“ซิลเวียลากผู้หญิงคนนี้ออกไปให้พ้นหน้าฉันที” เขาหันไปสั่งเสียงเขียว ใบหน้าโกรธขึ้งดุดัน ทำเอาเลขาสาวต้องรีบทำตามคำสั่ง ด้วยกลัวจะโดนหางเลขไปด้วย
“ไม่! ปล่อย! อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ไม่งั้นเราได้เห็นดีกันแน่” โรเวร่าขู่ฟ่อ ทำเอาซิลเวียชะงักเท้าแทบไม่ทัน แน่นอนว่ากิตติศัพท์ความร้ายกาจของผู้หญิงคนนี้ทำให้ซิลเวียไม่กล้าเสี่ยง
“อูย! เจ็บชะมัด เคยเป็นนักวอลเลย์เก่ารึไงวะ” เธอถูกลากให้มานั่งบนโซฟา จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะบ่นกระปอดกระแปดตามประสาพร้อมกับพยายามรื้อค้นกระเป๋าสะพายข้างตัวเพื่อหากระจกมาส่องดูหน้าที่คิดว่าอาจจะบวมเพราะแรงมือเมื่อครู่
“เจ็บมากไหม” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอาทร ทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้น ก่อนจะผงะตกใจเมื่อ
พบว่าอีกฝ่ายนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น ในขณะที่เธอเองกลับนั่งอยู่บนโซฟา ครั้นพอจะลุกขึ้น ก็ถูกเขาให้นั่งลงตามเดิมอีก
“มัวทำอะไร ทำไมถึงไม่รู้จักระวัง” เขาเอ็ดพลางยื่นมือมาแตะที่มุมปากเธอเบาๆ ทำประหนึ่งว่าในห้องนี้มีกันอยู่แค่สองคน
“เจ็บอะ” เธอช้อนสายตาทำเสียงออดอ้อนอย่างนึกอะไรสนุกๆ ขึ้นมาได้
“กรี๊ด...! นังหน้าด้าน คุณอย่าไปหลงกลมารยาตื้นๆ ของมันนะคะเลโอ มันกำลังออดอ้อนออเซาะเรียกร้องความสนใจจากคุณ ฉันนี่แหละจะฉีกหน้ากากเน่าๆ ของแกเอง” โรเวร่าพุ่งเข้าหาสุดที่รักอีกครั้ง แต่ก็ไม่ง่ายเหมือนเคย เมื่อคนที่คุกเข่าก่อนหน้าผุดลุกขึ้นมาขวางพร้อมกับตวาดด้วยเสียงกราดเกรี้ยว
“หยุดบ้าแล้วออกไปจากที่นี่ซะ ไม่งั้นผมจะเรียกร.ป.ภ. ให้มาลากตัวคุณออกไป ไปสิ!” เขาตะคอกเสียงดังพลางชี้ไปที่ประตู ทำเอาสามสาวพากันสะดุ้งไปตามๆ กัน โดยเฉพาะคนถูกตะคอกโยตรงที่ดูเหมือนจะทั้งตกใจและเสียใจกว่าใครเพื่อน
“คุณไม่เคยตวาดโรร่าแบบนี้ เพราะผู้หญิงคนนี้ใช่ไหมที่ทำให้คุณเปลี่ยนไป ทั้งที่โรร่ามาก่อน แต่คุณกลับเห็นมันดีกว่า คุณใจร้ายมากเลโอ” โรเวร่าบอกเสียงเครือพร้อมกับมองมาด้วยสายตาตัดพ้อ
“ผมไม่เคยเปลี่ยน เมื่อก่อนรู้สึกยังไง ตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น เรายังเป็นเพื่อนกันได้ แต่ถ้าคุณยังไม่เลิกระรานคู่หมั้นผม แม้แต่ความเป็นเพื่อนผมก็คงให้ไม่ได้ หรือบางทีเราอาจจะกลายเป็นศัตรูกันไปเลยก็ได้” คำพูดเขาราวกับตอกย้ำ แต่ก็ใช่ว่าโรเวร่าจะยอมรับได้
“ไม่จริง โรร่าไม่เคยคิดกับคุณแค่เพื่อน เราต่างก็มีใจให้กันไม่ใช่เหรอคะ ถ้าไม่มีนังนี่มาแทรกกลาง อะไรๆ ก็คงไม่เป็นแบบนี้ เพราะแก! นังหน้าด้าน ฉันไม่มีวันยอมปล่อยให้แกได้เสวยสุขบนความทุกข์ของฉันแน่ แกจะต้องเจ็บปวดกว่าฉันร้อยเท่าพันเท่า” หลังจากตัดพ้อเขาเสร็จ โรเวร่าก็หันมาขู่อาฆาตสุดที่รักด้วย
“โรร่าจะทำให้คุณเห็นว่าใครกันแน่ที่เหมาะจะยืนเคียงข้างคุณ” โรเวร่าหันมาพูดตบท้ายใส่หน้าเขา ก่อนจะก้าวฉับๆ ออกไปจากห้องพร้อมด้วยไฟโทสะกองโต ในขณะที่ซิลเวียก็รีบเดินออกไปด้วยเช่นกัน
“เอาแต่เงียบ อยากถามอะไรถามมาได้เลย ฉันยินดีคตอบ” หลังจากที่เหลือกันแค่สอง เขาก็หันมาถามเธอที่เอาแต่เงียบ แต่เธอก็ยังตอบกลับมาด้วยการส่ายหน้าไม่ยอมพูดอะไรอีกเช่นเคย
“เธอคงโกรธฉันมากสินะ ขอโทษนะที่ทำให้ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ ขอโทษที่ไม่ปกป้องเธอให้ดีกว่านี้ ฉันมันคงกลายเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องในสายตาเธอสินะ” เขาบอกพลางก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด
“เปล่าเลย อูย! ฉันไม่ได้โกรธ ซีด..! คุณเลยสักนิด ซีด...! แต่ฉันเจ็บปากต่างหากเล่า อูย! ให้พูดซะยืดยาว เจ็บชะมัด ซีด...!” เธอพยายามพูดแต่ก็ร้องครวญครางไปด้วย พร้อมกันนั้นก็ใช้มือกุมปากตัวเองที่ตอนนี้ดูเหมือนกำลังบวมเจ่อได้ที่
“ไหนขอดูหน่อย” เขาหย่อนก้นลงบนโซฟาพร้อมกับหมุนตัวเธอให้หันมาประจันหน้ากัน
“ซิลเวียเอากล่องยากับน้ำแข็งประคบเข้ามาหน่อย” หลังจากที่สำรวจแผลของเธอแล้ว เขาจึงลุกขึ้นไปต่อสายหาเลขา ไม่นานของทุกอย่างก็ถูกนำเข้ามา
“ประคบอย่างเดียว ซีด...! ได้ไหม ไม่ทายาได้ไหม” เธอขอร้อง ตามประสาคนกลัวแสบ
“ไม่ได้ ไม่ทายาแล้วจะหายได้ยังไง อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” เขาปฏิเสธพร้อมกับตรึงเธอไว้ไม่ให้ขยับ
“น้ำแข็งมันก็แค่ช่วยลดอาการบวม แต่แผลน่ะมันต้องใช้ยาทา เข้าใจไหม” เขาพยายามประคบให้อย่างเบามือที่สุด แต่เธอก็ยังไม่วายสะดุ้งน้อยๆ ด้วยความเจ็บอยู่ดี กระทั่งผ่านไปพักใหญ่ ที่เขาเห็นว่าอาการบวมที่ปากเริ่มลดลงบ้างแล้ว เหลือก็แต่ลอยแดงบนแก้มซีกซ้ายกับแผลตรงมุมปาก
“เอาล่ะ! ทีนี้ก็เหลือแค่ทายา รอยแดงๆ พวกนี้จะได้หายไป” ได้ยินดังนั้นสุดที่รักถึงกับผุดลุกขึ้น แต่ก็ช้ากว่าคนที่คอยระวังอยู่ดี ตอนนี้เธอจึงถูกเขากดเอาไว้ที่เดิม
“ไม่อยากทา ไม่ทาไม่ได้เหรอ อูย...! ความจริงฉันก็ไม่ได้ ซีด...! เจ็บสักเท่าไหร่เลย อูย...!” เธอพยายามร้องขออีก
“แล้วที่ร้องซีดๆ อยู่เนี่ย เขาเรียกว่าไม่เจ็บเหรอ” เขาก็อยากจะดุ แต่เห็นท่าทางราวกับเด็กๆ ของเธอก็อดยิ้มไม่ได้
“แต่” เธอพยายามหาเหตุผลมาอ้าง แต่ก็ถูกเขาห้ามเอาไว้อีก
“หยุด! เลิกพูดแล้วก็นั่งนิ่งๆ” เธอถึงกับเม้มปากแน่นกับความเผด็จการของเขา แล้วก็ต้องยอมทำตามอย่างช่วยไม่ได้ แต่จะไม่ให้เกลัวเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ สองมือเธอจึงขยุ้มไปที่เสื้อเขาพร้อมกับหลับตาปี๋ ทำเอาเขาเผลอยิ้มพลางส่ายหน้าน้อยๆ
ครั้นพอเห็นเธอนั่งเกร็งตัวแข็งจึงอยากช่วยให้ผ่อนคลาย ด้วยการยื่นหน้าเข้าไปใกล้และเป่าแผลตรงมุมปากเธอเบาๆ ทำเอาคนที่ยืนอยู่ในห้องเงียบๆ อย่างซิลเวียได้แต่ทำหน้ากระอักกระอ่วน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกิน กระทั่งสุดที่รักลืมตาขึ้น หน้าของเขาที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบก็ทำเอาเธอถึงกับผงะ แต่แล้วดวงตาคู่คมที่มองมาก่อนแล้วราวกับสะกดเธอไม่ให้ขยับไปไหน กระทั่งใบหน้าเขาค่อยๆ โน้มลงมาใกล้ ใกล้จนรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ใกล้จนเธอประหม่า ตื่นเต้นแล้วก็สับสนจนต้องโพล่งออกมาเสียงดัง
“พี่ซิลเวีย” คนถูกเรียกสะดุ้งโหยง
“เอ่อ! พี่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังมีค้างอยู่ ขอตัวก่อนนะคะ” ซิลเวียทำหน้าเลิกลั่กก่อนจะรีบก้มหน้าก้มตาก้าวฉับๆ ออกไป
“เอ่อ! ฉันเองก็อยากออกไปเข้าห้องเหมือนกัน” สุดที่รักบอกแก้เก้อ ด้วยกำลังวางหน้าไม่ถูกเมื่อต้องอยู่กันตามลำพังแบบนี้
“ห้องน้ำในนี้ก็มี ทำไมจะต้องออกไปข้างนอกให้มันยุ่งยากด้วย” เขาทำหน้าหงุดหงิด
“แต่ฉัน…” เธอพยายามจะหาเหตุผลมาแก้ต่าง แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ เขาก็แทรกขึ้นมาอีก
“เป็นผู้หญิงนะ ถ้าเธอจะพูดประโยคนี้ล่ะก็ ฉันรู้แล้ว หรือจะต้องให้ฉันพิสูจน์ล่ะ” เธอหันมาทำตาโต ครั้นเห็นสีหน้าดุๆ ของเขาก็รีบก้มกลับไปตามเดิม จากนั้นก็บ่นงึมงำ
“นึกว่าเอาจริง”
“หืม?” เขาทำแสร้งไม่ได้ยิน พร้อมกับสาวเท้าเข้าไปหาเธออย่างคุกคาม ทำเอาคนถูกคุกคามต้องรีบขยับถอยด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“ปะๆ เปล่า ฉันแค่อยากจะบอกว่า อูย..! เรื่องบางเรื่องของผู้หญิงมันก็เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน การเข้าห้องน้ำในห้องที่มีผู้ชายอยู่ด้วยมันเป็นอะไรที่ฉันไม่ค่อยชินสักเท่าไหร่ เอาเป็นว่าขอฉันปรับตัวสักระยะได้ไหมเล่า” เธอพยายามอธิบายพร้อมกับกุมปากตัวเองไปด้วย ถึงแม้อาการเจ็บจะทุเลาลงไปบ้างแล้ว แต่เมื่อเผลออ้าปากกว้างๆ ก็ทำให้เจ็บจี๊ดขึ้นมาอีกเหมือนกัน
“แล้วปากน่ะไม่เจ็บแล้วรึไง ถึงได้จะออกไป แต่ก็เอาเถอะถ้าเธออยากไป ฉันก็ไม่อยากจะขัด รีบไปรีบกลับแล้วเถลไถลไปไหนอีกเด็ดขาด เข้าใจไหมยาหยี” เขาสั่งยาวเหยียดราวกับเธอเป็นเด็กๆ ทำคนถูกสั่งหน้ามุ่ย แต่ก็ยอมรับคำแต่โดยดี
“รับทราบค่า”