งานเลี้ยงผ่านไปค่อนคืนเป็นเวลาเที่ยงคืนกว่านิดๆ ฉันกับป้าศรีก็ช่วยกันเก็บของที่แขกกินวางไว้บนโต๊ะและช่วยป้าศรีล้างในครัวจนดึกดื่น ฉันก็เลยบอกให้ป้าศรีกลับไปพักผ่อนเพราะท่านเองก็แก่แล้ว ตอนแรกป้าศรีก็ไม่ยอมนะ จนฉันขอร้องว่าฉันทำเองได้เหลือแค่ไม่เยอะก็เสร็จแล้ว นั่นแหละป้าศรีถึงยอมไป พอเข้ามาในครัวภาพที่เห็นพ่อเลี้ยงจูบกับคุณดาก็เข้ามาในหัวจำต้องสลัดมันทิ้งไป
“ยังไม่นอนอีกหรือไง?”
“!” ตกใจสุดขีดเกือบทำจานหลุดมือซะแล้ว หันไปมองร่างสูงใหญ่ที่เปลือยท่อนบนสวมแค่กางเกงผ้าบางสีดำตัวเดียวเท่านั้น พ่อเลี้ยงยืนพิงขอบประตูทางเข้าและยกแขนทั้งสองพาดอกมองฉันด้วยสายตาเรียบนิ่ง “บัวล้างจานเสร็จก็จะเข้านอนแล้วค่ะ”
“...” ตอบคำถามเขาก็เงียบ
“พ่อเลี้ยงอยากดื่มอะไรหรือเปล่าคะ บัวจะได้ทำให้”
“ชามะลิ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวบัวยกขึ้นไปให้ที่ห้องนะคะ”
“ฉันจะรอที่โซฟา” พูดจบก็หมุนตัวเดินจากไป ฉันจัดการชงชามะลิให้กับพ่อเลี้ยงลงแก้วเซรามิคสีดำรอไม่นานกลิ่นหอมของชามะลิก็โชยแตะจมูก ฉันจึงถือจานรองแก้วชาออกมาเห็นพ่อเลี้ยงนั่งตวัดขาไขว่ห้างอยู่ตรงโซฟา ทิ้งตัวนั่งคุกเข่าบนพื้นพรมและวางแก้วดันไปตรงหน้าพ่อเลี้ยงที่หรี่สายตามองมาไม่วางตา
“งานเลี้ยงคุยธุรกิจของพ่อเลี้ยง ผ่านไปได้ด้วยดีไหมคะ?” เพราะมันเงียบเกินไป ฉันก็เลยถามเรื่องที่ไม่ควรถาม เขาหยิบแก้วเซรามิคขึ้นและจิบชามะลิ
“ดี” ความห่างเหินและความห่างไกลของเราสองคนดูเหมือนมีเส้นขนานกั้นอยู่จริงๆ นับตั้งแต่ฉันพูดเรื่องนั้นไปสินะ ฉันเม้มริมฝีปากตัวเองจิกนิ้วลงบนกางเกงวอร์มสีเทา “ขอบใจที่เธอมีส่วนช่วยให้มันผ่านไปได้ด้วยดี”
“บัวยินดีค่ะ” ตอบเขาพลางหลุบสายตามองมือที่เปลี่ยนจากจิกบนหน้าขาเป็นกอบกุมเข้าหากัน
“ฉันขอโทษ”
“พ่อเลี้ยงขอโทษบัวเรื่องอะไรคะ?” มึนงงไม่น้อยที่จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมาว่าขอโทษทั้งที่ตัวเองไม่ได้ผิดอะไร
“ที่ไม่ค่อยได้พูดกับเธอ”
“บัวไม่เคยโกรธพ่อเลี้ยงนะคะ เพราะบัวรู้ว่าพ่อเลี้ยงงานยุ่ง”
“เมื่อก่อนยุ่งแค่ไหนก็หาเวลาคุยกันได้” ใช่ เมื่อก่อนน่ะอะไรๆ มันก็ดีไปหมด แต่พอฉันเปลี่ยนไปเท่านั้นล่ะ ทุกอย่างก็เลยแปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง “ช่างเถอะ เธอไปนอนได้แล้ว ต้องไปเรียนพรุ่งนี้แล้วนี่นา”
“ค่ะ”
“มีเรียนกี่โมง?”
“เก้าโมงเช้าค่ะ บัวบอกให้ลุงโตไปส่งที่ท่ารถในเมือง” พ่อเลี้ยงมองหน้าฉันนิ่งนานหลายนาทีจนเป็นฉันเองที่ลุกขึ้นเตรียมตัวไปนอนเพื่อไปเรียนในวันพรุ่งนี้ “บัวขอตัวนะคะ”
ไม่รอให้พ่อเลี้ยงพูดอะไรต่อ ฉันก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินตรงเข้ามาในห้องพลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ไม่เคยอึดอัดขนาดนี้มาก่อนเลย ทำไมทุกอย่างมันถึงได้เปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้นะ เปลี่ยนไปมากซะจนฉันตั้งรับไม่ทันแล้วจริงๆ
รักแรกของฉัน... มันเจ็บปวดขนาดนี้เลยเหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นฉันยอมไม่รู้จักความรักดีซะกว่า เพราะการแอบรักข้างเดียวมันเจ็บมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นรักแรกของฉันด้วยแล้วก็ยิ่งเจ็บมากกว่า
ในที่สุดวันเปิดเทอมก็มาถึงสักที ฉันมาถึงมหาลัยได้อย่างปลอดภัยและการเดินทางเองมันดีแบบนี้เองนะทุกคน ปกติฉันมักจะเป็นเหมือนลูกคุณหนูที่ต้องมีคนคอยรับคอยส่งนึกออกไหม? พอแม่ไม่อยู่ปุ๊บ ฉันก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องเริ่มหัดโตได้สักที เวลาออกไปใช้ชีวิตข้างนอกฉันจะได้มีภูมิคุ้มกันดูแลตัวเองได้ ซึ่งการไปไหนมาไหนคนเดียวมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด อาจจะเพราะพื้นที่บริเวณนี้มีแต่คนรู้จักกันทั้งนั้น แม้แต่ลุงที่ขับรถสองแถวเห็นฉันก็ยังทักทายกันเลยว่าฉันมาจากไร่สิงหายกเว้นก็แต่ดีหน่อยที่ไม่ทักฉันเรื่องแม่ เป็นพวกปากมากก็จะเหน็บแนมฉันเรื่องแม่แน่นอน ราวกับฉันเป็นคนผิดซะงั้น
เปิดเทอมขึ้นชั้นปีที่สองแล้ว แน่นอนว่าการเรียนก็จะขยับขึ้นไปอีกเท่าตัว เริ่มจะเรียนหมวดวิชาเฉพาะเช่นด้านการจัดการการผลิต การเงินธุรกิจ วิชาศึกษาทั่วไปตามกลุ่มสาระเช่นศาสตร์แห่งผู้ประกอบการ และเริ่มเรียนวิชาการโฆษณา เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้ยากและไม่ได้ง่ายสำหรับฉันเลย ถึงต้องตั้งใจเรียนให้ได้ความรู้เพื่อเอาไปปรับใช้พัฒนาตัวเองในอนาคตที่บางทีฉันอาจจะไม่โอกาสได้ทำงานกับพ่อเลี้ยงก็ได้
“วันนี้มายังไงอะ?”
“นั่งรถสองแถวมา” ตอบปูเป้ที่เดินมานั่งโต๊ะหินอ่อนหน้าคณะพลางทำหน้างุนงง
“พ่อเลี้ยงสิงไม่ได้มาส่งเหรอ”
“พ่อเลี้ยงงานเยอะจะตาย ฉันพึ่งพาตัวเองได้ก็ต้องทำ” มองเพื่อนพลางหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดอ่านทบทวนการเรียนสำหรับเทอมใหม่ ตั้งใจไว้แล้วว่าต้องเรียนให้เก่งเพื่อพัฒนาตัวเองในอนาคต เริ่มได้เลยนะบัว “แกก็รู้ว่าฉันอยากออกจากไร่เขาทุกวัน จะให้เขามาคอยตามรับตามส่งมันก็ไม่ได้”
“ก็จริง งั้นเดี๋ยวเลิกเรียนไปร้านเสริมสวยเป็นเพื่อนหน่อย อยากทำเล็บเดี๋ยวให้จอมไปส่ง”
“ถ้าไม่ดึกมาก คิวรถมีวิ่งเข้าไร่ก็ส่งฉันที่คิวรถสองแถวดีกว่า เกรงใจจอม”
บอกปูเป้ที่พยักหน้ารับจากนั้นเราสองคนก็นั่งคุยกันและเตรียมตัวเข้าคลาสเรียนที่มีถึงบ่ายแก่ จอมเข้าคลาสสายตลอดและต้องขอบอกเลยนะว่าหมอนี่ตื่นสายสุดๆ เกือบโดนอาจารย์เล่นงานแล้วถ้าไม่ติดว่าหมอนี่เรียนเก่งนะ เวลาล่วงเลยมาถึงบ่ายแก่เลิกคลาสเสร็จ จอมก็ขอตัวไปหาสาวที่คุยๆ กันอยู่คนละมหาลัย ที่สำคัญอยู่ไกลจากมหาลัยพวกเรามากยังอุตส่าห์ขับรถไปได้อะคิดดูก็แล้วกัน
“แกไม่ตัดผมหน่อยเหรอ ผมยาวแล้วนะบัว”
“ตัดผมเหรอ?” เมื่อมาถึงร้านเสริมสวย ฉันก็มองปูเป้กำลังให้ช่างนั่งทำเล็บให้อยู่พร้อมเลือกสีเล็บเรียบร้อย ฉันมองตัวเองในกระจกก็พบว่าผมสีดำของตัวเองยาวจริงๆ นั่นแหละ แถมไม่เข้าทรงแล้วด้วย
“ตัดเลย เหมือนได้เริ่มอะไรใหม่ๆ” คำพูดของปูเป้ทำให้ฉันเลิกคิ้วขึ้น ได้เริ่มอะไรใหม่ๆ งั้นเหรอ? เห็นด้วยกับเพื่อนนะเนี่ย แต่ว่าก็ไม่รู้จะตัดทรงไหนนี่สิ ปูเป้ยื่นมือถือของตัวเองมาตรงหน้า “ทรงนี้เลย เหมาะกับแก”
“อืม”
“พี่คะ ตัดผมให้เพื่อนหนูหน่อยค่ะ ขอทรงนี้เลยนะคะ”
“ได้ค่ะ เชิญสระผมก่อนนะคะ”
ฉันลุกขึ้นเดินตามช่างเพื่อสระผมก่อนอันดับแรก จากนั้นก็มานั่งหน้ากระจกเพื่อให้ช่างตัดผมให้สั้นปะบ่า ช่างบอกว่าทรงนี้จะเป็นสไตล์ทรงผมสไลด์เลเยอร์ปะบ่าและตัดหน้าม้าแบบซีทรูให้ฉันด้วย เนื่องจากตอนแรกผมฉันจะเป็นทรงแบบแสกกลาง พอใช้เวลาตัดผมประมาณครึ่งชั่วโมงช่างก็เอาผมเหน็บข้างใบหูให้และฉีกยิ้มให้ฉันผ่านกระจก
“สวยมากเลยค่ะ”
“โอ้โหบัว แกสวยเวอร์อะเพื่อน” หันไปมองปูเป้ที่ยกนิ้วโป้งให้ซึ่งทาสีเล็บเป็นสีชมพูอ่อนเสร็จแล้วหนึ่งข้าง
“หรือจะมัดแบบให้ดูยุ่งๆ ก็สวยเก๋ไปอีกแบบนะคะ แต่ทรงนี้ไม่ว่าจะทำแบบไหนก็สวยหมดค่ะ หนูสวย”
“ขอบคุณนะคะ” เอ่ยขอบคุณช่างที่ชมฉันว่าสวยแบบนั้นแบบนี้ พอได้ตัดผมก็รู้สึกโล่งหัวมากบอกตามตรง ไม่เคยตัดผมสั้นมาก่อนเลยในชีวิตปกติจะไว้ผมยาวอยู่ตลอด เราสองคนอยู่ร้านเสริมสวยจนถึงเย็นปูเป้ก็พาฉันมากินไอศกรีมในเมืองที่ผู้คนเริ่มพลุ่กพล่าน กระทั่งออกมามองท้องฟ้าที่มืดมิดตามกาลเวลา พ่อของปูเป้มารับเพื่อนเพื่อมาส่งฉันที่ท่ารถคิวสุดท้ายพอดี มองนาฬิกาจากหน้าจอมือถือก็พบว่าใกล้จะหนึ่งทุ่มแล้ว “ขอบคุณนะคะคุณพ่อ ไปก่อนนะแก”
“หนูแน่ใจนะว่าจะไม่ให้พ่อไปส่งหนูที่ไร่สิงหา”
“นั่นสิ มันก็ดึกแล้วนะบัว”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อ กว่าจะไปถึงไร่ก็นาน เสียเวลาคุณพ่อขับไปขับกลับด้วย” ส่งยิ้มหวานให้กับพ่อของปูเป้ที่พยักหน้ารับราวกับเป็นห่วงที่ฉันต้องนั่งรถสองแถวกลับไร่คนเดียว “ถึงไร่ฉันจะส่งข้อความบอก”
“ต้องส่งนะบัว ฉันจะได้ไม่เป็นห่วง”
“อืม”
ฉันโบกมือบ๊ายบายเพื่อนและลงจากรถวิ่งขึ้นไปนั่งบนรถสองแถวซึ่งกำลังจะออกในอีกไม่กี่นาที มีคนมานั่งเป็นสองแม่ลูกซึ่งระหว่างนั่งรถไปฉันก็มองแม่ลูกคู่นี้ที่ดูน่ารักมากๆ คนเป็นแม่กอดลูกสาวแน่นเพราะอากาศช่วงเย็นแถวนี้จะหนาวมาก นั่งมาเรื่อยๆ สองแม่ลูกก็ลงก่อนถึงไร่สิงหา ซึ่งรถสองแถวใช้เวลาประมาณสิบนาทีก็มาจอดตรงหน้าไร่เวลาหนึ่งทุ่มครึ่งพอดี ฉันยื่นเงินให้กับลุงคนขับที่ขับตรงออกไป กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาในไร่ที่สองข้างทางเปิดไฟเป็นทางเพื่อสะดวกในการขับเข้าขับออกในไร่ พอฉันวิ่งมาถึงหน้าบ้านก็เห็นร่างสูงใหญ่ที่สวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลเข้มกับกางเกงยีนส์สีดำเดินเท้าเอวไปมาอยู่หน้าบ้าน พร้อมๆ กับป้าศรีที่ชะโงกหน้ามามองทางอยู่ตลอดเวลา
“พ่อเลี้ยงคะ คุณบัวกลับมาแล้วค่ะ” ป้าศรีบอกพ่อเลี้ยงที่หยุดเดินวนไปมาให้หันมามองฉันที่รีบวิ่งมาหยุดตรงหน้าเขาพลางยกมือไหว้พ่อเลี้ยงและป้าศรี
“ทำไมถึงได้กลับดึกขนาดนี้ เลิกเรียนบ่ายสามไม่ใช่เหรอบัว?”
“คือว่าบัว...”
“เหลวไหลใหญ่แล้วนะ ทำไมจะกลับดึกไม่โทรบอกฉัน แล้วนี่ไปไหนกับใคร ไปทำอะไรมา”
[70%]
*--------------------------------------------------*