หลงรักพ่อเลี้ยง :: CHAPTER 7 [100%]

2277 Words
พ่อเลี้ยงพูดจบเขาก็เดินสวนฉันเข้าไปในบ้าน ฉันที่ได้รับคำสั่งจากเขาก็เลยพาเพื่อนไปเดินเล่นที่ไร่ แม้ว่าฝนกำลังตกในไม่ช้านี้ก็ตามที ฉันมองจอมกับปูเป้ที่เดินมาถึงไร่องุ่นจะพาไปฟาร์มวัวสุดท้ายก็ยอมแพ้เพราะเหนื่อยกันแล้ว ดังนั้นก็เลยมาหยุดตรงแปลงดอกไม้แทนซึ่งปูเป้ขอไปนั่งพักกินน้ำลำไยกับคุกกี้ต่อ ส่วนฉันกับจอมก็นั่งยองๆ ดูดอกทิวลิปแล้วก็ดอกกุหลาบที่เพิ่งจะลงเสร็จวันนี้ “เดี๋ยวนะ ฮ่าๆ” “หัวเราะอะไร?” จู่ๆ จอมก็หัวเราะออกมาดังลั่นพลางชี้หน้าฉัน “อะไรจอม!” “แมลงติดหัวอะดิ” “เอาออกให้เลย นั่งหัวเราะได้นะคนเรา” บ่นเพื่อนที่ยังคงหัวเราะจากนั้นก็หยิบแมลงออกจากศีรษะฉัน เห็นบอกว่ามีเกาะสามตัวเห็นจะได้ จากนั้นจอมก็โน้มใบหน้าขึ้นเป่าลมบนเส้นผมฉันและใช้มือปัดเบาๆ “หมดยัง” “เรียบร้อย นึกว่าเหา” “เหาบ้าอะไร ถ้าติดฉันคงติดจากนายนั่นแหละ เมื่อกี้เอาหัวมาชิดขนาดนั้น” ฟาดมือลงบนท่อนแขนแกร่งจนจอมลูบขึ้นลงด้วยความเจ็บปวด จอมจึงหันกลับไปดูต้นดอกทิวลิปและบอกว่าที่บ้านก็ปลูกไว้ด้วยออกดอกสวยมาก ฉันถอนหายใจพลางรู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งที่มองจ้องมองมา พอหันกลับไปมองคิดว่าเป็นปูเป้แต่เพื่อนกลับนั่งเล่นมือถือถึงขั้นทิ้งตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอนบนพื้นทางขึ้นบ้านด้วยซ้ำ ไม่ได้สนใจฉันกับจอมแม้แต่นิด หากแต่ว่าสายตาที่ฉันคาดไม่ถึงก็คือ... สายตาของพ่อเลี้ยงที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์มองฉันผ่านบานหน้าต่างกระจก พอเห็นพ่อเลี้ยงฉันก็ฉีกยิ้มให้พลางยกมือโบก ทว่าร่างสูงก็หมุนตัวเดินหายไป “อ้าว” “เป็นอะไร?” “เปล่า” ตอบจอมและหันมาคุยกับเพื่อนเรื่องดอกไม้ต่อ พอนั่งได้ไม่นานฝนที่คิดว่ายังคงไม่ตกก็ดันตกลงมาเล็กน้อย ทำให้ฉันกับจอมวิ่งเข้ามาหลบตรงหน้าบ้านมองท้องฟ้าที่มืดครึ้มน่ากลัวและลมพัดค่อนข้างแรงอีกต่างหาก “กลับกันเถอะ ฉันอยากกลับบ้านแล้ว” “เออ งั้นฉันกลับก่อนนะบัว เจอกันที่มหาลัยวันเปิดเทอม” “ไม่ชวนเพื่อนเธอกินข้าวเย็นด้วยกันก่อนล่ะบัว” น้ำเสียงเข้มแหบพร่าและร่างสูงใหญ่ของพ่อเลี้ยงเดินออกมาเรียกรั้งพวกเราไว้ก่อน คำเชิญชวนของพ่อเลี้ยงทำให้จอมและปูเป้มองหน้ากันเลิ่กลั่ก “ฉันให้ป้าศรีจัดโต๊ะอาหารไว้แล้ว” “เอาไงเป้” “ตกลงค่ะ พ่อเลี้ยงชวนทั้งทีก็ขอฝากท้องด้วยนะคะ” ปูเป้ตอบตกลงทั้งที่เมื่อกี้ยังอยากจะกลับบ้านไปนอนแล้วแท้ๆ อาจจะเพราะผู้ใหญ่เรียกกินข้าวปฏิเสธก็คงจะเสียน้ำใจ ดังนั้นฉันก็เลยยักไหล่มองจอมกับปูเป้ที่เดินตามพ่อเลี้ยงเข้าไปในบ้าน บนโต๊ะอาหารมีอาหารที่ป้าศรีเพิ่งทำสดๆ ร้อนๆ มาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้สิ ถ้ามาป้าศรีก็คงจะเข้าทางด้านหลังครัวนั่นแหละ พ่อเลี้ยงทิ้งตัวนั่งเก้าอี้หัวโต๊ะ ขวามือจะเป็นฉันและจอม ตรงข้ามเป็นปูเป้ที่กวาดสายตามองอาหารภาคกลางและเหนือของโปรดพ่อเลี้ยงทั้งนั้นเลยแต่ละอย่าง “ตามสบายนะ” พอพ่อเลี้ยงเป็นฝ่ายเปิด ฉันก็ตักอาหารลงบนจานให้กับพ่อเลี้ยงก่อนอันดับแรก “บัวอยู่มหาลัยเป็นยังไงบ้างล่ะ” “ไม่ค่อยสุงสิงกับใครหรอกครับนอกจากพวกผม” จอมเป็นคนตอบและสะกิดให้ฉันตักทอดมันกุ้งให้เขาบ้างเพราะมันอยู่ไกลเพื่อนเอื้อมไม่ถึง “ดูนายสนิทกับบัวมากเลยนะ” “สนิทมากเลยค่ะ เราเป็นเพื่อนกันมานานด้วย อาจจะเพราะบัวไม่ค่อยมีเพื่อนก็เลยสนิทกับเราสองคน” คำตอบนี้เป็นของปูเป้ที่ตักอาหารกินพลางทำตาโตด้วยความอร่อยจากฝีมือของป้าศรีคนดีคนเดิม “ขนาดมีหนุ่มมาจีบก็ปฏิเสธ” “ฉันอยากตั้งใจเรียนไง ไม่ได้อยากโฟกัสเรื่องมีแฟน” “แค่มีหนุ่มมาขอเบอร์ ทำความรู้จักด้วยก็ไม่เอาครับ” สองคนนี้คือขายฉันให้พ่อเลี้ยงหรือไงเนี่ย! ไม่น่าชวนให้กินข้าวด้วยเลย พ่อเลี้ยงถามไม่เยอะก็ตอบซะเยอะเลย เชื่อเพื่อนจริงๆ มองค้อนจอมที่กระตุกยิ้มมุมปากและเอามือผลักศีรษะจนฉันฟาดมือลงบนท่อนแขนเขาอีกครั้ง “เจ็บนะ ฟาดบ่อยเกินไปละ” “พูดมาก” “อยู่มหาลัยก็โดนบัวไล่ฟาดค่ะ จอมมันชอบกวน... บัว” ปูเป้เว้นวรรคเกือบจะหลุดคำหยาบบนโต๊ะอาหารที่พ่อเลี้ยงกำลังจ้องหน้าฉันนิ่งๆ พลางหลุบสายตามองจานอาหารและตักข้าวเข้าปาก “แค่เพื่อนนะคะ สองคนนี้สนิทกันมากกว่าจะเป็นอย่างอื่น ใช่ปะ?” “เออน่ะสิ รู้ปะว่าฉันคุยกับสาวอยู่ เพราะงั้นเพื่อนเท่านั้นไม่เปลี่ยนแปลง” “ทำยังกับว่าฉันจะเปลี่ยนแปลงงั้นแหละ” ย่นจมูกใส่จอมที่เบ้ปาก ทำให้บนโต๊ะอาหารมีเสียงคิกคักจนฉันเกรงใจพ่อเลี้ยงเป็นบ้า หากแต่ว่าพอหันกลับไปมองก็พบว่าพ่อเลี้ยงมองฉันอยู่ก่อนแล้ว พอเห็นเขามองมาฉันก็เป็นฝ่ายหลบสายตาเขา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้มองฉันนานขนาดนั้น ไม่รู้หรือไงว่าสายตาของพ่อเลี้ยงที่มองมา สำหรับฉันมันไม่เหมือนเดิมแล้วน่ะสิ ถึงได้พยายามไม่สบกับดวงตาคู่นั้นตรงๆ เพราะกลัวจะเผลอไผลหลุดความรู้สึกที่กดเอาไว้จนมันเผยออกมาให้เขาได้รู้ ไม่ต้องการให้เขารู้เลยสักนิด เขาย้ำชัดกับฉันว่ายังไงจำได้ไม่ลืมทุกคำ “บ๊ายบายนะบัว เจอกันวันเปิดเทอม” “โอเค ถึงบ้านแล้วส่งข้อความบอกด้วยนะ ฝนตกหนักเลย” “จัดไป” “ขับดีๆ นะจอม” หลังจากอาหารบนโต๊ะจบลงฝนก็เทกระหน่ำลงมา ฉันออกมาส่งเพื่อนทั้งสองที่หน้าบ้านขณะมองห่าฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก มองรถของจอมที่ขับออกจากตัวไร่ไปจนลับตาจากนั้นก็หมุนตัวเดินกลับมาช่วยป้าศรีเก็บโต๊ะ หวังว่าฝนจะหยุดตกตอนที่คุณดากลับนะไม่งั้นอันตรายแน่ตกจนไม่เห็นทางขนาดนี้ พอช่วยป้าศรีเรียบร้อยก็ออกจากครัวมองพ่อเลี้ยงที่ยืนเอามือซ้ายล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ตรงบานหน้าต่าง สายตาทอดมองเม็ดฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนัก มือขวาคีบบุหรี่เข้าปากและพ่นควันสีเทาเหนือศีรษะ ฉันยืนมองพ่อเลี้ยงอยู่นานหลายวินาทีจากนั้นก็ดึงสติกลับมาตรงไปหยิบแฟ้มรายงานที่ต้องรายงานให้พ่อเลี้ยงทราบทุกเย็น “แฟ้มเอกสารค่ะ ที่พ่อเลี้ยงให้บัวไปเช็กสต็อกของที่โรงงานผลิต” เรียกใบหน้าหล่อเหลาให้หันกลับมา เขาสูบบุหรี่และพ่นควันสุดท้ายออกไปข้างนอกบานหน้าต่างที่ถูกเปิดอ้าไว้เอากลิ่นฝนและลมเย็นๆ พัดเข้ามา พ่อเลี้ยงเอาก้นบุหรี่จิ้มลงที่เขี่ยคริสตัลบนโต๊ะกระจก ฉันจึงนั่งคุกเข่าบนพื้นพรมและมองพ่อเลี้ยงที่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาเปิดแฟ้มเอกสารดูรายงาน “ดูเหมือนนมองุ่นจะส่งออกได้ค่อนข้างดีนะคะ ลุงโตบอกว่าทางร้านในตัวเมืองที่เอาไปขายเป็นของฝาก ขายดีมากเลยค่ะ” “อืม” พ่อเลี้ยงปิดแฟ้มเอกสารและเบนสายตามามองฉันที่ระบายยิ้มส่งให้เขา “คุณดาจะมาอยู่ที่บ้านชั่วคราว” “บัวทราบค่ะ” “โอเคหรือเปล่า?” คำถามของพ่อเลี้ยงทำให้ฉันขมวดคิ้ว “พ่อเลี้ยงเป็นเจ้าของบ้านนะคะ จะให้ใครอยู่หรือไม่อยู่ พ่อเลี้ยงเป็นคนตัดสินใจไม่ใช่บัวค่ะ” “...” “บัวไม่มีสิทธิ์ไม่โอเคนี่คะ อีกอย่างคุณดาก็เป็นเพื่อนสนิทของพ่อเลี้ยง ดีซะอีกพ่อเลี้ยงจะได้มีคุณดาคอยดูแล” ฉันตอบออกไปด้วยความซื่อสัตย์จริงๆ ไม่ได้มีเจตนาอะไรแอบแฝงเลยแม้แต่นิด กลับกันฉันอยากให้พวกเขาสองคนลงเอยกันให้เร็วที่สุดด้วยซ้ำ ก็รู้จักกันมานานคุณดาเองก็คงจะชื่นชอบพ่อเลี้ยงมาก ความใกล้ชิดน่าจะทำให้ทั้งพ่อเลี้ยงกับคุณดาสมานความสัมพันธ์ได้เร็วยิ่งขึ้น “แล้วเธอไม่อยากดูแลฉันเหมือนที่เคยสัญญาไว้เหรอ?” คำถามของพ่อเลี้ยงทำให้ฉันขมวดคิ้ว “ตราบใดที่บัวอยู่ที่นี่ บัวก็จะดูแลพ่อเลี้ยงเหมือนที่เคยสัญญาเอาไว้ค่ะ แต่การที่คุณดาเข้ามาอยู่ด้วยก็ดีอีกแบบ เพราะคุณดาสามารถช่วยพ่อเลี้ยงเรื่องงานต่างๆ ได้ถ้าบัวเปิดเทอม” “ฉันไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม?” “หมายถึงอะไรคะ” “ตั้งแต่กลับจากน้ำตก เธอดูเปลี่ยนไป” ทั้งที่พยายามทุกอย่างให้ปกติที่สุด ดูเหมือนพ่อเลี้ยงจะสังเกตเห็นการเว้นระยะห่างระหว่างฉันกับเขาสินะ มันเป็นแบบนี้ถูกแล้วนี่นา ฉันไม่อยากถูกมองว่าทำตัวระริกระรี้กับพ่อเลี้ยง คิดจะแย่งสามีเก่าของแม่และต้องการมาเป็นนายหญิงที่ไร่สิงหา คำครหาของทุกคนที่มองมามันถูกทั้งหมดที่ฉันคิดกับพ่อเลี้ยงเกินเลยไป ดังนั้นฉันถึงต้องเว้นระยะห่างกับเขาพอตัว เพื่อรักษาหัวใจดวงน้อยๆ ของตัวเองให้เข้มแข็งก็เท่านั้น “พ่อเลี้ยงคิดมากไปหรือเปล่าคะ บัวก็เหมือนเดิม แค่อยู่แบบเจียมตัว” “เจียมตัว? ทำไมต้องเจียมตัว” “บัวเป็นใคร ไม่ต้องพ่อเลี้ยงหรอกค่ะที่รู้ คนอื่นก็รู้ว่าบัวไม่ใช่ลูกของพ่อเลี้ยง ญาติก็ไม่ใช่ เป็นลูกสาวเมียเก่าที่ทิ้งพ่อเลี้ยงไป บัวทำตัวเสมอพ่อเลี้ยงไม่ได้ค่ะเพราะฉะนั้นบัวจำเป็นต้องอยู่ที่นี่แบบเจียมตัวค่ะ” “เธอคิดถึงขนาดนี้เลยเหรอบัว” พ่อเลี้ยงเค้นเสียงแข็งใส่ฉัน แววตาคมจดจ้องมองราวกับไม่พอใจกับคำพูดของฉัน “ใช่ค่ะ บัวคิดแบบนี้ล่ะ” ตอบเขาไปตรงๆ จะได้รู้ไปเลยว่าที่ฉันทำตัวเว้นระยะห่างกับเขา เหตุผลมันคืออะไร จะได้ตระหนักให้รู้เสมอไม่ควรทำตัวระรื่นใส่เขา ดูแลเขาเกินความจำเป็นและควรยืนในที่ที่ควรยืนเท่านั้น อย่าได้เผยอไปเทียบเคียงกับพ่อเลี้ยงที่สูงส่งกว่าฉันมากซะจนฉันละอายแก่ใจอยู่ตลอดนั่นแหละถึงจะไม่พูดก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกนะ แม้ว่าพ่อเลี้ยงจะบอกการที่แม่ทิ้งไปไม่ใช่ความผิดของฉัน อย่าลืมฉันเป็นลูกสาวของแม่ ใครต่อใครจะโทษฉันก็คงไม่แปลก ใครต่อใครจะมองว่าฉันจ้องจะแย่งผัวเก่าแม่ก็ไม่แปลก แต่ที่แปลกคือ... ฉันดันตกหลุมรักพ่อเลี้ยงเข้าอย่างจัง ด้วยความใจดี อบอุ่นและความอ่อนโยนของเขานั่นแหละ ถึงทำให้ความรู้สึกของฉันเปลี่ยนไป ดังนั้นฉันถึงต้องควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ใช่แสดงออกไปให้พ่อเลี้ยงอึดอัด ทั้งที่เขาบอกชัดว่าเรื่องระหว่างเรามันไม่มีทางเป็นไปได้ ความสัมพันธ์ของเรามันไม่ควรแปรเปลี่ยนและฉันเห็นด้วยกับเขา กลัวว่าสักวันเราจะมองหน้ากันไม่ติดถ้าฉันเผลอไผลไปกับเขา ฉะนั้นหักห้ามหัวใจและเก็บความรู้สึกไว้ก้นบึ้ง มันถูกแล้ว “ทั้งที่ฉันบอกทุกคนว่าให้เคารพเธอเหมือนเคารพฉัน มันไม่พอเหรอ?” “พ่อเลี้ยงไม่ต้องทำอะไรเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของบัวค่ะ แค่ให้บัวได้อาศัยอยู่ที่นี่ ทำทุกอย่างกับบัวเหมือนคนงานทั่วไปที่พ่อเลี้ยงต้องดูแลก็พอ” “...” “บัวต้องขอบคุณพ่อเลี้ยงด้วยซ้ำที่ดูแลและห่วงใยบัวมาตลอดตั้งแต่แม่ทิ้งบัวไป บัวทำทุกอย่างตามที่พ่อเลี้ยงสั่งไม่ว่าจะให้ทำอะไรก็ตาม แต่พ่อเลี้ยงเองก็ได้โปรดกรุณาเข้าใจบัวด้วยนะคะ” ยกมือพนมไหว้กลางอกเพื่อไหว้ขอบคุณเขาและขอความกรุณาเข้าใจการกระทำของฉันต่อจากนี้ด้วย ว่าฉันไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้ อยากอยู่แบบเจียมตัวที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นขี้ปากคนอื่น อย่างน้อยไม่อยากให้เรื่องพวกนี้เข้าหูคุณดา ฉันไม่อยากให้เธอมองฉันแบบผิดๆ “เข้าใจแล้ว” พ่อเลี้ยงพูดขึ้นมาท่ามกลางเสียงฝนที่ยังคงเทกระหน่ำไม่มีท่าทีว่าจะหยุดแม้แต่นิด “ถ้าเธอสบายใจแบบนั้น ฉันก็ไม่ห้าม” “ขอบคุณนะคะ” ยกมือไหว้ขอบคุณเขาอีกครั้งพ่อเลี้ยงก็ถอนหายใจออกมา ปิดแฟ้มเอกสารและลุกขึ้นยืนหยิบมันติดมือเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง สายตาของฉันลอบมองร่างสูงที่เดินเข้าห้องตัวเองและปิดประตูอย่างแรง ส่งผลให้หัวใจของฉันปวดร้าวขึ้นมาเสียดื้อๆ บัวขอโทษนะคะพ่อเลี้ยง... นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับหัวใจของบัว มันเป็นทางเดียวที่บัวจะฝังความรู้สึกที่มีต่อพ่อเลี้ยงเอาไว้ แม้ว่าจะทำให้พ่อเลี้ยงไม่สบายใจหรือรู้สึกไม่ดีก็ตามที บัวต้องขอโทษจากใจจริงค่ะที่บังอาจไปรักพ่อเลี้ยง ทั้งที่ควรเจียมตัวว่าตัวเองเป็นใครและพ่อเลี้ยงคือใคร *-------------------------------------*
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD