หลงรักพ่อเลี้ยง :: CHAPTER 7 [50%]

2288 Words
หลงรักพ่อเลี้ยง :: ตอนที่ 7 “ป้าศรีขนกระเป๋าใครมาเหรอคะ?” “คุณดาค่ะ” ช่วงสายของวันหลังจากที่วันเปิดเทอมใกล้เข้ามาทุกที ฉันที่เดินกลับจากโรงงานผลิตของแปรรูปต่างๆ ก็เห็นป้าศรีกำลังขนกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เข้ามาสองใบและให้คนงานขนไปไว้ชั้นสอง หากแต่ว่าชื่อของคุณดากลับทำให้ฉันมึนงงและสับสนนิดหน่อยว่ากระเป๋าของเธอที่ขนมามันคืออะไร “พ่อเลี้ยงให้คุณดามาอยู่ที่บ้านชั่วคราวค่ะ” “ยะ อยู่ที่นี่เหรอคะ?” “ใช่ค่ะ” ป้าศรีตอบพลางยิ้มกริ่มเพราะป้าศรีชงพ่อเลี้ยงกับคุณดามานานแล้ว “เห็นบอกว่าบ้านของคุณดามีปัญหาต้องต่อเติมใหม่ทั้งหมด ช่วงที่คุณดาหาห้องพักอยู่พ่อเลี้ยงก็เลยอาสาให้มาอยู่ที่บ้านก่อนค่ะ จะได้ช่วยเรื่องดอกไม้เมืองหนาวด้วย” “งั้นเหรอคะ” ทำไมฉันจะต้องทำเสียงเหมือนไม่ยินดียินร้ายด้วย ทั้งที่ฉันต้องชงพ่อเลี้ยงกับคุณดาให้มากกว่านี้ เพื่อที่ตัวเองจะได้ออกจากบ้านหลังนี้ไปสักที ขืนยังอยู่นานเท่าไหร่ความรู้สึกที่กดเก็บเอาไว้มันจะยิ่งทวีคูณมากขึ้นน่ะสิ แม้ว่าฉันจะเก็บความรู้สึกเก่งก็ตามที “ดีสิคะ ในบ้านจะได้สดใสมีทั้งคุณบัว มีทั้งคุณดาคอยดูพ่อเลี้ยง” “แค่คุณดาก็พอแล้วค่ะ บัวไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ” แค่ช่วยงานในไร่บ้างนิดๆ หน่อยๆ เดี๋ยวพอเปิดเทอมฉันก็ต้องหันกลับมาตั้งใจเรียนให้จบ แต่กว่าจะจบฉันก็ต้องไปจากที่นี่ก่อนไงนั่นคือเป้าหมายแรกของฉัน ดีนะที่พ่อเลี้ยงให้เงินเดือนเหมือนกับคนงานคนอื่นทั่วไป ฉันก็เลยพอมีเงินเก็บแต่มันก็ไม่มากพอที่จะแยกออกไปหรือต่อให้ไป พ่อเลี้ยงก็หัวชนฝาแน่ ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ก็คือชงเขาสองคนให้รักกันโดยเร็วที่สุด “ไม่ได้ทำอะไรกันคะ เดี๋ยวงานเลี้ยงอีกสามวันข้างหน้าคุณบัวก็ต้องเป็นคนจัดการเองทุกอย่าง” “บัวแค่ทำตามคำสั่งของพ่อเลี้ยงนะคะ ไม่ได้มีสิทธิ์ถึงขั้นสั่งคนงานให้ทำตรงนั้นตรงนี้” “งั้นเดี๋ยวฉันช่วยบัวเองนะ” น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้นพร้อมร่างบอบบางที่สวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนและกางเกงยีนส์เอวสูง เดินมาหยุดตรงหน้าเราสองคน คุณดายกมือไหว้ป้าศรีอย่างนอบน้อมและฉีกยิ้มกว้างให้กับฉัน “ขอฝากตัวด้วยนะคะ พอดีบ้านดาต้องต่อเติมใหม่ทั้งหมด อาจต้องใช้เวลาและอยู่ที่นี่สักพัก” “โอ๊ย! ไม่ต้องเกรงใจเลยค่ะ” “ใช่ค่ะคุณดา นี่บ้านพ่อเลี้ยงนะคะ พ่อเลี้ยงอยากให้คุณดามาอยู่ด้วย จะอยู่นานแค่ไหนพ่อเลี้ยงก็ไม่ว่าหรอกค่ะ” ฉันส่งยิ้มหวานให้กับเธอที่สวยและเหมาะสมกับพ่อเลี้ยงมากที่สุดจริงๆ เอาจริงฉันเริ่มเห็นด้วยกับป้าศรีแล้วนะที่ว่าคุณดาเหมาะกับเป็นนายหญิงคนใหม่ของไร่มาก มากจนเด็กกะโปโลอย่างฉันเทียบไม่ติดเลย “ขอบใจจ่ะ” “จริงสิ เดี๋ยวป้าไปเตรียมของว่างให้คุณบัวกับเพื่อนๆ ก่อนดีกว่า” ป้าศรีนึกขึ้นมาได้ว่าจะต้องเตรียมของว่างให้ปูเป้กับจอมที่จะมาหาฉันวันนี้ช่วงเที่ยงก็เลยรีบตรงเข้าไปในครัว ก่อนที่คุณดาจะจับมือฉันไปกุมไว้จนตกใจทำอะไรไม่ถูก “ไม่ต้องเสียใจเรื่องแม่นะ ยังไงบัวอยู่กับพ่อเลี้ยงก็ดีกว่าออกไปอยู่ข้างนอก” “คุณดารู้?” “พ่อเลี้ยงเล่าให้ฉันฟังน่ะ พ่อเลี้ยงเป็นห่วงเธอมากเลยนะรู้ไหม” ฉันเม้มริมฝีปากตัวเองพลางครุ่นคิดเรื่องที่คุณดาบอก แสดงว่าทุกเรื่องในชีวิตของพ่อเลี้ยงเล่าให้คุณดาฟังทั้งหมดเลยสินะ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของฉันเองก็ตามที “ฉันจะช่วยดูแลเธออีกคนนะ คนเก่ง” ตกใจเล็กน้อยที่คุณดาเอื้อมมือมาลูบศีรษะของฉันเบาๆ เป็นความอบอุ่นที่ทำให้ฉันไม่เคยรับความรู้สึกนี้จากผู้เป็นแม่ รู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นบ้าเลยให้ตายสิ... ผู้หญิงคนนี้เหมาะสมกับพ่อเลี้ยงมากซะจนฉันแทบไม่มีที่ยืนแทรกกลางระหว่างพวกเขาเลย ก็ถ้าเป็นคุณดา พ่อเลี้ยงจะต้องมีความสุขมากกว่านี้แน่ ถ้าเป็นคุณดาพ่อเลี้ยงจะไม่มีวันเสียใจเหมือนที่เจอกับแม่ เป็นคุณดาแค่คนเดียวเท่านั้นที่ฉันจะยอมหลีกทาง ไม่สิ หลีกทางไม่ได้ด้วยซ้ำ แค่เข้าไปอยู่ในชีวิตพ่อเลี้ยงในฐานะนั้นยังไม่ได้เลย พ่อเลี้ยงเองก็คงจะมองฉันเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่น่าสงสาร ดังนั้นฉันควรปฏิบัติตัวให้ดีเท่าที่จะทำได้ ต้องทำให้สองคนนี้ลงเอยกัน แล้วฉันจะได้ไปจากที่นี่อย่างหมดห่วงเรื่องที่ว่าพ่อเลี้ยงจะเจอรักใหม่แบบไหน “คุณดา” “ว่าไง?” เธอฉีกยิ้มให้ฉันขณะที่ฉันจับมือเธอออกจากศีรษะ “คุณดาเหมาะกับพ่อเลี้ยงมากเลยนะคะ” “พูดอะไรของเธอเนี่ย” ใบหน้าสวยยิ้มขำกับคำพูดของฉัน “เรื่องจริงนะคะ ป้าศรีเองก็คิดแบบนั้น” คุณดาส่ายหน้าไปมาและเอื้อมมือมาลูบไล้แก้มฉันเบาๆ “เธอยังเด็ก ไม่ควรจับคู่ให้ใครนะ” รู้ด้วยว่าฉันกำลังชงเธอให้กับพ่อเลี้ยง คุณดาขอตัวขึ้นไปชั้นสองเพื่อเอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าโดยมีสายตาของฉันมองตามเธอไม่วางตา ทุกกิริยาท่าทางคือดูดีไปหมด... พอเห็นว่าถ้าฉันไม่อยู่ที่นี่ มีคุณดาคอยดูแลพ่อเลี้ยง ฉันก็รู้สึกสบายใจขึ้นเป็นกอง หลังจากนี้ก็แค่เก็บเงินให้ได้มากที่สุด อย่างที่เคยบอกกับเขานั่นแหละเมื่อไหร่ที่พ่อเลี้ยงเริ่มมีรักใหม่ ฉันจะไปทันทีโดยไม่รีรออะไรทั้งนั้น ถือซะว่าเรื่องที่เขาจะต้องดูแลลูกของเมียเก่า ได้จบลงและเขาจะได้มีเวลาดูแลว่าที่ภรรยาใหม่อย่างคุณดา ถึงจะเจ็บปวดลึกๆ แต่มันคือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับฉันและพ่อเลี้ยง ต้องบอกว่าดีที่สุดสำหรับฉันถึงจะถูก “แล้วคุณแม่ไม่ได้ติดต่อหาแกเลยเหรอบัว” “ไม่เลย โทรไปก็ไม่ติดคงเปลี่ยนเบอร์ไปแล้ว” บ่ายแก่แดดร่มลมตกเนื่องจากท้องฟ้ามืดครึ้มขึ้นมาทันที ทั้งที่เช้าแดดยังร้อนราวกับเผาร่างกายของฉันให้ไหม้ ตอนนี้ฉัน ปูเป้และจอมมานั่งเล่นที่หน้าบ้านโดยมองคนงานกำลังเอาดอกกุหลาบกับทิวลิปลง ส่วนคุณดาก็ขับรถไปร้านดอกไม้ในตัวเมืองแล้วคงจะกลับเย็นๆ นั่นแหละ “แต่อยู่กับพ่อเลี้ยงไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ” จอมเอ่ยขึ้นขณะกัดคุกกี้เข้าปาก “แม่เธอก็ไม่ได้อยู่ มันดูยังไงก็ไม่รู้ดิ” “เห็นด้วย แบบเขาเป็นผัวเก่าแม่แก แล้วแกก็เป็นลูกติดเมียเก่า มันดูยุ่งเหยิงเหมือนสายไฟประเทศเราอะ” “ฉันก็คิดแบบนั้น” ถอนหายใจพลางยืดขาเยียดตรงเนื่องจากฉันนั่งตรงขั้นบันไดทางเข้า ปูเป้นั่งตรงขอบปูนตวัดขาไขว่ห้างและจอมนั่งเคียงข้างฉัน ซึ่งจอมขับรถ BMW มาหาเพื่อเอาของกินของฝากมาให้ “ฉันอยากย้ายไปอยู่หอที่มหาลัยตั้งแต่แม่หนีไป แต่พ่อเลี้ยงก็ไม่ยอม” “เขาคงจะเป็นห่วงหรือเปล่า? แกไม่มีเงินติดตัวสักบาท” “ใช่ แต่ตอนนี้ฉันช่วยพ่อเลี้ยงทำงานในไร่ ได้เงินเดือนเหมือนคนงานทั่วไป พอมีเงินเก็บนะ” แต่มันก็ไม่ได้มากพอจะทำให้ฉันดำรงชีวิตต่อไปได้ไง นอกจากหางานเสริมทำซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี “ก็ถ้าอยู่กับพ่อเลี้ยงได้ก็อยู่ไปก่อน พ่อเลี้ยงไม่ใช่คนใจร้ายอะไร ใจดีและเป็นคนดีจะตาย คนแถวนี้รักพ่อเลี้ยงสิงหากันทั้งนั้น” ที่จอมพูดก็ถูกทุกอย่าง ใครๆ ก็รักพ่อเลี้ยงกันทั้งนั้น รวมถึงฉันคนนี้ด้วยไงที่ไม่ควรคิดแต่ดันคิดไปเรียบร้อย “ฉันคิดเอาไว้แล้วล่ะว่าถ้าพ่อเลี้ยงมีรักใหม่ ฉันจะไปทันที เขาก็ห้ามไม่ได้ด้วย” “เออ อันนี้ดี” ปูเป้ชี้หน้าฉันพร้อมดื่มน้ำลำไยที่ป้าศรีต้มหวานเย็นชื่นใจสุดๆ “แล้วก็นะ ใครมาด่าแกเรื่องแม่ก็เถียงกลับไปบ้าง เคปะ?” “รู้ ตอนแรกมันเสียใจนะที่แม่ทิ้งฉันไว้ ตอนนี้เหรอ... ฉันช่างหมดแล้ว” เม้มริมฝีปากตัวเองแน่นพลางถอนหายใจ “คนงานในไร่พูดเสียดแทงฉันตลอด” “เรื่อง?” จอมเอ่ยถาม “คิดว่าฉันจะมาเป็นนายหญิงของไร่สิงหา” “จะบ้าหรือไงวะ!” ปูเป้แผดเสียงดังลั่นจนฉันยกนิ้วชี้แตะปากให้เพื่อนเงียบ ดีนะในบ้านไม่มีใครแล้วเพราะป้าศรีไปโรงอาหารหลังจากทำของว่างให้ฉันกับเพื่อนเรียบร้อย “แกกับพ่อเลี้ยงห่างกันยี่สิบปีนะ คนคิดมันใช้นิ้วตีนคิดเหรอ” “คงใช่ ไม่งั้นคนเราจะคิดอกุศลขนาดนี้ได้ยังไง” “พ่อเลี้ยงก็หล่อจริงๆ นั่นแหละ ใจดี อบอุ่นอีกต่างหาก ผู้ชายเลขสี่ก็น่าสนเนาะ” “อย่าแรดให้มากเลยยัยเป้!” “ด่าฉันเหรอวะไอ้จอม” หลับตาลงยกมือห้ามปรามเพื่อนทั้งสองคนที่ด่ากันอีกแล้ว “แล้วแกคิดปะ” “คิดบ้าอะไร เขาเป็นสามีเก่าแม่ฉันนะ ยิ่งคนงานพวกนั้นชอบคิดว่าฉันแย่งผัวเก่าแม่ ฉันยิ่งไม่สบายใจถึงได้อยากย้ายออกจากที่นี่ไง” “ไม่เห็นต้องคิดมาก ไม่ได้ทำแบบที่พวกนั้นพูดก็เฉยๆ ไป ปล่อยให้เหมือนหมาเห่าใบตองแห้งอะ” จอมมองฉันพลางวางมือลงบนบ่าและบีบเบาๆ ไม่ให้คิดมากได้ไง ก็ฉันคิดกับพ่อเลี้ยงไปแล้วไงบอกให้พวกแกรู้ได้ซะที่ไหน เรื่องนี้มันต้องเป็นความลับตลอดไป รวมไปถึงตายไปพร้อมกับฉัน “อย่าคิดมากดิ” “จริง อย่าคิดมากเลยบัว” “ฉันอยากย้ายออกจากไร่” “อยู่ไปก่อนเถอะ ไว้มีเงินมากพอค่อยว่ากัน แกอยู่ที่นี่ก็มีความสุขดีนี่ อย่างน้อยมีพ่อเลี้ยงคอยปกป้อง” “อยากโตก็ต้องโตให้ได้ ไม่ใช่ให้พ่อเลี้ยงมาปกป้องมากจนเกินไป” ฉันตอบปูเป้ที่ยักไหล่ไหวพลางหยิบคุกกี้เข้าปากจนจะหมดจานอยู่แล้ว กินคนเดียวคือแทบหมด “ก็ดีไม่ใช่เหรอที่มีคนปกป้อง” สบตากับจอมที่มองไปรอบๆ ไร่สิงหา “อีกอย่างทำงานให้กับพ่อเลี้ยง ไม่เห็นจะเสียหาย อยู่ได้ก็อยู่ไป ถ้าพ่อเลี้ยงยังไม่ไล่เธออะนะ” “พ่อเลี้ยงไม่ไล่ฉันหรอก” แต่ก็ไม่มีอะไรแน่นอนเลยสักนิดฉันถึงต้องพยายามให้มากกว่านี้ เช่นการจับคู่พ่อเลี้ยงกับคุณดาให้เร็วที่สุด ไม่งั้นไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ “เขาเคยบอก” “ดูพ่อเลี้ยงแคร์เธอดีนะ” “เพราะสงสารมากกว่า ฉันไม่มีใคร ไม่มีที่ไปและไม่มีที่พึ่ง” ชีวิตรันทดอย่างหาที่สุดไม่ได้ สิ่งที่ภาคภูมิใจก็เห็นจะเป็นเรื่องเรียนที่ฉันขยันหมั่นเพียร รวมไปถึงการมีพ่อเลี้ยงอยู่ในชีวิตแต่จะนานไหม ไม่มีใครรู้หรอก “ไม่เป็นไร ค่อยๆ หาทางแก้ไป ยังไงเธอก็มีพวกฉันอยู่ตั้งสองคน” จอมกอดคอฉันและวางมือบนศีรษะเพื่อปลอบใจฉัน แน่นอนว่าเป็นเพื่อนกันไม่เคยคิดเป็นอย่างอื่นหรอก จอมเองก็มีสาวคุยๆ อยู่แล้ว ส่วนปูเป้ก็มีหนุ่มมาจีบเยอะพอๆ กับฉัน แต่ก็เลือกที่จะไม่สนใจใครอยากโฟกัสเรื่องการเรียนซะมากกว่า “ขอบใจนะจอม ปูเป้” “เล็กน้อย ใครมาด่าเธอเรื่องคุณแม่ เจอฉันได้นะ” ปูเป้ทำหน้าเป็นเดือดเป็นร้อนแทน กระทั่งเสียงฟ้าร้องดังครืนราวกับบ่งบอกว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าฝนกำลังจะตกในไม่ช้า จังหวะนั้นรถกระบะคุ้นตาก็ขับเข้ามาในไร่และมาจอดตรงหน้าบ้าน พ่อเลี้ยงลงจากรถยกมือเสยเส้นผมสีดำสนิทขึ้น สายตาคมตวัดมองมาที่ฉันกับจอมเนื่องจากจอมนั่งกอดคอฉันอยู่แบบแนบชิด ส่งผลให้ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วกันเป็นปม ดังนั้นจอมกับปูเป้ที่เห็นพ่อเลี้ยงก็รีบลุกขึ้นยืนยกมือไหว้เขาอย่างนอบน้อม “สวัสดีค่ะ / สวัสดีครับพ่อเลี้ยง” “สวัสดี” พ่อเลี้ยงรับไหว้เพื่อนทั้งสองจนฉันลุกขึ้นและแนะนำเพื่อนทั้งสองให้พ่อเลี้ยงรู้จัก “พ่อเลี้ยงคะ นี่เพื่อนของบัวค่ะชื่อจอมกับปูเป้ค่ะ” “มานานแล้วเหรอ?” “สักพักแล้วครับ พอดีผมไปเที่ยวก็เลยซื้อของมาฝากบัวเยอะเลย” จอมตอบพ่อเลี้ยงที่พยักหน้ารับและเบนสายตามามองฉันที่ฉีกยิ้มกว้างให้เขา “ไม่พาเพื่อนไปเดินเล่นที่ไร่ล่ะ” “ได้ค่ะ แล้วพ่อเลี้ยงอยากทานอะไรไหมคะ? บัวจะเข้าไปดูในครัวให้” “ไม่เป็นไร เธอพาเพื่อนไปเดินเล่นที่ไร่เถอะ” [50%] *---------------------------------------------*
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD