ถูกขาย

2674 Words
จวนเสนาบดีฮุยยามนี้ เจ้าของจวนนั่งหน้าดำเพราะบุตรที่เขาอุตสาห์รู้สึกเอ็นดูทำเรื่องงามหน้าเช่นการหนีออกไปจากจวน นางไม่อยากอยู่ที่นี่ถึงขนาดหนีไปให้เขาได้อับอาย นางช่างไม่รักดีเหมือนมารดาของนาง ได้! หากนางไม่อยากอยู่เขาก็จะให้นางได้สมปรารถนา “โบยนางยี่สิบไม้ แล้วส่งไปขาย ข้าไม่อยากเห็นหน้านางอีก!” หลังเสร็จสิ้นคำตัดสินเขาก็เดินกลับเรือน ไม่หันกลับมาดูนางให้เสนียดตา แววตาแข็งกร้าวเจ็บแค้นนั่นคือสิ่งใด! เป็นเด็กมีแววตาเช่นนี้ ใครจะอยากมองให้เป็นเสนียด นางช่างน่าเกลียดเหมือนมารดาไม่มีผิด! ฮูหยินใหญ่ตาแวววาว นำคนไปขายให้ได้ราคาคงมีแค่ที่เดียว มารดานางมาจากหอโคมเขียว เด็กนี่ก็ควรกลับไปอยู่หอโคมเขียวเช่นมารดาของนาง เมื่อยังสาวมารดาของนางงามนัก ถึงนังเด็กนี่จะหน้าตามอมแมมแต่ถ้าจับขัดถูทุกวัน ไม่แน่ว่าอาจได้รับแขกวันละสี่ห้าคน ยามนั้น นางจะหัวเราะให้สะใจเชียวล่ะ เมื่อเห็นลู่ทางทำที่จะทำให้เสี้ยนตำใจของนางทนทุกข์ นางก็ยิ้มแสยะอย่างสมหวัง เด็กปากเสียนี่ต้องเจ็บปวดและเสียใจที่ดื้อรั้นต่อนาง ฮูหยินใหญ่จึงออกคำสั่งกับบ่าวชาย “นำมันไปโบยแล้วขังไว้ให้ดี อ้อ! อย่าปล่อยให้มันตายเสียล่ะ พวกเจ้าเฝ้ามันไว้ให้ดี หึ!” นางมองสภาพน่าสมเพชของเด็กหญิงที่ถูกลากไปโบย และแม้จะถูกโบยเด็กหญิงก็ไม่ส่งเสียงร้องสักแอะ เด็กใจแข็งเช่นนี้หากปล่อยไว้ให้โตขึ้น เกรงจะมีภัยมาถึงเรือน! เมื่อฮูหยินใหญ่มองดูการลงโทษเสร็จสิ้น นางจึงเดินกลับขึ้นเรือน ปล่อยให้เด็กหญิงตัวเล็กที่ถูกโบยจนสลบถูกลากไปขังไว้ยังห้องเก็บฟืน รุ่งเช้าเด็กหญิงถูกโบยจนเนื้อปริแตก มีอาการไข้จนเพ้อ นางคร่ำครวญหามารดาตลอดเวลา คนจากหอโคมเขียวมารับเด็กหญิงถึงจวน แม้เด็กหญิงจะมีอาการเจ็บป่วยแต่ด้วยมีเค้าความงาม ใบหน้าที่ล้างคราบสกปรกออกก็ฉายแววจะเป็นหญิงงามในอนาคต พวกเขาจึงให้ราคางามถึง 10 ตำลึง ปกติเด็กหญิงวัยเพียงเท่านี้จะขายได้ราคาเพียงห้าหรือแปดตำลึงเท่านั้น ฮูหยินใหญ่ไม่สนใจว่าจะขายได้เท่าไหร่ แต่ขายให้หอโคมเขียวมีชื่อ ลูกค้าหนาแน่น ถึงอย่างไร นางต้องได้ใช้ความงามจนคุ้มค่าแน่! ******* ในหอโคมเขียวแห่งนั้น เด็กหญิงที่ป่วยจนเพ้อก็ได้รับการป้อนยาจนอาการดีขึ้น นางรู้สึกตัวขึ้นมาในห้องแห่งหนึ่ง ที่นั่นยังมีเด็กหญิงอีกคนหนึ่งอาศัยอยู่ เด็กสาวคนนั้นมีใบหน้างดงามแต่งกายสะอาดสะอ้าน ใบหน้ามีแววงดงามไม่น้อย “ที่นี่คือ.... เจ้าเป็นใคร” เด็กหญิงเอ่ยถามเด็กสาวที่เดินมาพร้อมอ่างใส่น้ำในมือ นางตั้งอ่างน้ำไว้บนโต๊ะ ก่อนนำผ้าชุบน้ำมาเช็ดเนื้อตัวให้ผู้มาใหม่ เด็กหญิงไม่เคยได้รับการปรนนิบัติ จึงรู้สึกไม่คุ้นเคย กระถดตัวจนชิดผนัง เมื่อวานนางได้ยินว่านางจะถูกขายมาหอโคมเขียว หรือที่นี่ก็คือหอโคมเขียว “ที่นี่คือหอตงเหอ เป็นหอโคมเขียวที่มีชื่อเสียงของเมืองหลวง ข้าชื่อเสี่ยวม่าน พักอยู่ที่นี่กับเจ้าด้วย ตอนเจ้าเป็นไข้ตัวร้อนจนเพ้อ ข้าก็เป็นคนเช็ดตัวให้เจ้าด้วยนะ” เด็กสาววัยใกล้เคียงกันกล่าวกับนาง อีกทั้งยังยิ้มแย้มพูดคุยกับนางอย่างใจดี สาวน้อยคนนั้นบอกว่าชื่อเสี่ยวม่าน และดูจะโตกว่านางอยู่หน่อยหนึ่ง ท่าทางเป็นมิตร “เสี่ยวม่านงั้นหรือ เจ้าก็ถูกขายมางั้นหรือ” “ใช่ ข้าถูกขายมาที่นี่เมื่อปีก่อน เพราะครอบครัวข้าไม่มีเงิน บิดาต้องการส่งบุตรชายของเขาให้ได้เล่าเรียน จึงส่งข้ามาขายที่นี่ เจ้าล่ะ ทำไมเจ้าถึงถูกเฆี่ยนตีหนักขนาดนี้” “ข้าเป็นบ่าวในจวน สิ้นมารดา จึงถูกนำมาขาย” “งั้นหรือ เจ้าสิ้นมารดาจึงถูกนำมาขาย... ส่วนข้าบิดามารดายังไม่สิ้น ก็ยังถูกจับมาขาย ทุกอย่างล้วนเป็นโชคชะตา แต่ก็ดี อยู่ที่นี่ดีกว่าอยู่กับครอบครัวเดิมเสียอีก ที่นี่เจ้าได้กินอาหารสามมื้อ เมื่อก่อนข้าได้กินแค่วันละสองมื้อเท่านั้น” เมื่อได้ยินดังนั้น นางก็มองเสี่ยวม่านให้ชัดขึ้น เสี่ยวม่านก็คงลำบากเช่นเดียวกับนางสินะ “เสี่ยวม่าน เจ้ามาอยู่ที่นี่ เจ้าไม่เสียใจหรือ” เสี่ยวม่านผู้นี้ ไม่มีวี่แววของความเสียใจ นางยังดูสดใสเสียด้วยซ้ำ “เมื่อก่อนข้าเคยเสียใจมาก แต่พอได้พบกับนายหญิง ความคิดข้าก็เปลี่ยนไป ที่นี่ข้าสามารถเลือกได้ แม้ที่นี่คือหอโคมเขียว แต่เจ้าสามารถเรียนรู้ได้ทุกสิ่งและเมื่อเจ้าเก่ง เจ้าก็สามารถไขว่คว้าได้ทุกอย่าง” มีเรื่องเช่นนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ นางคิดว่าที่หอโคมเขียวคือที่ที่ทรมานผู้คนเสียอีก “ว่าแต่เจ้าชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ เจ้าดูผอมมาก คงไม่ค่อยได้กินอะไรแน่” “เอ่อ.. ข้าชื่อ.. หลิวฟงเหมียน” นางยังไม่ค่อยไว้ใจผู้อื่น แต่เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าก็เหมือนจะเป็นมิตรกับนาง นางไม่มีสายตาดูถูกหรือรังเกียจ “อ้อ.. ฟงเหมียน ข้าชื่อ หงซือม่าน เรียกข้าเสี่ยวม่านก็ได้ ข้าอายุ 13 ปี” นางบอกว่าชื่อหงซือม่าน เด็กสาวผู้นี้มีใบหน้าจิ้มลิ้มงดงามท่าทางเฉลียวฉลาด “เอ่อ.. ข้าอายุ 10 ปี เจ้าเรียกข้าว่าเสี่ยวเหมียนก็ได้” “หือ.. 10 ปีงั้นหรือ งั้นข้าเรียกเจ้าว่าเหมียนเออร์ดีกว่า นะเหมียนเออร์ ข้าชอบเจ้า เรามาเป็นสหายกันดีหรือไม่ ที่นี่ข้าสามารถสอนเจ้าได้นะ” สหายงั้นหรือ นางสามารถมีสหายได้งั้นหรือ แล้วสหายต้องทำอะไรล่ะ ต้องปรนนิบัติอย่างไร เมื่อเห็นเด็กหญิงมีสีหน้างงงวยและเป็นกังวล นางจึงถามออกไป “เหมียนเออร์ เจ้าไม่อยากเป็นสหายกับข้างั้นหรือ ข้าคงพูดมากเกินไป เจ้าอย่าถือสาข้าเลยนะ” “เปล่าๆ ไม่ใช่ข้าไม่อยากเป็นสหายกับเจ้า แต่สหายนี่ต้องทำอะไรบ้างหรือ?” “คิกๆ เจ้าตลกจัง เจ้าไม่เคยมีสหายมาก่อนหรือ” หงซือม่านหัวเราะคิกคักกับคำถามที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากเด็กหญิงผู้มาใหม่ “ไม่.. ไม่มี เจ้าเป็นคนแรก ที่ต้องการเป็นสหายกับข้า” เมื่อได้ยินดังนั้น นางก็หยุดหัวเราะในทันที ทำไมล่ะ เหมียนเออร์ออกจะน่ารัก เหตุใดถึงไม่เคยมีสหาย “งั้น.. เจ้าให้ข้าเป็นสหายคนแรกของเจ้านะ เหมียนเออร์ ข้าสัญญา ข้าจะดีต่อเจ้าให้มาก ยามลำบาก ข้าจะไม่ทอดทิ้งเจ้า” คำกล่าวนั้นเป็นดั่งหยาดฝนที่ตกลงมาในหัวใจที่แห้งแล้ง ไม่เคย... นอกจากมารดา ก็ไม่เคยมีใครกล่าวกับนางเช่นนี้ น้ำตาที่ไม่คิดว่าจะมีได้อีก ไหลรินลงมาอาบดวงหน้า หงซือม่านตกใจที่จู่ๆ เพื่อนใหม่หมาดๆของนางก็ร้องไห้ หรือนางพูดสิ่งใดไปสะกิดความรู้สึกไม่ดีของเหมียนเออร์หรือไม่นะ “เหมียนเออร์ เจ้าร้องไห้ทำไม ข้าขอโทษ ข้าพูดมากอีกแล้ว แต่เจ้าหยุดร้องเถอะนะ” เด็กสาวหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้เพื่อนใหม่ของนาง ละล่ำละลักขอโทษขอโพย นางรู้สึกถูกชะตากับฟงเหมียนคนนี้มาก นางแค่ต้องการผูกสัมพันธ์เป็นสหายเพียงเท่านั้น “เปล่า เจ้าไม่ได้พูดสิ่งใดผิด เพียงแต่ข้าดีใจ ข้าไม่เคยมีคนห่วงใยนอกจากมารดา เจ้าเป็นสหายคนแรก และยังเป็นคนแรกที่ห่วงใยข้า ข้าเพียงดีใจเท่านั้น” “โธ่! ข้าก็นึกว่าเจ้าเสียใจสิ่งใดซะอีก เออนี่! ข้านำข้าวต้มมาให้เจ้าด้วยนะ เจ้าไม่กินสิ่งใดมาตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ข้าเลยทำข้าวต้มมาให้” สหายใหม่นำข้าวต้มมายื่นให้นาง นอกจากจะหอมกรุ่นน่าทาน ในถ้วยข้าวต้มนั้นยังมีเนื้อหมูอีกหลายชิ้นนับไม่ถ้วน นางหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวต้มอุ่นๆนั้นเข้าปาก เพียงคำแรกที่เข้าปาก ก็อร่อยแทบน้ำตาไหล น้ำซุบเข้มข้น เนื้อหมูเต็มคำ สิ่งนี้นางไม่เคยกิน เด็กหญิงจ้วงทานข้าวต้มอย่างอร่อยทั้งหิวโหย ไม่นานข้าวต้มถ้วยนั้นก็หมดลง ท้องนางก็ตึงไปหมด “อ่ะนี่ ยาของเจ้า นอกจากจะแก้ไข้แล้ว อาการฟกช้ำและรอยแผลก็จะหายไวขึ้นด้วย ขมหน่อย แต่ข้ามีน้ำตาลก้อนมาให้เจ้าด้วยนะ” เด็กสาวว่าพลางหยิบน้ำตาลสีสวยขึ้นมาวางไว้ข้างถ้วยยา ฟงเหมียนรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ไม่นึกว่ายังมีคนที่ดีกับคนแปลกหน้าอย่างนางมากเพียงนี้อยู่อีก ในใจปักธงสหายชั่วชีวิตให้เด็กสาวตรงหน้าไปแล้ว! หลังจากทานข้าวทานยาเสร็จ เด็กหญิงก็รู้สึกง่วง เสี่ยวม่านจึงให้นางนอนพักผ่อน ก่อนขอตัวไปทำอย่างอื่น หงซือม่านนั้นถูกขายมาที่นี่ตั้งแต่สองปีที่แล้ว แรกๆที่มานางก็ตั้งแง่กับมามาทุกคนที่มาอบรมสั่งสอน นางไม่อยากกลายเป็นหญิงคณิกาที่ผู้คนรังเกียจ แต่เมื่อนางได้พบกับนายหญิง นายหญิงผู้นั้นงดงามเหนือจินตนาการของนางไปมากโข นางเล่าให้ฟังว่าชีวิตนางเกิดมาก็เลือกไม่ได้ เด็กสาวที่มาที่นี่ล้วนมีชีวิตไม่ต่างกัน แต่เมื่อมีโอกาสก็ต้องกระเสือกกระสนเพื่อตนเอง หากนางตั้งใจเรียนรู้ เก่งศาสตร์ศิลป์ของสตรี ก็จะกลายเป็นนางโลมชั้นสูง ไม่ต้องขายเรือนร่างแต่สามารถขายศิลปะได้ หากไม่ถนัดเรื่องใดเลยก็ยังสามารถเป็นสาวใช้ได้ ที่นี่ทุกคนสามารถเลือกงานได้ และรายได้ก็จะแตกต่างกัน สาวใช้หลายคนอยู่ที่นี่ตั้งแต่หนุ่มจนแก่ นางโลมหลายคนมีเงินไถ่ตัวไปมีครอบครัว หลายคนเมื่อแก่ตัวผันตัวมาเป็นมามา นางผู้เป็นอดีตนางโลมอับดับหนึ่ง ยามนี้ผันตัวมาเป็นนายหญิงของที่นี่ ทุกวันนี้นางพอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่ การอยู่ได้ด้วยตัวเอง เป็นสิ่งที่นางต้องการ ที่นี่หากไม่ทำงาน ก็จะถูกส่งไปขายยังที่อื่น และที่อื่นอาจโหดร้ายกว่าที่นี่ จงคิดและเลือกชีวิตให้ดี หลังจากนั้น นางก็ตั้งเป้าหมายใหม่ นางจะเป็นนางโลมอันดับหนึ่ง จะเป็นอย่างนายหญิงอี๋! หลังการเรียนฟ้อนรำ หงซือม่านก็เข้าไปปรนนิบัตินายหญิงเช่นทุกวัน นางชอบมาพูดคุยกับนายหญิงอี๋ นายหญิงสอนอะไรดีๆนางมากมาย “เด็กหญิงที่มาใหม่เป็นอย่างไรบ้าง ได้ข่าวว่าเจ้ายินยอมให้นางมาอยู่ร่วมห้องได้อย่างนั้นหรือ อาหง” นายหญิงอี๋เรียกหงซือม่านว่าอาหง และนางก็ชอบชื่อนี้มาก ฟังดูสูงส่งสมกับปณิธานที่นางตั้งใจ “เจ้าค่ะนายหญิง ครั้งแรกที่นางมาถึง ต้องหามเข้ามาเชียวนะเจ้าคะ นางมีไข้สูง เพ้อตลอดเวลา นางเรียกหาแต่มารดา น่าสงสารนัก ข้ารู้สึกถูกชะตาเพียงแรกเห็น เลยตั้งใจจะสั่งสอนนางให้ดี จะให้นางเป็นสหาย วันนี้นางตื่นขึ้น เล่าเรื่องของนางให้ข้าฟัง นางมีชะตาน่าสงสารเหมือนข้าเลยเจ้าค่ะ หรืออาจย่ำแย่กว่าด้วยซ้ำ” “อย่างนั้นหรือ อาหงของข้าเติบโตขึ้นมาก ว่าแต่นางชื่อว่าอย่างไร นางยอมบอกหรือไม่” “เจ้าค่ะ นางบอกว่านางชื่อ หลิวฟงเหมียน” “งั้นหรือ ข้ารู้สึกคุ้นชื่อแซ่นี้มาก หากนางฟื้นแล้ว เจ้าตามมาพบข้าด้วยแล้วกัน” “เจ้าค่ะนายหญิง” หลังจากนั้น หงซือม่านก็ปรนนิบัตินายหญิงของนางจนเรียบร้อย ก็ขอตัวออกไปให้นายหญิงได้พักผ่อน กลางดึกคืนนั้น ในห้องส่วนตัวของนายหญิงอี๋แห่งหอตงเหอ หอโคมเขียวที่มีชื่อเลื่องลือด้านสาวงามและการมาเยือนที่นี่ก็ดั่งได้มาเยือนสรวงสวรรค์ “นายท่าน... มาแล้วหรือ ราตรีนี้ ข้านึกว่าท่านจะไม่มาเสียอีก” ร่างงดงามเย้ายวนของสตรีวัยใกล้สามสิบเอ่ยขึ้นต้อนรับชายผู้หนึ่ง ที่เข้าหานางทางหน้าต่างบานใหญ่ ห้องของนางมีหน้าต่างบานเดียว แต่เป็นหน้าต่างที่มีองค์รักษ์เงาเฝ้าไว้ถึงห้าคน และรอบหอตงเหอแห่งนี้ก็มีองค์รักษ์เงาแฝงอยู่นับไม่ถ้วน คนที่จะเข้าหานางได้ คงมีเพียงนายท่านเท่านั้น ร่างสูงใหญ่ของชายฉกรรจ์วัยสี่สิบ ก้าวเข้าหาสาวงามอย่างอุกอาจ เขากระชากชุดผ้าเนื้อบางออกจากร่างงดงาม ก่อนซุกไซร้จมูกที่มีไรหนวดครึ้มเข้าหาอกอวบสล้างขาวโพลน การกระทำอุกอาจของเขาทำให้สาวงามส่งเสียงครางออกมาทันที เมื่อริมฝีปากร้ายกาจนั่นพบกับเม็ดทับทิมก็ตะโบมดูดดึงอย่างหิวกระหาย แขนแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างคนออกกำลังกายอย่างหนักทุกวันไม่ได้ขาด กอดรัดร่างบางระหงไว้ในวงแขน อีกมือเร่งกระชากกางเกงให้หลุดลงไปกองที่พื้นก่อนใช้เท้าเขี่ยให้พ้นทาง ร่างสาวงามถูกกกกอดซุกไซร้อยู่กลางห้อง เมื่ออารมณ์กำหนัดถึงที่สุด เขาก็จับขานางข้างหนึ่งยกขึ้นพาดบ่า ปล่อยให้ขาอีกข้างพยุงร่างงดงามให้ยืนไว้มั่น ก่อนนำสิ่งที่มีขนาดใหญ่ตรงกลางร่างกาย เต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปนและมีขนาดใหญ่โตเกินคาดหมาย ยัดเข้าไปกลางร่างงาม กระแทกเข้าไปเต็มง่ามขา แม้จะพึ่งเริ่มไฟราคะ แต่เขาไม่ลดความเร็วให้นางเลย เสียงครางระงมดังขึ้นไม่หยุดเมื่อสิ่งนั้นถูกรังแกอย่างหนัก หญิงงามเริ่มยืนไม่ไหว แข้งขาอ่อนยวบ เขาจึงอุ้มนางมาวางไว้กลางเตียงก่อนขยับโยกจนเตียงนางสั่นไหวแทบพัง เสียงครางอย่างสุขสมของเขาดังสอดประสานกับเสียงครางแว่วหวานสะอื้น บทรักเร่าร้อนเกิดขึ้นยาวนานเกือบชั่วยาม สงครามรักจึงสงบลง.... เมื่อนายท่านกลับไปแล้ว หญิงสาวชำเลืองมองไปที่ความยับเยินบนเตียง นางคงได้เปลี่ยนเตียงใหม่ นายท่านร้อนแรงเช่นนี้เสมอ เขาจะมาหานางอาทิตย์และครั้ง หรือนานๆมาที แต่ทุกครั้งที่มา เขาตักตวงจนคุ้มค่อยจากไป นายหญิงอี๋เคาะกระดิ่งเรียกสาวใช้หน้าห้องเข้ามาทำความสะอาดและปรนนิบัตินางอีกครั้ง ยามนี้เนื้อตัวของนางเต็มไปด้วยน้ำคาวอันมากล้น และริ้วรอยแห่งกามสวาทเต็มตัวไปหมด นางรู้จักกับนายท่านมาได้สิบปีแล้ว ยามนั้นนางคือนางโลมอันดับหนึ่ง ขายศิลป์ไม่ขายเรือนร่าง นางในวัยสิบเก้าปีงดงามสะพรั่ง ได้พบกับเขา ชายผู้สูงศักดิ์นางจึงยอมตกเป็นของเขา และเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว เขาคือชายคนแรกและคนเดียวของนาง!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD