หลงรักพ่อเลี้ยง :: CHAPTER 8 [30%]

2700 Words
หลงรักพ่อเลี้ยง :: ตอนที่ 8 วันนั้นผ่านมาถึงสามวันก็ถึงวันที่ต้องจัดงานปาร์ตี้ที่พ่อเลี้ยงจะจัดขึ้น ตอนนี้บรรยากาศหน้าบ้านตรงไร่องุ่นพอดีที่เป็นที่ดินโล่งคนงานกำลังจัดตกแต่งซุ้มสำหรับงานที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้และอีกสองวันฉันก็จะเปิดเทอมแล้วด้วยนะ ตอนนี้ฉันกำลังช่วยป้าศรียกเครื่องดื่มไปให้คนงานที่จัดเตรียมใกล้จะเสร็จตรงตามบรีฟที่ฉันให้พ่อเลี้ยงดูเป๊ะเลย น่าจะเป็นวันหยุดด้วยทำให้พ่อเลี้ยงกับคุณดายืนเคียงคู่กันและสั่งคนงานให้จัดแจงโต๊ะไปตรงนั้นตรงนี้ ภาพแผ่นหลังกว้างยืนเคียงคู่กับคุณดาดูดีจนฉันเผลอยิ้มออกมา มันเป็นความรู้สึกที่ปลื้มปริ่มนะ แบบได้เห็นคนที่ตัวเองรักได้เจอกับผู้หญิงที่เพียบพร้อมอย่างคุณดา พ่อเลี้ยงดูเหมือนจะไม่ค่อยคุยกับฉันสักเท่าไหร่ตอนที่เราสองคนปรับความเข้าใจกันเรื่องที่เกิดขึ้น มันก็ควรเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกจริงๆ นั่นแหละ ถึงฉันเองจะรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจแต่มันไปในทิศทางที่ถูกต้องก็ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วง ฉันแค่มารักษาบาดแผลของตัวเองก็เพียงพอ จากนี้สิ่งที่ควรทำคืออะไรฉันรู้ดีที่สุด “น้ำค่ะพ่อเลี้ยง คุณดา” ป้าศรีเอาแก้วน้ำใบเตยส่งให้พ่อเลี้ยงกับคุณดา ฉันยืนถือถาดสบตากับพ่อเลี้ยงพลางฉีกยิ้มให้กับเขาแบบปกติ หากแต่ว่าพ่อเลี้ยงกลับเบือนหน้าหนีฉัน... เป็นแบบนี้อีกแล้ว ฉันไม่รู้ว่าพ่อเลี้ยงเป็นอะไรหรือเปล่า หลังจากนั้นพ่อเลี้ยงก็ดูเมินฉันอยู่เสมอ บางทีทำอาหารให้เขาไปกินที่รีสอร์ทเขาก็ไม่เอาหรือบางทีฉันรอกินข้าวพร้อมกับเขาเหมือนทุกวัน พ่อเลี้ยงก็จะกลับมาดึกพร้อมกับคุณดาและบอกว่ากินข้าวแล้ว พอพ่อเลี้ยงบอกว่าไม่ต้องทำอาหารให้เขาช่วงเย็น กลายเป็นว่าคุณดาเข้าครัวทำอาหารเองจนฉันเป็นลูกมือช่วยอีกที เห็นถึงความเปลี่ยนไประหว่างพ่อเลี้ยงกับฉันนับตั้งแต่วันที่พูดเรื่องการเจียมตัว ดูเหมือนพ่อเลี้ยงก็แสดงออกกับฉันเหมือนเป็นคนงานในไร่คนหนึ่งตามที่ฉันร้องขอ พอเขาทำจริงๆ ฉันก็รู้สึกเสียใจนิดนึงนะ หากแต่ว่าพอคิดไปคิดมามันก็ดีสำหรับตัวฉันแล้วล่ะ ที่สำคัญดีสำหรับฉันที่สุดเห็นจะเป็นคนงานไม่ได้มองฉันว่าจะมาเป็นนายหญิงของไร่สิงหาแล้ว กลับเชียร์คุณดากันยกใหญ่ สุดท้ายก็โดนด่าว่าหมาหัวเน่าอยู่ดี ทำอะไรก็ดูไม่ดีไปหมดเลยตัวฉัน เพราะแบบนี้ถึงอยากไปจากที่นี่ทุกวัน ทุกเวลาไง “ที่บัวออกแบบ ตรงตามนี้เลยไหม?” คุณดาเอ่ยถาม จึงทำได้เพียงพยักหน้ารับ “เก่งมากเลยนะ แล้วบัวเรียนคณะอะไรเนี่ย ฉันยังไม่รู้เลย” “บริหารธุรกิจค่ะ สาขาการตลาด” “แบบนี้ก็ดีเลยสิ เรียนจบมาจะได้ช่วยงานพ่อเลี้ยงได้” ฉันเม้มริมฝีปากสบตากับพ่อเลี้ยงที่มองหน้าฉันและหันกลับไปมองคนงานต่อพลางยกแก้วน้ำใบเตยขึ้นดื่มแก้กระหาย “หรือจะมาช่วยงานฉันที่ร้านดอกไม้ดี พ่อเลี้ยงจะอนุญาตไหมคะ?” “ไม่รู้สิครับ ต้องถามเจ้าตัว” พ่อเลี้ยงโยนคำถามของคุณดามาให้ฉัน “ผมไม่มีสิทธิ์คิดแทน” “ขอบคุณคุณดามากๆ เลยนะคะที่ใจดีกับบัว” ยกมือไหว้ขอบคุณคุณดาที่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ หากแต่ว่าคำพูดของพ่อเลี้ยงต่างหากที่ดูเหมือนประชดประชันฉันยังไงบอกไม่ถูก เรื่องที่ฉันพูดไปคงทำให้พ่อเลี้ยงไม่พอใจแน่ๆ ถึงจะไม่พอใจมันก็คือเรื่องจริงนี่นา อยากให้เขาเข้าใจฉันตรงนี้ด้วย พอจัดการธุระตรงนี้เสร็จฉันก็กลับเข้ามาในบ้านช่วยป้าศรีทำความสะอาดบ้าน รวมไปถึงขึ้นไปที่ห้องของพ่อเลี้ยงเอาเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่แล้วลงตะกร้าไปซักให้ตามปกติ ฉันนั่งคุกเข่าและแยกผ้าขาวกับผ้าสีอย่างละตะกร้า ลอบมองไปรอบๆ ห้องของพ่อเลี้ยงแจกันหัวเตียงตอนนี้ดอกไม้ที่เคยทำให้ห้องสดใสตอนนี้ปราศจากความสดใส ฉันไม่รู้จะไปเอาดอกไม้ที่ไหนและที่เพิ่งลงแปลงไปก็กว่าจะออกดอกก็ต้องรอไปก่อนอีกหลายเดือนเลย เมื่อนั่งแยกผ้าของพ่อเลี้ยงเรียบร้อยประตูหน้าห้องก็เปิดขึ้น เป็นร่างสูงใหญ่ที่สวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลอ่อนและกางเกงยีนส์สีดำพอเขาเข้ามาเห็นฉันนั่งแยกเสื้อผ้าอยู่ พ่อเลี้ยงก็เดินไปยังลิ้นชักหัวเตียงหยิบกุญแจรถและมือถือ “เอาเสื้อผ้าลงไปให้ป้าศรีซัก แล้วไปแต่งตัว” “จะไปไหนเหรอคะ?” “ฉันกับคุณดาจะไปรีสอร์ท สั่งอาหารสำหรับเลี้ยงแขกพรุ่งนี้” “บัวไม่...” “คุณดาอยากให้เธอไปด้วย” กำลังจะปฏิเสธเพราะไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอพวกเขาสองคน พอคุณดาเป็นคนบอกว่าจะให้ฉันไปด้วย ไม่รู้จะให้ไปทำไมฉันก็ลุกขึ้นเอาตะกร้าสองใบซ้อนกันเดินออกจากห้องพ่อเลี้ยงลงบันไดเพื่อเอาเสื้อผ้าไปให้ป้าศรีปั่น ส่วนตัวเองก็ตรงเข้ามาในห้องสวมเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์รัดรูปสะพายกระเป๋าผ้าวิ่งมาหาพ่อเลี้ยงกับคุณดาที่รออยู่ก่อนแล้ว ฉันขึ้นมานั่งด้านหลังและแน่นอนว่าความเงียบก็เข้ามาปกคลุมระหว่างฉันกับพ่อเลี้ยงทันที มีเพียงคุณดาที่พูดคุยกับเขาเรื่องงานพรุ่งนี้ ลอบมองใบหน้าหล่อเหลาและเบนสายตามองวิวข้างทาง “ใกล้เปิดเทอมแล้ว ปกติบัวเดินทางไปยังไง?” “ปกติแม่ไปส่งบัวที่มหาลัยค่ะ แต่น่าจะต้องให้ลุงโตไปส่งในเมืองแล้วนั่งรถสองแถวเข้ามหาลัยอีกทีค่ะ” เพราะว่านั่งรถสองแถวแค่ห้านาทีก็ถึงมหาลัยแล้ว ส่วนตอนเย็นก็ให้จอมกับปูเป้มาส่งได้ เพื่อนฉันก็ยินดีเสมอนั่นแหละ “งั้นเอาแบบนี้ไหม ฉันอาสาไปส่งเธอเองที่มหาลัย” “มะ ไม่ดีมั้งคะ เวลาเรียนแต่ละวันไม่ตรงกัน คุณดาต้องดูแลร้านดอกไม้ด้วย” ฉันอยากทำให้มันยุ่งยากไง อย่างที่บอกต้องอยู่แบบเจียมตัว อะไรที่พึ่งพาตัวเองได้ก็ต้องทำ “บัวจัดการตัวเองได้ค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง” “พ่อเลี้ยงล่ะคะ?” “แล้วแต่เจ้าตัวครับ” อีกแล้ว... ถ้าเป็นปกติพ่อเลี้ยงคงบอกว่าจะไปส่งฉันเอง ตอนนี้กลายเป็นว่าถ้าฉันจะทำอะไรก็คือทำได้หมด พ่อเลี้ยงแล้วแต่ฉันไม่ขัดและปล่อยให้ฉันเป็นเหมือนคนงานในไร่ทั่วไปอย่างที่ฉันต้องการ มันก็ดีแล้วนี่นา ฉันจะได้หัดทำอะไรด้วยตัวเองเวลาไม่มีเขาอยู่ข้างๆ ฉันจะได้ใช้ชีวิตของตัวเองเดินหน้าต่อไปได้ “ไม่เป็นห่วงบัวเหรอคะ” คำถามของคุณดาทำให้พ่อเลี้ยงเงียบไปทันที “ถ้างั้นก็แล้วแต่บัวเลยนะ แต่มีอะไรก็ปรึกษาฉันได้เสมอเลย” “ขอบคุณค่ะคุณดา” ยกมือไหว้ขอบคุณคุณดาและลอบมองใบหน้าหล่อเหลาด้านข้างที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาขับรถตรงไปยังรีสอร์ท บรรยากาศชวนให้อึดอัดเหลือเกิน พ่อเลี้ยงเปลี่ยนไปมาก เขาไม่พอใจหรือเปล่านะที่ฉันพูดจาแบบนั้นใส่ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็อยากจะขอโทษพ่อเลี้ยงจากใจจริง แค่ไม่อยากทำตัวเสมอกับเขามันไม่น่าจะผิดใช่หรือเปล่า? ถึงพ่อเลี้ยงจะบอกเสมอว่าไม่ต้องคิดเรื่องนี้ หากแต่ว่าใครบ้างจะไม่คิดล่ะ ฉันอยู่ที่นี่ไม่มีสถานะอะไรอีกต่อไปแล้วรวมไปถึงลูกเลี้ยงของเขาอะ การอยู่แบบเจียมตัวมันดีสำหรับฉันและตัวของเขานะ ใครต่อใครจะได้มองเราสองคนไม่ต้องมองเชิงชู้สาวอีกต่อไปแค่มองพ่อเลี้ยงกับคุณดาแบบนั้นน่าจะดีที่สุด แสงไฟระยิบระยับให้ความรู้สึกสดชื่น พร้อมกับสายลมที่ทำให้ผ้าบางๆ ที่เป็นซุ้มปลิวไสวตามแรงลม ฉันยืนมองบรรยากาศในงานปาร์ตี้ธุรกิจของพ่อเลี้ยงที่มีแขกหลายคนมาร่วมงาน แน่นอนว่ามีเพื่อนๆ ของพ่อเลี้ยงมาร่วมงานเพื่อพูดคุยกิจการที่กำลังเติบโตของพ่อเลี้ยง ฉันยืนอยู่ตรงโต๊ะที่มีน้ำหลากสีให้แขกได้ดื่มกินเพื่อพูดคุยกันไปด้วย โดยมีป้าศรีที่นั่งคอยดูแลความสะดวกให้กับแขก สายตาของฉันลอบมองร่างสูงใหญ่ที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนข้างกายของมีร่างบอบบางของคุณดาที่สวมชุดเดรสเกาะอกสีฟ้าอ่อนยืนคุยกับนักธุรกิจคนสำคัญด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่ต่างจากพ่อเลี้ยง “พ่อเลี้ยงกับคุณดา เป็นคู่สร้างคู่สมกันจริงๆ เลยนะคะคุณบัว” “ใช่ค่ะ เหมาะสมกันมาก” มองกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อเลย พวกเขาดูเหมาะสมกันจนฉันไม่อยากจะคิดว่าทำไมพ่อเลี้ยงถึงเลือกมองแม่แทนการมองคุณดากันนะ โอเคแม่ฉันสวยและพูดจาหวานหยด พ่อเลี้ยงอาจจะชอบแนวแบบแม่ฉันก็ได้ หากแต่ว่าพอเอาความเหมาะสมจริงๆ คุณดาน่ะเหมาะที่จะเป็นนายหญิงของไร่สิงหามากกว่าแม่ฉันล้านเท่า เพราะว่าแม่น่ะไม่มีอะไรเหมาะสมกับพ่อเลี้ยงเลย แค่ความรักที่พ่อเลี้ยงมีให้แม่ยังไม่พอใจเลยถึงต้องขั้นไปมีชู้ทั้งที่พ่อเลี้ยงก็ดีแสนดีขนาดนี้ เฮ้อ แถมยังทิ้งฉันไว้อีกต่างหาก แม่นะแม่... เกลียดฉันขนาดนั้นทำไมถึงไม่ปล่อยฉันให้อยู่แบบตามมีตามเกิดก็ไม่รู้ งานดำเนินต่อไปด้วยเสียงพูดคุย ฉันกับป้าศรีก็นั่งคุยกันเพื่อคอยดูแลแขก โดยมีคุณภูฤทธิ์ที่แวะมาคุยกับฉันเรื่องเรียนกับชมเรื่องงานวันนี้ที่ฉันเป็นคนออกแบบ “ไอ้สิงหายหัวไปไหนเนี่ย” คุณเวทิตเดินมากอดคอคุณภูฤทธิ์ เอาจริงฉันก็เพิ่งสังเกตว่าพ่อเลี้ยงไม่ได้อยู่ในงาน “เห็นมันบอกว่าจะเข้าไปกินน้ำไม่ใช่เหรอ? สงสัยเริ่มกรึ่มๆ” “ไอ้เวร นักธุรกิจรอนานแล้วเดี๋ยวโปรเจกต์ก็ล่มกันพอดี” “เอ่อ งั้นเดี๋ยวบัวไปตามพ่อเลี้ยงให้นะคะ” “ขอบคุณครับหนูบัว” ฉันค้อมศีรษะให้กับคุณเวทิตที่ฉีกยิ้มกว้างและหมุนตัวกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าไปในบ้านที่เงียบสงัด มองหาพ่อเลี้ยงก็ไม่เห็นเขาเลยจะว่าอยู่บนห้องก็ไม่น่าใช่เพราะเขาบอกว่าจะเข้ามาดื่มน้ำ ดังนั้นฉันก็เลยเลือกเดินไปด้านหลังครัว พอโผล่เข้าไปในครัวเห็นร่างสูงกำลังยืนเอามือยันกำแพงไว้และแน่นอนว่าภาพตรงหน้าทำให้ตกใจจนแทบจะลืมหายใจ เมื่อพ่อเลี้ยงโน้มใบหน้าประทับจูบบนกลีบปากของคุณดาอย่างแนบแน่น เธอโอบกอดลำคอแกร่งและบดเบียดริมฝีปากของตัวเองจูบตอบเขาอย่างดูดดื่ม ภาพนั้นทำให้ดวงตาของฉันเบิกกว้างพร้อมคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆ รีบขยับตัวหนีภาพนั้นด้วยการยืนหลบมุมตรงทางเข้า ยกมือทาบทับตรงตำแหน่งหัวใจของตัวเองที่เต้นช้าลงเรื่อยๆ ภาพนั้นและเสียงจูบดังเล็ดลอดเข้ามาในโสตประสาทจนฉันทำอะไรไม่ถูก มือไม้สั่นระรัวรีบสาวเท้าเดินออกจากครัวและตรงเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง จากนั้นฉันก็ยกมือปิดปากตัวเองทันทีเพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาให้ใครต่อใครได้ยิน “ฮึก ฮือ” ภาพนั้นยังคงซ้อนทับเข้ามาแม้ว่ายังหลับตาเพื่อสลัดมันทิ้งไป ริมฝีปากแดงคล้ำที่เคยจูบฉัน... แม้จะเป็นจูบที่ไม่ได้ตั้งใจ เป็นจูบปลอบใจและเป็นจูบที่ฉันอยากได้มันอีกครั้ง ณ ตอนนี้เขากลับมอบจูบให้กับคุณดาอย่างดูดดื่มราวกับว่าทั้งสองคนรอคอยความรู้สึกนี้มานานแค่ไหน ยิ่งชัดเจนกว่าเดิมว่าความสัมพันธ์ของพวกเขามันไปในทิศทางไหน ฉันกัดริมฝีปากล่างของตัวเองจนเจ็บหนึบปลดปล่อยน้ำตาให้รินไหลออกมาด้วยความเสียใจ ทั้งที่บอกตัวเองอยู่เสมอว่าควรหักห้ามใจ ไม่ได้เลย ฉันไม่เคยหักห้ามใจหรือหักห้ามความรู้สึกที่มีต่อพ่อเลี้ยงไปได้เลย ฉันทรุดตัวลงนั่งพิงประตูชันเข่าขึ้นพลางร้องไห้ออกมาราวแทบขาดใจ ทั้งที่ต้องการให้เขาสองคนลงเอยกันพอเห็นภาพบาดตาบาดใจแบบนี้ บางทีฉันเองก็ทนไม่ได้เหมือนกัน เพราะแบบนี้ฉันถึงไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว “อึก พอได้แล้ว เลิกร้องสักที” บอกตัวเองพลางยกมือทุบหัวใจที่เจ็บแปลบราวกับมีเข็มนับหมื่นๆ เล่มทิ่มแทงเข้ามาไม่ยั้ง พอทุบอยู่นานจนมันเจ็บฉันก็เลิกทุบ ใช้หลังมือปาดน้ำตาของตัวเองและตรงเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา จ้องมองตัวเองในกระจกเพื่อสั่งให้เลิกเสียใจ เลิกร้องไห้สักที สุดท้ายมันก็มีแค่เธอนะที่เสียใจเพราะพ่อเลี้ยงไม่ได้รับรู้ความรู้สึกของเธอแม้แต่นิดนะบัว เขาได้เจอกับรักดีๆ อย่างคุณดาก็ควรแสดงความยินดีด้วยไม่ใช่มาร้องไห้ฟูมฟายเป็นบ้าแบบนี้ เมื่อดึงสติของตัวเองตบหน้าตัวเองหลายต่อหลายครั้ง ฉันก็ออกจากห้องตรงกลับมาที่งานมองพ่อเลี้ยงกับคุณดาที่นั่งเคียงคู่กันคุยกับนักธุรกิจคนสำคัญราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่เมื่อกี้พวกเขายังจูบกันดูดดื่มอยู่เลย “หายไปไหนมาคะ?” “พอดีบัวปวดท้องน่ะค่ะ ก็เลยไปเข้าห้องน้ำ” “อ้าว เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ” “หายแล้วค่ะ” ตอบป้าศรีฉันก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างท่านพลางส่งยิ้มให้ว่าไม่ได้เป็นอะไรมากจนป้าศรีเป็นห่วง “วันที่บัวไปมหาลัย รบกวนป้าศรีบอกลุงโตให้ไปส่งบัวที่ท่ารถในเมืองทีนะคะ” “ได้ค่ะ แล้วตอนกลับล่ะคะให้ตาโตไปรอรับด้วยไหม?” “ไม่เป็นไรค่ะ บัวกลับเองได้เผื่อว่าเพื่อนๆ ของบัวอาจจะมาส่งก็ไม่เป็นไร ถ้าไม่ก็นั่งรถสองแถวมาลงที่หน้าไร่ได้” เพราะมีรถสองแถวเข้าออกไร่ตลอดก็เลยไม่ลำบากเรื่องการเดินทาง “ตั้งใจเรียนนะคะ เรียนจบจะได้มาช่วยงานพ่อเลี้ยงได้ค่ะ” ป้าศรีจับมือฉันบีบเบาๆ เพื่อให้กำลังใจฉันที่เหมือนอยู่ตัวเดียวมาตลอด ญาติที่ไหนก็ไม่มีจะมีก็แม่คนเดียวแต่เป็นตายร้ายดียังไงฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีก็อยากให้แม่โทรติดต่อมานะแล้วบอกว่าจะมารับฉันไปอยู่ด้วย ต่อให้พ่อเลี้ยงหรือสามีใหม่แม่จะเป็นคนแบบไหน อย่างน้อยก็ได้อยู่กับแม่ดีกว่าเพราะแม่ก็คือญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของฉันด้วย ตอนแรกหัวชนฝาว่าถ้าแม่มารับจะไม่ไป ตอนนี้ต้องคิดใหม่ทั้งหมด ฉันไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ทั้งที่ตัวเองเป็นแค่คนงานในไร่คนหนึ่ง ไม่ได้มีแม่คลุมกะลาหัวแล้วไง ก็เหมือนเด็กคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากชีวิตที่เหลืออยู่แบบไร้ค่าสุดๆ [30%] *-------------------------------------------*
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD