หลงรักพ่อเลี้ยง :: ตอนที่ 4
“แซนวิชค่ะ บัวทำมาเผื่อว่าพ่อเลี้ยงจะหิว”
“น่ากินมาก”
“ทานเยอะๆ เลยนะคะ นี่น้ำผลไม้ค่ะ” ฉันเปิดกล่องแซนวิชที่ทำเองตั้งแต่เช้าให้กับพ่อเลี้ยงที่อยู่ในห้องทำงานของรีสอร์ทเพื่อรอเพื่อนของเขามาคุยธุระเรื่องจัดงานปาร์ตี้คุยธุรกิจที่ไร่ เมื่อเช้าฉันบังคับพ่อเลี้ยงด้วยล่ะเขาเองก็ตามใจฉันด้วยเรื่องการสวมรองเท้าแตะมาที่นี่แทนการสวมรองเท้าหนัง เพราะเท้าเขายังไม่หายดีไงฉันว่าต้องประคบกับนวดอีกสองสามวันก็คงจะดีขึ้น แต่ผู้ชายคนนี้ก็คือดื้อที่สุด “อร่อยไหมคะ?”
“มีอะไรบ้างที่เธอทำไม่อร่อย”
“มีค่ะ”
“อะไร?”
“ต้มบะหมี่”
“บะหมี่สำเร็จรูปจะไม่อร่อยได้ไง” พ่อเลี้ยงทำหน้ามึนงงพลางกัดแซนวิชแฮมที่ฉันทำกับแซนวิชปูอัดมายองเนส,ไส้กรอกและสลัดผักด้วย “คืนนี้ลองทำให้กินหน่อยอยากรู้”
“ไม่ดีนะคะบอกเลยว่าเพื่อนของบัวก็เคยบอกว่าบัวต้มบะหมี่ไม่อร่อยสุดๆ”
“ไม่เชื่อ”
“พ่อเลี้ยงต้องเชื่อค่ะ ถ้าไม่อยากอ้วกแตก” ฉันย่นจมูกใส่เขาที่อมยิ้มพลางเอื้อมมือมาบีบจมูกฉันจนจับมือเขาออก “บัวเจ็บนะคะ”
“มันเขี้ยวซะจริงเด็กคนนี้ แค่ต้มบะหมี่จะไม่อร่อยได้ไง”
“งั้นพ่อเลี้ยงก็ต้มให้บัวกินบ้างสิคะ สอนหน่อยบัวต้มไม่อร่อยจริงๆ” คนตรงหน้าเลิกคิ้วขึ้นพลางยิ้มขำ
“ลองต้มให้ฉันกินก่อน ไม่อร่อยจริงเดี๋ยวฉันต้มให้กิน”
“จริงนะคะ!”
“ตื่นเต้นขนาดนั้นเชียว”
“ก็พ่อเลี้ยงจะต้มบะหมี่ให้บัวกิน ไม่ตื่นเต้นได้ยังไงคะ” ดีใจและตื่นเต้นที่สุดเลยล่ะ พ่อเลี้ยงส่ายหน้าไปมาก่อนจะกัดแซนวิชและทำงานไปด้วย ฉันนั่งมองไปรอบๆ ห้องทำงานของพ่อเลี้ยงในรีสอร์ทพลางลุกขึ้นเดินดูรูปที่ถ่ายรีสอร์ทไว้ทุกตารางนิ้วรวมไปถึงรูปพนักงานหลายคน “ทำไมไม่เห็นมีรูปพ่อเลี้ยงเลย”
“ฉันไม่ชอบถ่ายรูป”
“ถึงว่าที่บ้านก็ไม่มีรูปพ่อเลี้ยงสักใบ” แม้แต่ในห้องของเขาเองก็ยังไม่มีรูปตัวเองติดเลย คิดดูว่าต้องไม่ชอบถ่ายรูปมากขนาดไหนอะ ฉันขยับมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามและเอาแขนซ้อนบนโต๊ะเกยคางมองใบหน้าหล่อเหลาที่ก้มหน้าเซ็นเอกสารพลางกัดแซนวิชไปด้วย
“เบื่อหรือไง? ออกไปเดินเล่นที่สวนก็ได้นะ”
“ไม่เบื่อค่ะ บัวอยากไปกับพ่อเลี้ยงไม่อยากไปคนเดียว”
“โตแล้ว กลัวหลงทำไม”
“บัวไม่ได้กลัวหลง แต่บัวอยากไปกับพ่อเลี้ยงจริงๆ นี่คะ”
“เด็กหนอเด็ก” เขาเอื้อมมือมายีเส้นผมฉันที่มัดรวบไว้ตรงท้ายทอยจากนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง ฉันหันไปมองพนักงานผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในห้อง พร้อมถือถาดอะไรบางอย่างเข้ามาด้วย เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากๆ แต่มองฉันพลางเบ้ปากใส่อีกต่างหาก
“ดิฉันกลัวว่าพ่อเลี้ยงจะหิวก็เลยเอาอาหารกับกาแฟมาให้ค่ะ”
“ไม่เป็นไร” พ่อเลี้ยงปฏิเสธพลางชี้นิ้วมาที่กล่องแซนวิช “บัวทำแซนวิชมาให้ ฉันกินไปสองชิ้นอิ่มแล้ว”
“เอ่อ...”
“เธอเอาไปกินเถอะ แล้วก็ถ้าเพื่อนฉันมาก็ให้ไปรอที่ห้องรับรองได้เลย” เธอคนนี้หน้าเสียพลางมองค้อนฉันตาเหลือก ฉันผิดอะไรก่อนเนี่ย “เดี๋ยวก่อน”
“พ่อเลี้ยงจะรับอาหารใช่ไหมคะ?”
“หิวหรือเปล่า จะกินลองท้องก่อนก็ได้”
“บัวรอกินพร้อมพ่อเลี้ยงตอนเที่ยงได้ค่ะ เมื่อเช้าบัวก็กินแซนวิชที่ตัวเองทำไปแล้ว”
“แน่ใจนะ”
“ค่ะ” ฉันฉีกยิ้มกว้างให้กับพ่อเลี้ยงที่เอ่ยปากไล่พนักงานออกจากห้องทำงาน หล่อนหัวเสียเล็กน้อยหรือว่าจะชอบพ่อเลี้ยงกันแน่นะ ไม่เว้นแม้แต่พนักงานของรีสอร์ทเลยเหรอคิดว่ามีผู้หญิงคนอื่นมาตามตอแยพ่อเลี้ยงก็ว่าเยอะแล้ว ยังจะมีพนักงานที่นี่ด้วยเหรอไม่อยากจะเชื่อเลย
“เซ็นเอกสารเสร็จ เดี๋ยวฉันพาไปเดินเล่นที่สวน”
“พ่อเลี้ยงคะ”
“ว่าไง?”
“คือว่าถ้าเพื่อนของบัวจะมาเที่ยวที่ไร่ พ่อเลี้ยงอนุญาตไหมคะ?”
“เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ทั้งคู่เลยค่ะ” คำตอบของฉันทำให้พ่อเลี้ยงเงยหน้าจากเอกสารมาสบตากับฉันที่ระบายยิ้มให้เขา
“ได้สิ”
“ขอบคุณนะคะ”
“อยู่มหาลัย มีเพื่อนผู้ชายเยอะหรือเปล่า?” พ่อเลี้ยงถามโดยไม่สบตากับฉัน แน่นอนก็ตอบไปตามความจริง
“มีแค่จอมคนเดียวค่ะ ส่วนคนอื่นที่เป็นรุ่นพี่คณะอื่นมาชอบบัว แต่บัวไม่ได้สนใจหรอกค่ะบัวอยากเรียนให้จบ”
“ดีแล้ว ตั้งใจเรียนก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน”
ฉันพยักหน้ารับและจ้องหน้าพ่อเลี้ยงที่อ่านเอกสารเซ็นไปแล้วหลายต่อหลายเล่ม พอได้มองก็ยิ่งอยากมองเขาไปเรื่อยๆ จนเผลออมยิ้มออกมาคนเดียวเหมือนคนบ้า กระทั่งแฟ้มเอกสารปิดลงปากกาถูกเก็บเข้าปลอกเขาก็ลุกขึ้นมองฉันพลางพยักหน้ารับเชิงบอกว่า ‘ฉันเสร็จงานแล้วเด็กดื้อ’
“คุยธุระกับเพื่อนฉันเรียบร้อย ฉันมีที่ที่หนึ่งที่จะพาเธอไป”
“ที่ไหนเหรอคะ?”
“ที่ดินที่ฉันเตรียมทำดอกไม้เมืองหนาว” เดินตามพ่อเลี้ยงออกจากห้องทำงานจังหวะนั้นพนักงานหลายคนก็มองหน้าฉันพลางซุบซิบนินทา แต่พอพ่อเลี้ยงเดินผ่านพวกเขาก็ยกมือไหว้พ่อเลี้ยงทำความเคารพ
“ตายจริง ข้อเท้าพ่อเลี้ยงไปโดนอะไรมาคะ” ฉันหยุดชะงักเท้าตัวเองทันทีไม่ต่างจากพ่อเลี้ยงที่เซจนฉันประคองเอวสอบไว้ไม่ให้เขาล้ม มองพนักงานสาวอีกคนที่ไม่ใช่คนที่เอาข้าวไปให้ย่อตัวนั่ง หากแต่ว่าสาบเสื้อเชิ้ตที่ใส่คือแยกออกจากกันเห็นทรวงอกล้นจนแทบจะทะลักทิ่มตาพ่อเลี้ยงที่ชักเท้าตัวเองกลับ
“ไม่เป็นอะไร เธอลุกขึ้น”
“ให้วรรณช่วยดูแลพ่อเลี้ยงไหมคะ?”
“ไม่ต้อง บัวดูแลฉันแล้ว” คำปฏิเสธของพ่อเลี้ยงทำให้หล่อนถึงกับหน้าเหวอลุกขึ้นยืน พลางทำตัวไม่ถูก “ไปทำงานของตัวเองให้ดี ไม่ใช่มายุ่งวุ่นวายเรื่องของฉัน”
“ค่ะ”
“ไปกันบัว” พ่อเลี้ยงคว้าต้นแขนฉันเดินออกจากรีสอร์ทไปด้านหลังที่เป็นสวนขนาดย่อมเอาไว้รับรองแขก มีลานน้ำพุและมีปลาคราฟแหวกว่ายอยู่ในน้ำใสๆ และที่สำคัญดอกไม้สวยมากจนฉันฉีกยิ้มวิ่งไปดูน้ำพุเหมือนเด็กน้อย
“พ่อเลี้ยงดูสิคะ ปลาตัวใหญ่ยังกับชะโดแหน่ะ”
“รู้จักปลาชะโดด้วย?”
“ที่มหาลัยมีค่ะ ตัวใหญ่มากแบบกินปลาด้วยกันเองจนพุงกาง” ฉันพูดแล้วทำท่าไปด้วยสร้างเสียงหัวเราะให้กับพ่อเลี้ยงที่ยืนกอดอกมองฉัน “รีสอร์ทของพ่อเลี้ยงสวยมากเลยนะคะ ได้เห็นชัดๆ ก็ตอนนี้”
“ถ้าเรียนจบมีที่ให้เลือกทำงานระหว่างทำงานที่ไร่กับรีสอร์ท อืม แล้วก็ไร่ดอกไม้เมืองหนาว เธออยากทำที่ไหน?”
“บัวแล้วแต่พ่อเลี้ยงเลยค่ะ”
“แล้วแต่ฉันได้ยังไง เธอเป็นคนทำงานนะ” เม้มริมฝีปากตัวเองพลางหันไปสบตากับพ่อเลี้ยงเอามือไขว่ไว้ด้านหลังและเดินไปหยุดตรงหน้าเขาที่เลิกคิ้วขึ้นรอฟังคำตอบ
“บัวอยากทำงานที่ช่วยแบ่งเบาภาระพ่อเลี้ยงได้ค่ะ”
“...”
“ที่ไหนก็ได้ค่ะหรือจะให้ทำทั้งสามที่เลยก็ได้ บัวอยากช่วยพ่อเลี้ยง” พูดจบก็ฉีกยิ้มกว้างให้กับเขาพลางเบิกตากว้างที่เห็นคนสวนกำลังลงดอกไม้อยู่และดอกนั้นก็คือดอกทิวลิปหลากสีสัน “พ่อเลี้ยงสอนงานบัวที่รีสอร์ทด้วยได้ไหมคะ เมื่อวานสอนที่ไร่ไปแล้ว”
“ทีละขั้นสิ ที่ไร่ยังมีที่ให้เธอเรียนรู้อีกเยอะเลยนะนั่นแค่ 1% เอง”
“นะ หนึ่งเปอร์เซ็นเองเหรอคะ!”
“หึ”
“พ่อเลี้ยงหลอกบัวเหรอคะ” เกินไปนะที่เรียนรู้ไปเมื่อวานเรียนรู้ได้แค่ 1% แล้วอีก 99% คือฉันต้องเรียนรู้อีกนานแค่ไหนล่ะเนี่ย “บัวต้องเรียนรู้ไปอีกกี่ปีคะเนี่ยถึงจะเก่งแบบพ่อเลี้ยง”
“ตลอดชีวิต”
“ตะ ตลอดชีวิตเลยเหรอคะ” น้ำเสียงแผ่วเบาช่วงท้ายทำให้ฉันหันกลับมามองดอกทิวลิปพลางยกมือทาบทับแก้มตัวเองที่ร้อนผะผ่าวจนแทบไหม้
“ฉันหมายถึงถ้าเธอจะเรียนรู้ทั้งหมด คงต้องใช้เวลานานประมาณนั้นน่ะ”
[50%]
*--------------------------------------------*