09

1371 Words
“กรี๊ด...!” เธอกรีดร้องเสียงดังทันทีแค่ได้เห็นด้านหลังของใครบางคน ก็รู้ทันทีว่าเขาเป็นผู้ชาย แล้วอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับผู้ชายคนนี้มาอยู่ในห้องเดียวกับเธอได้ยังไง “จะแหกปากทำไมแต่เช้าเนี่ย” เลโอนาร์ดตกใจตื่นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด เพราะเสียงที่แสบแก้วหูของเธอ แต่เสียงของเขาก็ทำให้เธอหยุดชะงักและหันมามองได้เหมือนกัน “คุณ” เธอครางออกมาด้วยความรู้สึกที่ไม่รู้ว่ากำลังดีใจหรือกำลังโกรธที่เขาทำให้เธอตกใจกันแน่ “ใช่ ก็ฉันน่ะสิ แล้วเธอคิดว่าเป็นใครล่ะ” เขาบอกเสียงห้วน ด้วยยังไม่หายหงุดหงิด “ฮือ...! คนบ้า คุณทำให้ฉันตกใจมากไม่รู้รึไง ฉันคิดว่า คิดว่า ฮือ...!” แค่คิดว่าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เขา เธอก็ทำใจไม่ได้แล้ว “คิดว่าเป็นคนอื่น” เขาตอบให้อย่างรู้ทันความคิดของเธอ “ทีนี้รู้แล้วใช่ไหม ว่าการอยู่คนเดียวในต่างแดนมันอันตรายแค่ไหน ถ้ารู้แล้วก็ไปเก็บกระเป๋าซะ” เธอที่กำลังร้องไห้กระซิกๆ อยู่ หยุดและหันมามองเขาอย่างสงสัย “เก็บทำไม เก็บไปไหน” เขาทำหน้าไม่ชอบใจขึ้นมาอีก เมื่อได้ยินเธอถามแบบนี้ “ก็เก็บไปอยู่บ้านฉันยังไงล่ะ หรือเธอจะอยู่รอให้เหตุการณ์อย่างวันนี้เกิดขึ้นมาอีก ถึงตอนนั้นต่อให้เธอร้องไห้แทบตายก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอกนะจะบอกให้ เพราะคราวหน้าผู้ชายที่นอนอยู่อาจจะไม่ใช่ฉันก็ได้” แค่พูดเพื่อขู่เธอ เขาก็รู้สึกโกรธจนอยากฆ่าใครสักคนด้วยซ้ำไป ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาและเธอจะเป็นยังไง “ฮือ...! อย่าพูดแบบนี้สิคนบ้า ฉันกลัวแล้วฉันก็เป็นผู้หญิงนะ” เห็นเธอร้องไห้อีก เขาจึงเข้าไปกอดอย่างไม่รู้จะปลอบยังไง แต่ก็อดขำกับวลีสุดฮิตของเธอไม่ได้เช่นกัน ดูเหมือนมันจะกลับมาหลอกหลอนเขาอีกครั้งแล้ว “อืม! งั้นต่อไปก็อย่าดื้อ จะทำอะไรต้องปรึกษาและเชื่อฟังฉันเข้าใจไหม เอาล่ะ! ไปเก็บของกลับบ้านกันเถอะ” เขาบอกเธอเสียงอ่อนลง แต่ก็ต้องโมโหอีกครั้งเมื่อได้ฟังคำตอบจากปากเธอ “ไม่” ยังไม่ทันที่เธอจะทันได้พูดอะไรต่อก็เจอหน้าถมึงทึงของเขาซะก่อน “นี่ตกลง เธอไม่เข้าใจที่ฉันพูดไปทั้งหมด หรืออยากจะลองดีกับฉันกันแน่ยาหยี” เขาชักสีหน้าเอาเรื่อง จนเธอหงอแล้วหงออีก แค่หน้าปกติของเขาเธอก็กลัวจะแย่อยู่แล้ว ยังจะมาแยกเขี้ยวใส่กันอีก “เปล่าสักหน่อย ใครจะไปกล้าลองดีกับคุณเล่า ดุอย่างกับ…แวมไพร์ เอ้อ! เป็นแวมไพร์กลับชาติมาเกิดรึไง น่ากลัวชะมัด” ท้ายประโยคเธอลดเสียงเบาลง คล้ายๆ กับกำลังบ่นกับตัวเอง แต่เขาก็ยังอุตส่าห์ได้ยินอยู่ดี “ตกลงจะเอายังไงว่ามา” เขาถามอีกครั้ง ราวกับกำลังจะหมดความอดทน “ก็ไม่เอายังไง บอกว่าไม่เก็บก็คือไม่เก็บ นี่เดี๋ยวๆๆ ฟังให้จบก่อนสิ” เธอยกมือขึ้นห้ามทันที เมื่อเห็นเขาทำท่าจะชักสีหน้าเข้าใส่อีก “ที่ฉันบอกว่าไม่เก็บ ก็เพราะว่าฉันยังไม่ได้เอาอะไรออกมาจากกระเป๋าเลยสักอย่างต่างหากล่ะ มายังไงก็ยังอยู่อย่างนั้น เหมือนเดิมเป๊ะ ไม่เชื่อก็ดูนั่นสิ” เธอบุ้ยหน้าไปยังกระเป๋าเดินทางที่นอนสงบนิ่งอยู่ตรงมุมห้อง “เธอนี่มัน” เขาอยากจะต่อว่าเธอให้สาสมนัก แต่ก็ไม่รู้ว่ายังไง ก็เลยต้องหงุดหงิดเพราะเจ็บใจตัวเองแทน “เอ้า! ยืนนิ่งอยู่ทำไมล่ะ จะกลับบ้านไม่ใช่เหรอก็รีบไปสิ ขอบคุณนะที่อุตส่าห์มาช่วยหิ้วกระเป๋าให้ถึงที่แบบนี้ คู่หมั้นฉันเนี่ยน่ารักจริงๆ” พูดจบเธอก็เดินนำออกไป ทิ้งให้เขาอยู่กับกระเป๋าใบเขื่องเพียงลำพัง และที่สำคัญเขาจะต้องทำหน้าที่พามันกลับไปด้วยนี่สิ “ยัยเด็กบ้า ฝากไว้ก่อนเถอะ” เขาบอกพร้อมกับส่ายหน้าไปพลาง แล้วก็อดยิ้มขำกับผู้หญิงอย่างเธอไม่ได้ ให้ตายเถอะ นี่เขาต้องแพ้ให้กับผู้หญิงแบบนี้จริงๆ เหรอเนี่ย คฤหาสน์แบร์นาร์ด “เอ้า! ฮันนี่มาได้ยังไงลูก หม่ามี้กำลังจะเข้าไปหาอยู่เชียว” มาดามเดียน่าที่กำลังเตรียมตัวจะออกจากบ้าน เพื่อไปหาสุดที่รักที่คอนโด แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเจ้าตัวมายืนอยู่ตรงหน้าแล้วตอนนี้ “ผมไปรับเขามาเองครับมัม” เป็นเลโอนาร์ดที่ตอบแทน “ไปเมื่อไหร่ ไปทำไม แล้วรู้ได้ยังไงว่าฮันนี่อยู่ที่นั่น อธิบายมาให้ละเอียดซิเลโอ” มาดามเดียน่าหันมาคาดคั้นลูกชายทันที แต่อีกฝ่ายกลับบ่ายเบี่ยงซะเฉยๆ “ผมมีงานต้องเข้าไปเคลียร์ต่อที่บริษัท ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับมัม” พูดจบเขาก็เดินลิ่วๆ ไปยังห้องนอนของตัวเองทันที ปล่อยให้อีกฝ่ายรอคำตอบเก้อ “ลูกคนนี้นี่ ชักเอาใหญ่แล้วนะ เลี่ยงได้เลี่ยงไป สักวันเถอะฉันจะง้างปากให้แกพูดไม่หยุดเลยคอยดู” มาดามเดียน่าว่าให้ด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก จากนั้นจึงหันมาสนใจอีกหนึ่งสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ต่อ “แล้วหนูล่ะ มีเรื่องอะไรจะเล่าให้หม่ามี้ฟังรึเปล่า” ในเมื่อคาดคั้นเอาคำตอบจากลูกชายไม่ได้ ก็ต้องคาดคั้นเอากับคนนี้แหละ “เอ่อ! คือ เอาจริงๆ เลยนะคะหม่ามี้ ความจริงหยีเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ว่าเขาไปหาหยีตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีเขาก็นอนอยู่ข้างๆ แล้วล่ะค่ะ” เธอยิ้มจืดเจื่อนกลับไป เมื่อไม่สามารถให้คำตอบที่กระจ่างกับอีกฝ่ายได้ “คนนึงไม่รู้ อีกคนก็ไม่ตอบ แล้วนี่ตกลงฉันจะหาคำตอบได้จากใครบ้างเนี่ย” มาดามเดียน่าพูดอย่างหงุดหงิด เมื่อเรื่องที่อยากรู้ดันไม่ได้รู้ “อันนี้หยีก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ความจริงหยีงงมากกว่าหม่ามี้ซะอีกนะคะ คิดดูสิจู่ๆ ตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีผู้ชายนอนอยู่ข้างๆ หยีนี่ตกใจแทบช็อคแน่ะ แต่ก็โล่งใจที่เห็นว่าเป็นคุณเลโอนี่เอง” มาดามเดียน่าหันมามองอย่างจับผิดมันที เมื่อฟังเธอเล่ามาแบบนี้ “นอนอย่างเดียวเหรอ” น้ำเสียงอยากรู้กึ่งล้อเลียนของมาดามเดียน่าทำเอาสุดที่รักถึงกับหน้าแดงขึ้นมาทันที “หม่ามี้อ่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้ ก็ต้องนอนอย่างเดียวสิคะ เพราะถ้าทำอย่างอื่นด้วยหยีก็ต้องรู้สึกบ้างสิ” เธอบอกเสียงอ่อย “ฮ่าๆๆ ก็ไม่รู้สินะ บางทีหนูอาจจะเพลียจนหลับลึกก็ได้” ท่านยังคงล้อเลียนเธออย่างสนุก “หม่ามี้อ่ะ” เธอทักท้วงอีกฝ่ายด้วยใบหน้าแดงซ่าน ซึ่งเป็นอะไรที่ถูกใจคนแก่ยิ่งนัก “ฮ่าๆๆ เอาล่ะๆ หม่ามี้ว่าหนูไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะได้ลงมาทานอาหารเช้าด้วยกัน ไลล่าพาคุณหนูไปที่ห้องพักที่เตรียมเอาไว้ทีซิ” แล้วสุดที่รักก็เดินตามสาวใช้ไลล่าไปอย่างว่าง่าย เมื่อตอนนี้เธอกำลังคิดถึงน้ำอุ่นๆ และอยากจะอาบมันเต็มทีแล้ว ถ้าเป็นไปได้ขอนอนแช่สักครึ่งชั่วโมงก็คงจะดี เพราะตอนนี้เหนียวตัวจะแย่อยู่แล้ว จำได้ว่าตัวเองยังไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เมื่อวานนี้ “ร้ายนักนะพ่อลูกชาย ปากก็บอกว่าไม่สนใจ แต่พฤติกรรมกลับตรงกันข้าม เดี๋ยวจะได้เห็นดีกัน ก็ให้มันรู้ไปสิว่าฉันจะทำให้แกง้างปากออกมาไม่ได้เลโอ” มาดามเดียน่าเหยียดยิ้มมุมปาก ขณะกำลังคิดแผนการแก้เผ็ดลูกชายตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD