คฤหาสน์แบร์นาร์ด
“กลับมาแล้วเหรอครับ เอ่อ! แล้วมาคนเดียวเหรอ” ทันทีที่มาดามเดียน่าย่างก้าวเข้ามาในบ้าน ลูกชายที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วก็ถามขึ้นที
“แล้วแกเห็นใครมากับฉันบ้างล่ะ” ถูกมารดาตอกกลับมาแบบนี้ ทำเอาคนเป็นลูกถึงกับไปไม่ถูกเหมือนกัน
“เอ่อ! ไม่มีครับ” เมื่อเห็นลูกชายตอบแล้วก็เงียบไปอีก ก็อดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ คนอะไรท่ามาก อยากรู้แต่ไม่อยากถาม
“ตกลงไม่มีอะไรจะถามแล้วใช่ไหม ฉันจะได้ไปพักสักที เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” พูดจบท่านก็เดินจากไปทันที ทิ้งให้ลูกชายยืนอยู่อย่างนั้น
“เอ่อ! เดี๋ยวสิครับมัม แล้วเอ่อ...” ไม่เข้าใจว่ามันเป็นอะไรที่เสียหน้ามากเลยรึไง ที่ต้องถามเรื่องที่อยากรู้ออกมา ไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้เลยจริงๆ
“เฮ้อ! เอาแต่อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่แบบนี้ วันนี้คงได้รู้หรอกว่าแกอยากถามอะไร ถ้ายังไงเอาไว้ถามพรุ่งนี้เลยแล้วกัน ฉันไปนอนล่ะ เหนื่อย” คราวนี้มาดามเดียน่าไปจริงๆ แบบไม่หันมาใส่ใจลูกชายอีก
“เป็นอะไรของแกวะเลโอ เรื่องแค่นี้ทำไมไม่ถามให้จบๆ ไปวะ แล้วคราวนี้จะรู้ได้ยังไงว่ายัยเด็กบ๊องนั่นอยู่ที่ไหน” เลโอนาร์ดขยี้หัวตัวเองหนักๆ อีกครั้งอย่างกำลังหาทางออก
“ก็ไม่เห็นจะยากนี่ครับนาย มาดามไม่บอก เราก็ถามกับคนอื่นที่รู้สิครับ” ฟาเบียนที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ จู่ๆ ก็โพล่งเสนอความคิดเห็นออกมา จนเขาต้องหันไปมอง
“พูดเรื่องอะไรของแก” เขาทำหน้าไขสือ ทำเป็นไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร
“ก็เรื่องอะไรล่ะครับที่นายกำลังอยากรู้ ผมก็พูดเรื่องนั้นแหละ” เพราะทำนายกับเจ้านายคนนี้มาหลายปี ท่าทางแบบนี้ทำไมฟาเบียนจะไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร
“ฉันไม่อยากรู้เรื่องอะไรทั้งนั้นแหละ แกจะไปไหนก็ไปฟาเบียน” คนปากแข็งยังคงปากแข็งอีกตามเคย แต่ฟาเบียนก็ยังไม่ละความพยายาม
“เฮ้อ! งั้นเอาเป็นว่าผมเป็นฝ่ายอยากบอกเองก็แล้วกันนะคะ นอกจากมาดามแล้วคนที่รู้ว่าคุณหนูยาหยีอยู่ที่ไหน ก็คงเป็นไอ้คริส คนขับรถของมาดามนั่นแหละครับ จริงๆ แล้วผมก็พูดไปงั้นแหละครับ อย่าไปสนใจเรื่องที่นายไม่อยากรู้เลยนะครับ ลืมๆ มันไปซะเถอะว่าผมพูดอะไรไปบ้าง” ว่าจบฟาเบียนก็เดินออกไปอีกคน แต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกล ยังคงวนเวียนอยู่แถวๆ นั้น เพื่อแอบดูพฤติกรรมของคนปากแข็งต่อไป
แล้วสิ่งที่ฟาเบียนคิดเอาไว้ก็เป็นจริง เมื่อคนปากแข็งปากก็พูดว่าไม่อยากรู้ แต่ก็เดินออกมาจากบ้านเพื่อไปหาคนรถที่กำลังทำความสะอาดรถอยู่
“คุณผู้ชายมีอะไรให้ผมรับใช้รึเปล่าครับ หรือว่าจะใช้รถคันไหน” คริสคนขับรถของมาดามเดียน่าเข้ามาถามด้วยความนอบน้อม ทันทีที่เห็นคุณผู้ชายของบ้านเดินมาถึงนี่
“นายใช่ไหมที่ขับรถให้แม่ฉันวันนี้”
“ครับ ผมเองครับ” คริสทำหน้าสงสัย แล้วก็อดกลัวไม่ได้ ด้วยไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดไปรึเปล่า
“อืม! ถ้าอย่างนั้นนายเล่ามาให้หมดว่าวันนี้นายพาแม่ฉันไปไหนมาบ้าง แล้วไปกับใคร” เลโอนาร์ดเหยียดยิ้มสมใจ ขณะฟังอีกฝ่ายเล่ามาอย่างละเอียด และเมื่อบรรลุเป้าหมาย ได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้แล้ว เขาจึงเดินกลับเข้าไปในบ้าน ตั้งใจจะไปหยิบกุญแจรถสปอร์ตคันหรูออกมา แต่ก็ต้องชะงักอีก
“ผมว่าป่านนี้เขาอาจจะเข้านอนไปแล้วก็ได้นะครับ เดินทางไกลๆ แบบนั้นคงเหนื่อยแย่ แต่ถ้านายอยากจะไปให้หายข้องใจก็ตามสบายนะครับ นึกซะว่าผมไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน” เมื่อถูกฟาเบียนพูดดักคอไว้ขนาดนี้ คนที่ตั้งใจจะออกไปข้างนอก เป็นอันต้องกลับเข้าทำงานของตัวเองไปด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด
แต่จนแล้วจนรอด หลังจากที่รอให้เวลาผ่านพ้นไปสักระยะ คนปากแข็งก็เดินออกมาจากห้องทำงานอีกครั้ง ด้วยคิดว่าทางคงสะดวกปลอดคนแสนรู้อย่างฟาเบียนแล้วนั่นเอง แต่ให้ตายเถอะ ใครจะคิดว่าฟาเบียนจะยังอยู่ คนอะไรช่างอดทนดีเหลือเกิน อุตส่าห์ยืนเฝ้ารอให้เขาออกมาจนได้
“อย่าลืมเอากุญแจห้องไปด้วยนะครับ ด้วยความปรารถนาดีจากลูกน้องผู้ซื่อสัตย์คนนี้ขอรับ” หลังจากพูดจบฟาเบียนก็รีบเดินเร็วๆ ออกไปทันที ด้วยกลัวว่าเจ้านายอาจจะให้อะไรที่มันไม่ค่อยน่าภิรมย์มาเป็นรางวัลสำหรับคนหวังดีก็เป็นได้
“ไอ้ ไอ้ ฮึ่ย! มันน่านัก” สุดท้ายเขาก็ได้แต่โมโห เมื่ออีกฝ่ายเดินออกไปไกลแล้ว แต่ก็นั่นแหละความหวังดีของอีกฝ่ายก็มีประโยชน์ เมื่อตอนนี้เขาเดินกลับไปยังห้องทำงานของตัวเองเพื่อหยิบเอากุญแจห้องที่คอนโด ซึ่งเขาเองก็เคยพักมาก่อน
“หึ! ยัยตัวแสบแอบมาหลับอยู่ที่นี่เอง เธอเก่งมากที่ปั่นหัวฉันได้ขนาดนี้” เขาเปิดห้องพักคอนโดเข้ามาและเดินตรงไปยังห้องนอน ซึ่งมีคนที่อยากเจอนอนหลับอยู่ จึงทรุดตัวลงไปนั่งข้างๆ แต่เธอกลับยังนิ่งไม่รู้สึกตัวใดๆ คงเป็นเพราะอาการเจทแลคจากการเดินทางเป็นเวลาหลายชั่วโมงของเธอเป็นแน่ที่ทำให้หลับลึกไม่รู้เนื้อรู้ตัวแบบนี้
“ยัยซกมก นี่คงนอนทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำเลยสิท่า เธอมันเป็นผู้หญิงแบบไหนกันแน่นะสุดที่รัก เฮ้อ! แล้วก็ต้องเป็นฉันอีกจนได้ ที่ต้องมาดูแลผู้หญิงอย่างเธอ แล้วแกจะบ่นทำไมวะเลโอ ในเมื่อแกเองที่แส่มาหาเขาถึงที่นี่ หึๆ นี่ฉันต้องบ้าตามเธอไปแล้วแน่ๆ” เขาบ่นบ้างพูดกับตัวเองบ้าง ในขณะที่กำลังจัดท่าจัดทางให้เธอนอนสบายขึ้น
ในขณะที่เขากำลังจะถอดเสื้อนอกพะรุงพะรังของเธอออก จู่ๆ คนที่หลับไปแล้วก็รู้สึกตัวขึ้นมา หรือจะเรียกว่าละเมอก็คงไม่ผิด
“แม่จ๋า หยีเหนื่อยมากเลย เพลียมากด้วย ขอหยีนอนต่ออีกหน่อยนะ” เธอพึมพำทั้งที่ตาทั้งสองข้างก็ยังคงปิดอยู่ แค่นั้นยังไม่พอ เมื่อคนขี้เซาไม่ได้พูดเปล่า ยังฉวยโอกาสลวนลามร่างกายอันมีค่าของเขาด้วยการกกกอดขาเขาเอาไว้ ราวกับกำลังกอดหมอนข้างอยู่ก็ไม่ปาน
“หึๆ นอกจากจะบ๊องแล้ว ยังขี้เซามากด้วยนะเธอน่ะ” เขาส่ายหน้าน้อยๆ ขณะกำลังนั่งมองหน้าของเธอไปด้วย ซึ่งมันเป็นอะไรที่เขายังไม่อยากจะเชื่อ ว่าตัวเองจะสามารถมานั่งมองหน้าผู้หญิงคนหนึ่ง ในขณะที่เธอกำลังหลับแบบนี้ได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว เมื่อตอนนี้เขากำลังนั่งมองหน้าเธออย่างไม่รู้จักคำว่าเบื่อ จนในที่สุดเขาเองก็เผลอหลับตามเธอไปด้วยอีกคน
สายของอีกวัน เมื่อคนที่ได้หลับเต็มที่ตั้งแต่บ่ายวานนี้ เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา และด้วยความเคยชินที่จะต้องยืดแขนยืดขา บิดตัวไปมาเพื่อขับไล่ความเมื่อยขบของตัวเอง แต่แล้วแขนขาเธอก็ไปกระทบเข้ากับอะไรบางอย่าง ซึ่งทำให้เธอถึงกับหยุดชะงักมือไม้ชาไปทั้งตัว จากนั้นจึงค่อยๆ ก้มลงมองข้างตัวว่าสิ่งที่กำลังกลัวนั้นมันจะเป็นจริงอย่างที่กลัวรึเปล่า