05

1531 Words
“ก็มันน่าคิดไหมล่ะ นี่อย่าบอกนะว่าแก้ผ้าฉันขนาดนี้ แต่ไม่คิดจะทำอะไร มันจะมากไปแล้วนะคุณเลโอ ทำแบบนี้มันหยามกันเกินไปแล้วนะ” แค่คิดว่าเขาอาจจะหมดอารมณ์ทันทีเห็นร่างเปลือยเปล่าของเธอ ก็ทำให้อดโมโหไม่ได้ “นี่แน่ะ ทำไมเธอถึงชอบคิดเรื่องอะไรที่มันไร้สาระแบบนี้นะ” เขาใช้มือดีดเข้าที่หน้าผากของเธอเบาๆ แต่ก็ทำให้ผู้หญิงบอบบางอย่างเธอเจ็บได้เหมือนกัน “โอ๊ย! เจ็บนะ บอกแล้วไงว่าฉันเป็นผู้หญิงนะ” เธอย้ำอีก “รู้แล้วว่าเธอเป็นผู้หญิง ก็ฉันพิสูจน์มาเองกับมือ อย่างเธอน่ะผู้หญิงแท้แน่นอน ถึงแม้จะเพี้ยนไปบ้างก็ตามทีเถอะ” เขายักไหล่ ทำท่าราวกับว่าเรื่องที่พูดมันเป็นเรื่องธรรมดา “คุณ คุณ คุณ คุณพูดแบบนี้หมายความว่า คุณทำมิดีมิร้ายร่างกายฉันไปแล้วจริงๆ ใช่ไหม นั่นก็หมายความว่าฉันไม่ได้แย่จนคุณทำอะไรไม่ลงใช่ไหม” แรกๆ ก็นึกว่าเธอจะกราดเกรี้ยว แต่ประโยคต่อมานี่สิทำเอาเขาต้องปวดหัวจี๊ด “เฮ้อ! ก็แล้วแต่เธอจะคิดแล้วกัน” ได้ยินแบบนี้ สุดที่รักก็โวยวายขึ้นมาอีก “คุณโกหกฉันนี่ คุณยังไม่ได้ทำอะไรฉันใช่ไหม ถ้าทำจริงๆ ฉันต้องรู้สึกอะไรบ้างสิ ฉันยังซิงนะ อย่างน้อยมันก็ต้องรู้สึกเจ็บบ้างสิ เอ๊ะ! แต่ความจริงมันก็รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกันนะ แล้วตกลงมันยังไงกันแน่เนี่ย” เธอเกาหัวแกรกๆ เลยโดนเขาดีดหน้าผากเข้าให้อีกที ทีนี้ก็เลยได้แต่ลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ “ไปแต่งตัวได้แล้ว ถ้ายังอยากซิงอยู่” เขาขู่อีก แต่เชื่อไหมว่าเธอไม่กลัวเลยสักนิด “แน่จริงก็อย่าดีแต่ขู่สิ” เธอแอบบ่นเบาๆ จนเขาต้องหันมามอง “เมื่อกี้ว่าอะไรนะ” เขาแสร้งถามทั้งที่ก็ได้ยินอยู่แล้ว “เปล๊า! ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย คุณบอกให้ไปแต่งตัวใช่ไหม แล้วฉันจะไปยังไงเล่า ในเมื่อทั้งเนื้อทั้งตัว ฉันก็มีแค่ผ้าห่มที่ใช่ร่วมกับคุณนี่แหละ อีกอย่างฉันเป็นผู้หญิงนะ” เธอเสียงสูง แสร้งเปลี่ยนเรื่องทันที “ย้ำจริงนะ ย้ำมากๆ ระวังเถอะ ฉันจะคิดว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงจริงๆ เข้าสักวัน” “บ้าเหรอ ฉันเป็นผู้หญิงนะ ของแท้ด้วย” เธอเถียงขึ้นมาทันทีอีก “ไปแต่งตัวได้แล้วยาหยี ก่อนที่จะไม่มีโอกาสนั้น” เธอหันมามองหน้าเขาอีกครั้งเมื่อโดนขู่ “จะให้ลุกไปแบบนี้ได้ยังไง ฉันเป็นผู้หญิงนะ” เขาหันมามองหน้าเธออย่างเอาเรื่องทันทีที่ได้ยินคำว่า ฉันเป็นผู้หญิงนะของเธอ “ก็ได้ๆ งั้นฉันจะลุกไปพร้อมกับผ้าห่มผืนนี้ ส่วนคุณก็ใช้หมอนหรืออะไรก็ได้ อำพรางไปก่อนแล้วกัน” เธอลุกขึ้นพร้อมกับกระชับผ้าห่มให้แน่น และก้าวลงจากเตียงทันที แต่เดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าวก็ต้องร้องกรี๊ดๆ ออกมาอีก “กรี๊ด...! คนบ้า ฉันเป็นผู้หญิงนะ” เธอกรีดร้องพร้อมกับวิ่งเข้าห้องน้ำทันที เมื่อชายผ้าห่มของเธอถูกเขากระชากกลับไปพร้อมด้วยเสียงหัวเราะที่ตามมา “ฮ่าๆๆ มากกว่านี้ฉันก็ทำมาแล้ว ถ้ารู้เธอคงร้องดังกว่านี้แน่” ท้ายประโยคเขาแอบบอกเสียงเบา ซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่ได้ยิน “เอ้า! มากันแล้วเหรอ แม่ว่าจะเข้าไปตามอยู่พอดี เห็นหายกันไปตั้งนานสองนาน นี่อย่าบอกนะว่าแกรังแกอะไรน้องอีกน่ะ ใช่ไหมเลโอ” มาดามเดียน่าหันไปกล่าวหาลูกชายอีก ก็เข้าใจหรอกนะว่าท่านจงใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ แต่ก็ควรจะรักษาหน้าลูกบ้างสิ “เวลาแค่นี้ไม่พอหรอกครับมัม” เลโอนาร์ดประชดกลับไปบ้าง คงเป็นเพราะตอนนี้กำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่ก็เป็นได้ “แรงอ่ะ แล้วว่าแต่ทำไมทำหน้าอย่างกับไปกินรังแตนที่ไหนมาแบบนั้นล่ะ” เมื่อเห็นหน้าบูดบึ้งของลูกชายก็อดที่ถามไม่ได้ “ไอ้ฟาเบียนมันอยู่ไหนครับ” แทนที่จะตอบคำถามของมารดา แต่เขาเลือกที่ถามถึงบอดีการ์ดของตัวเอง “ถามถึงฟาเบียนทำไม นี่อย่าบอกนะว่าลูกจะเอาเรื่องที่ฟาเบียนพามัมมาที่นี่น่ะ”มาดามเดียน่าชักสีหน้าอย่างไม่พอใจทันที “เปล่าครับ ผมแค่จะถลกหนังหัวมันมาทำเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ยาหยีต่างหาก มัมดูมันเลือกชุดมาสิครับ ใส่แบบนี้ไม่ต้องใส่ยังจะดีซะกว่า” แล้วทุกคนก็หันไปมองสุดที่รักที่เพิ่งเดินออกมาด้วยชุดเกาะอกสีแดง มิหนำซ้ำยังงสั้นเหนือเข่าขึ้นมาซะสูงอีก เท่านั้นแหละมาดามเดียน่าก็รู้ได้ทันทีว่าที่ลูกชายทำหน้าบูดบึ้งแบบนี้เป็นเพราะอะไรกันแน่ “ฮ่าๆๆ มัมว่าน่ารักดีออก ดูแปลกตาไปอีกแบบ ก็ใครใช้ให้แกทำชุดเขาขาดล่ะ ดีเท่าไหร่แล้วที่ยังมีชุดให้ใส่ เอาล่ะในเมื่อมากันพร้อมแล้ว เรามาคุยกันเรื่องที่คุยค้างเอาไว้ให้จบดีกว่า “คุณสุทินีคะ ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ทางดิฉันก็คงไม่มีอะไรจะแก้ตัวอีก นอกจากจะขอรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดเอง ไม่ทราบว่าคุณเห็นว่ายังไงบ้างคะ” เมื่อโอกาสมาถึงแบบนี้ มาดามเดียน่าไม่มีวันปล่อยให้มันหลุดมือไปเฉยๆ แน่ ที่สำคัญท่านเป็นฝ่ายชอบรุกซะด้วยสิ “เอ่อ! ก็คงต้องแล้วแต่ยาหยีเขาน่ะค่ะ เรื่องชีวิตคู่ดิฉันไม่อยากบังคับจิตใจลูก เพราะดิฉันรู้ว่าการถูกบังคับจิตใจ มันมีแต่จะเสียกับเสีย แล้วหยีล่ะลูกว่ายังไง เรื่องนี้แม่ยกให้ลูกเป็นคนตัดสินใจเอง แม่เลี้ยงลูกได้แต่ตัว แต่ใจยังเป็นของลูกนะ” คุณสุทินีหันไปบอกลูกสาวอย่างอารี จนคนเป็นลูกสาวได้แต่มองมาอย่างซาบซึ้ง แต่ยังไม่ทันที่สุดที่รักจะทันได้พูดอะไรออกมา ก็ถูกแทรกขึ้นซะก่อน “โอ๊ย! มาถึงขนาดนี้แล้ว จะว่าอะไรได้อีกล่ะคะ จริงไหมฮันนี่ อีกอย่างถ้าไม่มีใจให้กันบ้าง เหตุการณ์อย่างนี้คงไม่เกิดขึ้นหรอก จริงไหมลูก” มาดามเดียน่ารีบออกตัวแทน ด้วยกลัวว่าเธอจะปฏิเสธ “เอ่อ! คือความจริงแล้วเรื่องนี้ คือ” เธอกำลังจะอธิบายว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าใจผิดกันไปเอง จริงๆ แล้วเธอกับเขายังไม่ได้โจ๋งครึ่มกันสักหน่อย ซึ่งเรื่องนี้มันก็ยังคาใจเธออยู่เหมือนกัน ว่าเธอแย่ขนาดที่เขาทำอะไรเธอไม่ลงจริงๆ น่ะหรือ ‘สักวันฉันจะต้องพิสูจน์ให้ได้ เพื่อล้างมลทินและความน่าอับอายนี้ให้ได้’ “ไม่ต้องอายหรอกลูก มันเป็นเรื่องธรรมดาระหว่างชายหญิง อีกอย่างเรื่องนี้หนูก็ไม่ได้ผิดอะไร ลูกชายหม่ามี้ต่างหากที่ผิด เพราะฉะนั้นหนูไม่ต้องคิดมากอะไรทั้งนั้น คิดซะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นเพราะเราสวยและรวยเสน่ห์จนผู้ชายยังอดใจไม่ไหว ฮ่าๆๆ เอ้อ! ว่าแต่เมื่อกี้หนูกำลังจะบอกอะไรหม่ามี้รึเปล่าลูก” เมื่อนึกขึ้นได้ว่าก่อนที่ตัวเองจะแทรกขึ้นมานั้น อีกฝ่ายกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ตอนนี้สุดที่รักคงได้แต่บอกว่าไม่ต้องแล้วล่ะ เพราะประโยคนั้นประโยคเดียวแท้ๆ สวยและรวยเสน่ห์จนผู้ชายอดใจไม่ไหว แล้วถ้าอย่างนั้น ที่เมื่อคืนเธอรอดมาได้ ก็เป็นอะไรที่ตรงข้ามกับประโยคนั้นน่ะสิ “เอ่อ! ไม่มีอะไรค่ะหม่ามี้” สุดที่รักเลือกที่จะเงียบ ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นผลดีต่อตัวเองมากกว่า “ไม่คิดจะพูดอะไรบ้างรึไง” เลโอนาร์ดเข้ามากระซิบทักท้วงบ้าง เมื่อเห็นว่าเธอเอาแต่นิ่งเฉย ไม่แก้ข้อกล่าวหาอะไรให้เขาบ้างเลย ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่เต็มอก “เรื่องอะไรล่ะ ปล่อยให้ทุกคนเข้าใจตามภาพที่เห็นนั่นแหละดีแล้ว ขืนบอกให้พวกเขารู้ว่าอยู่รอดปลอดภัยทั้งๆ ที่อยู่ในสภาพเตรียมพร้อมขนาดนั้นแล้วล่ะก็ จะให้ฉันเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เขาไม่หาว่าฉันเป็นพวกไร้เสน่ห์จนผู้ชายยังไม่อยากมองไปเลยรึไง พูดแล้วก็ของขึ้น เป็นเพราะคุณแท้ๆ เลยที่ทำให้ฉันต้องมีตราแบบในเรื่องแบบนี้ คุณทำให้ฉันหมดความมั่นใจไปเลยรู้เอาไว้ด้วย คุณเลโอ” สุดที่รักร่ายซะยืดยาว แต่สาระที่เธอว่ามามันออกจะทะแม่งๆ ยังไงก็ไม่รู้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD