง่งมกับความรัก นางไม่ได้ต้องการมีบุตรเพียงให้ข้าเชยชมใช่ไหมแต่นางหวังสูงไปกว่านั้นใช่ไหมโจวเฉิน” “มันก็แค่คำสันนิษฐานของข้าเจ้าอย่าเพิ่งปักใจเชื่อนัก” “ฮ่า ๆ ๆ ๆ เจ้านี่มันเหลือเชื่อจริง ๆ จะปลอบใจข้าให้ได้อะไรขึ้นมา นางจะรู้หรือไม่ว่าข้าไม่ได้ต้องการราชบัลลังก์ของเสด็จพี่เลยต่อให้มีบุตรเป็นโขยงข้าชินอ๋องก็จะขอดำรงตำแหน่งของแม่ทัพแห่งแคว้นจ้าวต่อไปจนกว่าชีพนี้จะดับสูญ ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนใจข้าได้หรอก” ชินอ๋องกล่าวกับสหายรักอย่างหนักแน่นและปลงพระทัย “เฮ้อ..ถ้าอย่างนั้นก็ดื่มสักหน่อยไหม ดื่มฉลองให้กับชายาของเจ้าอีกคนที่กำลังตั้งครรภ์ก็ได้” โจวเฉินเองก็ไม่มีสิ่งใดจะกล่าวทุกอย่างดูเหมือนชินอ๋องจะเรียบเรียงเรื่องราวได้เองทั้งหมด เขาก็แค่คนนอกและเป็นผู้ชี้นำให้เล็กน้อยเท่นนั้น จริง ๆ นะสาบานได้... “อืม..” โม่หยางตอบรับสหายพร้อมกับยื่นมือไปรับจอกสุราแล้วกระดกลงคอพรวดเดียว จากหนึ่งจอกก็เพิ่มเป็นสองและสาม สี่ ห้า จอกแล้วจอกเล่าจนเริ่มมึนเมาและคุมสติไม่อยู่ โจวเฉินก็ไม่คิดจะห้ามปรามเพราะเข้าใจถึงความกลัดกลุ้มของชินอ๋องดีก็มีแค่วิธีนี้ที่จะทำให้บุรุษที่หัวใจสลายได้ระบายอะไรออกมาบ้าง “วันแต่งงานนางร้องไห้ทั้งยังต่อว่าที่ข้าไม่ปฏิเสธงานแต่งของเรา ข้าคงเป็นคนที่ดวงตามืดบอดเพราะความรักจริง ๆ อย่างที่นางว่า หึ ๆ” โม่หยางเริ่มเปิดปากพูดอาจจะเป็นเพราะฤทธิ์สุราก็ได้และบุรุษที่หัวใจกำลังร้าวรานก็พล่ามไม่หยุดช่างขัดกับนิสัยที่เย็นชาเหลือเกิน “เราตกที่นั่งลำบากด้วยกันทั้งคู่แล้วข้าก็โยนความผิดทั้งหมดให้นางรับเอาไว้แต่เพียงผู้เดียวช่างน่าละอายจริง ๆ อำนาจก็มีเหลือล้นกลับยังปล่อยให้ชายารักจูงจมูกไปได้ทุกที่ น่าสมเพชยิ่งนักเจ้าว่าไหม” “อืม...รู้ช้าก็ดีกว่าไม่รู้” หมอโจวเสริมขึ้นเพียงเล็กน้อยเขาไม่อยากจะพูดให้มากความแค่นี้ชินอ๋องก็อ่วมไม่น้อยแล้ว บุรุษอายุยี่สิบแปดปีผู้ไม่เคยมีรักพอจะมีก็ยากนักกว่าจะได้ลงเอยชินอ๋องจึงทั้งรักทั้งหวงแหนชายาเป็นที่สุด ไม่เคยจะขัดใจนางเลยแม้เพียงนิดก็ไม่เคย เพียงไม่นานจากบุรุษผู้เย็นชาก็กลายเป็นบุรุษผู้คลั่งรักไปทันทีจนทำให้สตรีทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็พากันอิจฉาชินหวางเฟยกันทั้งนั้น “อยากกลับเมืองหลวงไหม” โจวเฉินแกล้งถามขึ้นมา “ไม่เป็นไรข้าจะรอจนกว่าหวางเฟยจะคลอดบุตร บุตรของข้า” ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ชินอ๋องหัวเราะเสียงดังดั่งคนบ้าแต่ดวงตากลับรื้นด้วยหยาดน้ำใส ๆ และพร้อมจะไหลออกทางหางตาได้ทุกเมื่อ เวลานี้เขายอมรับตัวเองว่าช่างเป็นคนที่อ่อนแอเหลือเกิน “แล้วหลินหลานล่ะ เจ้าจะทำอย่างไรกับนาง” “นางจะปลอดภัยเมื่อมีอี้สงคอยดูแลและนางจะไม่เป็นอะไรจนกว่าจะถึงกำหนดคลอด” โม่หยางคิดเอาไว้ว่าว่าคงจะเป็นอย่างนั้น เขายังมีเวลาเหลือเฟือที่จะเตรียมการทุกอย่างให้พร้อมสำหรับคนตระกูลหลิว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD