04

1518 Words
ความจริงไม่ได้คิดว่าภาพมันจะออกมาดูดีกว่าที่คิดเอาไว้มากแบบนี้ (ภาพชายหญิงนอนกอดกันด้วยสภาพเปลือยเปล่าเนี่ยนะ ดูดี) ก็ภาพแบบนี้มันอธิบายทุกอย่างด้วยตัวของมันเองอยู่แล้วนี่นา “เฮ้อ! จริงๆ แล้วผมไม่น่าพูดอะไรตั้งแต่แรกแล้วนั่นแหละ เพราะยังไงๆ มัมก็สรุปทุกอย่างเองแล้ว เอาเป็นว่าจะจัดการยังไงก็แล้วแต่มัมจะเห็นสมควรแล้วกันครับ” เลโอนาร์ดขยี้ผมตัวเองแรงๆ เมื่อเสียท่าให้คนเป็นแม่จนได้ ถึงว่าเหตุการณ์เมื่อคืนนี้เงียบผิดปกติ เพราะวางแผนเอาไว้แต่แรกแล้วนี่เอง เพราะถ้าเป็นเวลาปกติแล้ว คนหูตากว้างขวางเป็นสับปะรดอย่างมาดามเดียน่า ถ้าลองได้รู้ได้เห็นว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองออกไปกับผู้หญิงแล้วล่ะก็ เป็นได้อาละวาดเกือบทุกครั้งไป แต่สำหรับรายนี้คงถูกใจมากแน่ๆ ถึงได้ลงมือวางแผนด้วยตัวเองแบบนี้ “อืม! ใครมาส่งเสียงเอะอะโวยวายแต่เช้าเนี่ย คนจะหลับจะนอนไม่รู้รึไง โอย! ปวดหัวชะมัด ทำไมมันปวดแบบนี้เนี่ย” สุดที่รักที่กำลังงัวเงียบ่นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “เดี๋ยวเธอจะปวดหัวมากกว่านี้อีก ถ้าขืนยังไม่รีบตื่นล่ะก็” เลโอนาร์ดหันไปบอกคนที่เอาแต่หลับตาอยู่อย่างนั้น “ทำไมล่ะ เฮ้ย!” เธอเผลอถามกลับไป แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเสียงที่เธอกำลังคุยด้วยนั้น มันเป็นเสียงผู้ชาย คนที่หลับก่อนหน้าถึงกับดีดตัวลุกขึ้นด้วยความตกใจ ดีที่เขารีบตะครุบผ้าห่มเอาไว้ไม่ให้มันร่วงหลุดลงมาซะก่อน ไม่อย่างนั้นเธอคงได้แสดงโชว์แต่เช้าเป็นแน่ “แม่ แก้ว คุณป้า มากันครบเลยเหรอคะเนี่ย” สุดที่รักยังงง เพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก “ไม่เอาจ๊ะ ไม่เรียกป้าแล้ว ต่อไปนี้หนูต้องเรียกฉันว่ามัม หรือไม่ก็หม่ามี้เท่านั้นนะจ๊ะ” คำพูดของมาดามเดียน่ายิ่งทำให้เธอสงสัยมากขึ้นอีก “ทำไมล่ะคะ” คำถามซื่อๆ ของเธอ ทำให้มาดามเดียน่าถึงกับหัวเราะชอบใจออกมา “ฮ่าๆๆ ลองถามพ่อคนนั้นดูสิ” มาดามเดียน่าบุ้ยหน้าไปทางด้านหลังของเธอ ทำให้สุดที่รักจำเป็นต้องหันไปมองบ้าง “เฮ้ย! คุณเลโอ คุณมาอยู่บนเตียงเดียวกับฉันได้ยังไงเนี่ย อ๊าย! แล้วนี่ทำไมคุณไม่ใส่เสื้อผ้าล่ะ มานอนเปลือยอยู่ในห้องฉันได้ยังไง หรือว่าคุณแอบย่องเข้ามาในห้องฉัน” ‘คิดไปได้นะแม่คุณ’ เลโอนาร์ดส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมๆ “ไม่ใช่แค่ฉันนะไม่ใส่ เธอเองก็ไม่ต่างจากฉันนักหรอก” แล้วคำพูดของเขาก็ทำให้เธอต้องก้มมองตัวเองบ้าง “กรี๊ด...! เสื้อผ้าฉันล่ะ เสื้อผ้าฉันไปไหน คุณทำอะไรฉันห๊าคุณเลโอ” สุดที่รักโวยวายเสียงดังทันที เมื่อพบว่าสภาพตัวเองไม่ได้ต่างจากเขาเลยสักนิด “แก้ว เสื้อผ้าฉัน เสื้อผ้าฉันอยู่ไหน แกช่วยหาให้ฉันทีสิ” หลังจากที่กรีดร้องจนพอใจแล้ว จึงบอกให้แก้วมุกดาที่ยืนอึ้งๆ อยู่ตรงนั้นหาเสื้อผ้ามาให้ “เกรงว่ามันคงจะใส่ไม่ได้แล้วนะหยี” แก้วมุกดาบอกพร้อมกับยกชุดเดรสที่ก่อนหน้ามันเคยสวยมาก่อน แต่ตอนนี้มันขาดรุ่งริ่งไปแล้ว ด้วยฝีมือของเขานั่นเอง “กรี๊ด...! นี่คุณทำชุดฉันขาดเหรอเนี่ย รู้ไหมกว่าฉันจะเก็บเงินซื้อชุดนี้ได้ มันลำบากยากเย็นแค่ไหน คุณมันเลือดเย็นที่สุด ทำลายข้าวของของคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง ฮือ...! คนใจดำ ชุดมันผิดอะไร ทำไมถึงต้องทำกับมันแบบนี้ด้วย” เขากุมขมับอีกครั้ง ด้วยไม่รู้ว่าตอนนี้ระหว่างเรื่องเสียตัว กับเสียชุด อย่างไหนที่ทำให้เธอเสียใจมากกว่ากัน “ตายแล้ว! นี่แกรุนแรงกับน้องขนาดนี้เลยเหรอเลโอ น้องตัวเล็กบอบบางแค่นั้น ทำไมแกถึงไม่รู้จักถนอมน้องบ้างห๊า แกนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ เลย โถๆๆ ลูกสาวของหม่ามี้บุบสลายตรงไหนบ้างลูก เจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่า” เอาเข้าไปรุมกันเข้าไป นี่เขากลายเป็นพวกโรคจิตชอบความรุนแรงไปแล้วใช่ไหมเนี่ย ความจริงเขาอยากอธิบายเรื่องชุดนั่นให้ทุกคนได้ฟัง แต่คาดว่าต่อให้พูดอะไรไป ทุกคนก็คงไม่เชื่ออยู่ดี ดูได้จากสายตากล่าวหาที่ทุกคนกำลังมองมาที่เขาก็พอจะเดาออกแล้วล่ะ “ยาหยี แม่ว่าลูกลุกขึ้นไปแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยออกมาคุยกันดีกว่า” คุณสุทินีบอกสีหน้าเรียบเฉย อย่างคนที่เก็บอารมณ์ได้เก่งมาก “แต่หยีไม่มีเสื้อผ้านะคะแม่” เมื่อสังเกตดีๆ แล้วก็รู้ทันทีว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของตัวเองอย่างที่เข้าใจในตอนแรก จึงบอกมารดาอย่างรู้สึกผิด “นี่จ๊ะ หม่ามี้เตรียมเอาไว้แล้ว เอ่อ! หม่ามี้หมายถึงฟาเบียนเขาเตรียมเอาไว้ให้น่ะจ๊ะ” มาดามเดียน่ายื่นถุงกระดาษในมือให้อีกฝ่ายไป จากนั้นทุกคนก็พากันออกไปรอตรงโซนรับแขกด้านนอกอย่างรู้หน้าที่ ตอนนี้ในห้องนอนจึงมีเพียงเขาและเธอเท่านั้นที่นั่งอยู่ ทั้งคู่หันมาสบตากันอย่างต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง “คุณช่วยลุกออกไปก่อนสิ ฉันจะแต่งตัว” สุดที่รักหันไปบอกคนหน้านิ่งเสียงอ่อน ไม่รู้เป็นไงเห็นหน้าดุๆ ของเขาแล้วใจมันฝ่อทุกที ยิ่งอยู่กันสองคนแบบนี้ด้วย ยิ่งไม่กล้าหือ “แน่ใจนะว่าต้องการให้ฉันลุกจริงๆ น่ะ” เขาหันมาถามเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉยอีกเหมือนเคย “แน่สิ ก็ถ้าคุณไม่ลุกขึ้นไป แล้วฉันจะแต่งตัวยังไงล่ะ” เขาหันมายิ้มน้อยๆ เมื่อคิดได้ว่าคนพูดคงไม่รู้ว่าตัวเขากับตัวเธอนั้น มีสภาพเปลือยเปล่าไม่ต่างกันเลย “อืม!” เขาพยักหน้าและลุกขึ้นทันที ส่งผลให้อีกอีกคนถึงกับตาค้าง จากนั้นก็กรีดร้องออกมาเสียงดัง “กรี๊ด...!” เธอหลับหูหลับตาร้องมันท่าเดียว จนเขาต้องกลับเข้ามาใต้ผ้าห่มอีกครั้ง พร้อมกับเอามืออุดปากเธอไว้ “จะแหกปากทำไมเล่า เดี๋ยวพวกแม่ๆ ก็ได้แห่เข้ากันมาอีกหรอก” บอกตามตรงว่าตอนนี้เขาเริ่มขยาดสายตากล่าวหา ราวกับว่าเขาเป็นพวกโรคจิตเต็มทีแล้ว ถ้าขืนปล่อยให้เธอร้องแบบนี้ต่อไป แล้วทุกคนเข้ามาเห็นสภาพที่ยังไม่สวมเสื้อผ้ากันอีก คงคิดเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากว่าคิดว่าเขาจะทำมิดีมิร้ายร่างกายเธออีก “อ่อยอ่อนอิ อ๋ายใอไอ้ออก” (ปล่อยก่อนสิ หายใจไม่ออก) เนื่องจากถูกเขาปิดปากเอาไว้ จึงทำให้เสียงที่ออกมานั้นฟังดูอู้อี้ “ห้ามกรี๊ดอีกนะ ไม่อย่างนั้นคราวหน้าฉันจะใช้อย่างอื่นปิดปากเธอแทน” เขาขู่ ซึ่งเธอก็พยักยอมรับรับแต่โดยดี แต่ก็ยังอดคิดในใจไม่ได้ ‘อ๊าย! อย่างอื่นที่ว่าน่ะ ปากใช่ไหม จะเป็นอะไรไหมนะ ถ้าเราจะกรี๊ดไม่ยอมหยุด เพื่อสิ่งนั้นน่ะ แหม! ก็คนมันยังไม่เคยนี่นา’ ถ้าเขารู้ความคิดเธอตอนนี้ คงตอบว่ามันไม่จริง เพราะเมื่อคืนนี้เขาเพิ่งจูบเธอไปหยกๆ ยังไงล่ะ “อี๋! อุจาดตาที่สุด คิดได้ยังไงมาแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่นเขาแบบนี้ ไม่รู้รึไงว่ามันน่าดู เอ๊ย! ไม่ใช่ๆ ฉันหมายถึงมันไม่น่าดูแต่น่าคลำ ว้าย! ไม่ใช่ๆ ฉันหมายถึง ไม่สมควรทำ ตายๆๆ คุณกำลังทำให้ฉันเสียสติแล้วเห็นไหมคุณเลโอ เพราะ...เพราะ...เพราะ... อ๊าย!” เธอปิดหน้าปิดตาตัวเองทันทีที่รู้สึกว่าหน้ากำลังร้อนผ่าว จะบอกเขาได้ยังไง ว่าเป็นเพราะเธอเห็นเจ้างูยักษ์ของเขาไปแล้วเมื่อกี้นี้ “ฉันถามเธอแล้วตั้งแต่แรกว่าแน่ใจหรือยัง ซึ่งเธอก็ยืนยันหนักแน่น แล้วพอฉันลุกขึ้นมาจริงๆ เธอก็โวยวาย ตกลงจะเอายังไงกันแน่ยาหยี” เขาหันมาถามด้วยใบหน้าเอือมระอา จนคนฟังถึงกับหน้าชาไปเหมือนกัน “ก็ฉันเป็นผู้หญิงนี่ การต้องมาเห็นไอ้นั่นของคุณมันกระทบกระเทือนต่อจิตใจฉันนะ แล้วมันก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อนกับผู้หญิงที่ยังซิงอย่างฉันด้วย เอ๊ะ! หรือว่าไม่ซิงแล้ว” ทันทีที่คิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เธอถึงกับหันขวับไปมองหน้าเขาทันที “เธอคิดเหรอว่าฉันทำอะไรเธอจริงๆ น่ะ” ‘ก็เกือบไปแล้วเหมือนกันล่ะ’ เขาต่อให้ในใจบ้าง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD