สองจิต หนึ่งใจ 4

1927 Words
สองจิต หนึ่งใจ 4 ขับรถตามทางมาเรื่อย ๆ กระทั่งหยุดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นร้านอาหารชื่อดังในย่านนี้ จอดรถที่ลานจอดก่อนจะนั่งทำใจนิ่ง ๆ ไม่กล้าที่จะลงจากรถในตอนนี้เลย ทำไมฉันถึงได้ขี้ขลาดแบบนี้นะ ทำใจกล้าอยู่สักพักก็ตัดสินใจกับตัวเองที่จะลงไปเผชิญกับความจริง คิดได้แค่นั้นก็ลงจากรถเดินไปตามทางเพื่อเข้าอาหารที่ตั้งเด่นตรงหน้า เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นเบา ๆ พร้อมกับคำทักทายดังขึ้นมาจากหลังเคาน์เตอร์ร้าน “ร้านมีสุขยินดีต้อนรับครับ” เสียงนุ่มนวลดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าของใครสักคนโผล่ขึ้นมาจากหลังเคาน์เตอร์พร้อมกับรอยยิ้ม แต่เมื่อเราได้มีโอกาสสบตากันรอยยิ้มนั้นก็เผยกว้างยิ่งกว่าเดิมพร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกาย “มาแล้วเหรอ?” “ค่ะ” ขานตอบ ความรู้สึกบอกแค่ว่านี่คือคนที่ฉันเพิ่งมีโอกาสคุยด้วยเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า ใบหน้าที่คล้ายกับฉันทำให้หัวใจที่เต้นรัวแรงมีความรู้สึกปวดหน่วงหวนคิดถึงอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะมี “หิวไหม?” “ยังไม่หิวเลยค่ะ” เอ่ยตอบ สายตายังจับจ้องร่างสูงที่เดินออกจากเคาน์เตอร์ร้านมาจับมือฉันและพาเดินไปยังห้องห้องหนึ่งที่อยู่บนชั้นสองของร้าน เปิดประตูเข้ามาก็เจอกับชุดโต๊ะทำงานและโซฟาเข้ามุมตัวใหญ่ “เมนูครับ ตอนเที่ยงคนเยอะน่ะเรากินข้าวบนห้องดีกว่า ดูไปก่อนนะเดี๋ยวพี่ลงไปสั่งงานก่อน” “ค่ะ” เมนูอาหารถูกเปิดดูอย่างเชื่องช้า ความรู้สึกอิ่มเอมใจแบบนี้คืออะไรกัน? ได้แต่นั่งคิดวนไปมาไม่หยุด หรือเพราะนี่เป็นครอบครัวของเจ้าของร่างความรู้สึกพวกนี้เลยเด่นชัด เพราะสายใยผูกพันของคนในครอบครัว เป็นแบบนั้นสินะความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับฉันในตอนนี้น่ะ “น่ากินทุกอย่างเลย” เมนูดูน่ากินทุกอย่างเลย ไหนจะเครื่องดื่มนี่อีก ระหว่างที่เปิดดูเมนูอยู่นั้นคนที่เพิ่งเดินออกไปก็กลับเข้ามาก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้ามฉัน “เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม?” “ค่ะ สบายดี” เอ่ยตอบกลับไปแม้จะยังรู้สึกแปลก ๆ กับคำถามนั้นอยู่บ้างก็ตาม “ดีใจนะที่ได้เจอกัน” “คือ...หนูมีเรื่องจะสารภาพแต่ไม่รู้พี่จะเชื่อไหม?” แทนตัวเองแบบนั้นเพราะอีกฝ่ายอายุเยอะกว่า ทั้งในโลกของฉันที่จากมาและในโลกนี้ฉันและเจ้าของร่าง มีอายุเท่ากันหากคนตรงหน้าเป็นพี่ชายของเจ้าของร่างนั่นหมายความว่าเขาก็เป็นพี่ของฉันด้วย “อื้อ เดี๋ยวค่อยคุยดีไหมสั่งอาหารกันเถอะเราไม่ได้กินข้าวด้วยกันนานแค่ไหนแล้วนะ” “ค่ะ แต่ช่วยฟังด้วยนะคะเรื่องที่จะเล่า” เอ่ยย้ำกับพี่เขาไป “ได้ พี่จะฟัง จะฟังทุกอย่างที่หนูเล่าทิวา” เมนูโปรดของฉันถูกยกมาเสิร์ฟจนถึงห้องทำงานของเจ้าของร้านรวมถึงเครื่องดื่มแปลกใหม่ที่ลองสั่งมาชิม ท่ามกลางสายตาแสนจะยินดีของพี่อาทิตย์ ระหว่างที่กินข้าวด้วยกันพี่อาทิตย์ก็ชวนคุณชวนถามอยู่เรื่อย ๆ เพื่อที่ฉันจะได้ไม่รู้สึกประหม่า กระทั่งกินเสร็จพนักงานจึงเข้ามาเก็บจานไปและนี่จะเป็นโอกาสครั้งแรกที่จะได้พูดคุยกับพี่อาทิตย์อย่างเป็นทางการ “คือหนูไม่รู้พี่จะเชื่อหนูไหม...” เกริ่นนำอย่างกังวล หากเล่าไปแล้วไม่รู้ว่าพี่อาทิตย์ที่เป็นพี่ชายเจ้าของร่างนี้จะรู้สึกว่ามันตลกหรือเพ้อเจ้อหรือเปล่า “พี่จะฟัง ทิวาเล่าเลย” พี่อาทิตย์เอ่ยย้ำอย่างให้กำลังใจ “คือ หนูชื่อทิวา ที่จู่ ๆ ก็มาอยู่ในร่างนี้ ร่างของน้องสาวพี่...” เอ่ยเล่าพร้อมกับลอบมองคนตรงหน้าไปด้วย “เล่าต่อได้เลย พี่ยังเราอยู่” “ค่ะ หนูก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ถึงมาอยู่ที่ร่างน้องสาวพี่ แต่ก่อนที่หนูตาย น่าจะตายนั่นแหละค่ะ เพราะมีโจรบุกเข้าบ้านแล้วใช้แจกันทุบหัวหนูแรง ๆ จนหมดสติไป ทุกอย่างมันเงียบไปหมดก่อนจะฟื้นขึ้นมาในร่างนี้ ตอนที่หัวแตกเลือดไหลข้างกายมีหนูเทียนนั่งร้องไห้อยู่...” “...” “หนูไม่รู้ว่าต้องทำยังไงให้กลับออกจากร่างนี้แล้วให้เจ้าของร่างจริง ๆ กลับมา” “...” “ทุกอย่างที่ทำ หรือแม้กระทั่งที่มาที่นี่หนูใช้ความรู้สึก ทุกอย่างคล้ายกับความคุ้นชินที่เคยทำหรือเคยมา” “...” “พี่โกรธไหมที่หนูมา แล้วตอนนี้ก็ไม่รู้เลยว่าน้องพี่อยู่ไหน...” “ทิวา...” เงียบหลายนาทีพี่อาทิตย์ถึงได้เอ่ยเรียก ฝ่ามือใหญ่ที่สั่นนั่นกำลังยื่นมาวางบนศีรษะฉันเบา ๆ ก่อนจะออกแรงลูบเบามือ “ขอบคุณ ขอบคุณที่กลับมา” “คะ?” “เปล่าหรอก ถ้าให้พูดตรง ๆ คือทั้งเราและทิวาตายพร้อมกันแล้วเราก็ตื่นขึ้นมาในร่างของทิวาใช่ไหม?” พี่อาทิตย์สรุปและถามออกมาด้วยความนิ่งเงียบ เขาไม่มีท่าทีตกใจและยังควบคุมสติทุกอย่างได้ดี “ค่ะ” “บังเอิญว่าทั้งโลกนี้และโลกที่เราจากมา เราชื่อทิวาเหมือนกันทั้งสองที่” พี่อาทิตย์ถามต่อ “ใช่ค่ะ หนูดูข้อมูลของร่างนี้ ทั้งชื่อเล่น ชื่อจริง วันเดือนปีเกิดและอายุเราเท่ากัน วา ทิวา เกิด 29 กุมภาพันธ์ 20xx ข้อมูลนี้ตรงกันมันน่าตกใจมากแต่ก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้จริง ๆ ค่ะ ขอโทษนะคะ” ยกมือไหว้ขอโทษคนอายุเยอะกว่าตรงหน้า ขอบตาพี่อาทิตย์เริ่มแดงก่ำก่อนที่หยดน้ำตาจะไหลผ่านแก้ม อีกฝ่ายรีบเช็ดออกก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ ฉันเองก็เสียใจที่หาวิธีออกจากร่างแล้วให้เจ้าของร่างจริง ๆ กลับเข้ามา “ไม่ต้องขอโทษ แต่ต่อไป ช่วยเป็นน้องพี่ได้ไหม เป็นน้องทิวา น้องวา น้องสาวของพวกพี่ได้ไหม” “พี่โอเคเหรอ?” ถามย้ำด้วยความตกใจ “โอเค เป็นน้องพี่นะ เป็นน้องสาวพี่” พี่อาทิตย์ร้องไห้ไม่คิดอายพร้อมกับกุมมือฉันไว้แน่นสลับกับพึมพำไม่หยุด ฉันปล่อยให้พี่อาทิตย์ปลดปล่อยความเครียดด้วยการร้องไห้อยู่นาน เมื่ออีกฝ่ายสงบลงฉันถึงได้ลูบที่หลังมือใหญ่เบา ๆ อย่างขอบคุณ “ถ้าอย่างนั้นหนูขอเป็นน้องสาวพี่นะคะ หนูจะดูแลหนูเทียนให้ดีที่สุด” “ขอบคุณ ถ้ามีอะไรบอกพี่นะ พี่พร้อมจะช่วยทุกอย่างน้องสาวของพี่...” แม้จะไม่เข้าใจแน่ชัด และคิดว่าพี่อาทิตย์คงจะยังทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียน้องสาวตัวเองไปแบบไม่ทันตั้งตัวเลยขอให้ฉันเป็นน้องสาว น่าจะเป็นแบบนั้น “อย่าคิดมากเลยนะ อะไรที่มันผ่านมาแล้วให้มันผ่านไป อยู่กับพวกพี่นะ เรามีพี่ชายอีกคนชื่อตะวัน...” พี่อาทิตย์เล่าให้ฟังหลังจากที่เราดึงสติกันกลับมาจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่ “ตะวันทำงานวิศวกรปิโตรเลียมนาน ๆ ถึงจะกลับขึ้นฝั่ง กำหนดการขึ้นสั่งอีกสองสามเดือนล่ะมั้ง มันอายุ 29 ปี เอาไว้เรามาทำความรู้จักกันใหม่นะทิวา” “ค่ะ” “ว่าแต่หลานพี่อยู่ไหนเหรอ? ไม่เจอนานแล้วนะ...” พี่อาทิตย์เก่งมาก เข้าใจเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อที่ฉันจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดยามพูดคุยกับเขา “ไปโรงเรียนค่ะ บ่ายสองครึ่งต้องไปรับแล้ว” “ว่าง ๆ พามาหาพี่ด้วยสิ คิดถึงมากเลย” “ได้ค่ะ เอ่อ พี่อาทิตย์คือ มีงานให้หนูทำไหมคะ?” “งาน?” คนตรงหน้าทวนถามอย่างตกใจ ก่อนจะยิ้มมุมปากน้อย ๆ และพูดกับฉันต่อ “หมายถึงงานที่ทำเหรอ?” “ใช่ค่ะ” “มาทำที่ร้านดีไหม มาทำกับพี่ ผู้จัดการร้านก็ได้พี่เองก็ดูหลายสาขากำลังหาคนมาช่วยดู” “จริงเหรอคะ?” ฉันทวนถามด้วยความดีใจ อย่างน้อยก็จะได้ทำงานมีเงิน “ใช่ แต่ต้องเริ่มสักสัปดาห์หน้านะ ให้ร่างกายเราพักสักสี่ห้าวันก่อน แต่มาทำงานแบบนี้สามีเรา...” “ที่จริง หนูไม่มีความรู้สึกแบบนั้นกับเขาหรอกค่ะ ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมารับรู้เพียงความเจ็บปวดที่ทิวารู้สึกและต้องเจอยามอยู่ที่นั่น” “พี่ดีใจจังที่หนูตาสว่างแล้ว ต้องบอกตะวันแล้วจริง ๆ” “พวกพี่ไม่ชอบเขาเหรอ?” “มันต่างหากไม่ชอบพวกเรา แต่ก็ช่างมันสิ พวกพี่บอกตลอดว่าน้องสาวและหลานพวกพี่เลี้ยงกันได้ ที่จริงจะมีบัญชีหนึ่งนะที่พี่กับตะวันโอนเงินให้หลานเป็นค่าเทอม เราสามคนส่งหลานเรียนด้วยกัน ส่วนคนเป็นพ่อพวกพี่ไม่รู้หรอกว่ายังไง ทิวาไม่เคยเล่าให้ฟังเลย” “ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่มั้งคะ เท่าที่ตื่นมาแล้วเจอ” ฉันไม่คิดปิดบัง พี่อาทิตย์พยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ตัวเองออกมาแล้วส่งเงินสดมาให้หนึ่งปึก “เอาไว้ใช้ก่อน อาจจะต้องปรับตัวเยอะหน่อยนะ แต่พี่เชื่อว่าเราจะทำได้” “มันเยอะเกินไปค่ะ” เอ่ยปฏิเสธอย่างเกรงใจ แต่เหมือนพี่อาทิตย์จะไม่เข้าใจ เพราะเขาจับมือฉันไปรับเงินพร้อมกับเอ่ยย้ำว่ามันจำเป็นจริง ๆ “จะบ่ายสองครึ่งแล้วนะ ไปรับหลานพี่ได้แล้วเดี๋ยวหลานรอ” “เอ่อ ขอบคุณนะคะ ถ้ามีเงินแล้วจะรีบคืนเลยค่ะ” “ไม่ต้องรีบ ไปได้แล้วรับรถดี ๆ นะ” “ค่ะ สวัสดีค่ะพี่อาทิตย์” ก่อนออกจากร้านฉันยกมือไหว้ลาพี่อาทิตย์ทำให้ได้รับรอยยิ้มแสนจะเอ็นดูกลับมา เมื่อกลับมานั่งที่รถได้โทรศัพท์ฉันก็สั่นรัว ๆ พร้อมกับเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้แสดงอยู่บนหน้าจอ ฉันยังไม่เคลื่อนรถออกจากที่จอดรถและเลือกที่จะรับสายที่โทรเข้ามา “สวัสดีค่ะ” เอ่ยทักปลายสายแต่เสียงที่ได้ยินทำให้ฉันอยากจะกดวางสายเสียจริง (ทำไมยังไม่กลับบ้าน ไปส่งลูกตั้งแต่เช้าแล้วนะ) “...” ฉันไม่ตอบ เพราะไม่รู้จะตอบอะไร แต่พอฉันเงียบเขาก็ยิ่งถามกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น (ถามก็ให้ตอบ อย่ามาเงียบใส่ เรียกร้องความสนใจอย่างนั้นเหรอ) “จะให้ตอบอะไร คำถามนั้นมันต้องการคำตอบด้วยเหรอคะ? นึกว่าแค่โทรมาต่อว่าเฉย ๆ เลยไม่ตอบ” ฉันถามกลับ ไม่คิดเกรงใจเลยสักนิด (ทิวา...เป็นอะไรไป) เมื่อเถียงกลับเขาถึงกับแปลกใจ น้ำเสียงอ่อนลงคล้ายกับตกใจที่ฉันมีท่าทีต่อต้านเขาแบบนี้ “ตาสว่างมั้งคะ มีอะไรอีกหรือเปล่าฉันไม่ว่างค่ะ” (กลับมากินข้าวด้วยกัน...) “พอดีมีนัดแล้วค่ะ เชิญคุณตามสบายเลยค่ะ ขออนุญาตวางสาย สวัสดีค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD