เกมรัก : ตอนที่ 8
"แกจะบ้าเหรอยัยข้าว แกไปยอมไอ้หมอนั่นทำไม" มีอาบ่นอุบ หลังจากที่เลิกกิจกรรมรับน้องเรียบร้อยแล้ว
"เรื่องนี้ฉันผิดเอง จะให้รุ่นน้องมาโดนแทนฉันคงทำไม่ได้" ข้าวหอมตอบกลับมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
"แกไม่ตายก่อนวิ่งครบร้อยรอบเหรอไง แล้วนี่ขาก็เจ็บอีก" สนามของมหาลัยเป็นสนามขนาดมาตรฐานระดับสากล ต่อให้เป็นนักวิ่งจริงๆแค่สิบรอบก็จอดแล้ว และระดับคนทั่วไปอย่างข้าวหอมที่ไม่ได้ผ่านการฝึกวิ่งเลยคงไม่ต้องพูดถึงเอาให้ได้ห้ารอบก็ถือว่าเก่ง
"นายนั่นไม่ได้บอกนิ่ว่าต้องวิ่งรวดทีเดียว ฉันเหนื่อยก็พัก แกไม่ต้องคิดมากหรอก วันนี้แกมีนัดกับครอบครัวไม่ใช่เหรอรีบไปเถอะ ไม่ต้องห่วงฉัน"
"แต่...."
"ไม่มีแต่ทั้งนั้นแหละ ฉันบอกว่าฉันไหวคือไหว" ข้าวหอมรีบพูดสวนทันทีไม่รอให้มีอาพูดจบ
"ถ้าไม่ไหวโทรหาฉันเลยนะ ฉันจะรีบมาหาแกเลย" มีอาทำสีหน้าลำบากใจ ถ้าวันนี้เธอไม่มีนัดกับครอบครัวคงได้อยู่เป็นเพื่อนข้าวหอม
"อื้ม แกไปเถอะ" ข้าวหอมโบกมือลาเพื่อนสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่พอมองมีอาจนสุดสายตาร่างบางหันหลังกลับใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลและสีหน้าเจ็บปวด อาการปวดขาของเธอมันเริ่มปวดเรื่อยๆแต่ต้องเก็บอาการให้เป็นปกติไม่ให้เพื่อนเธอเป็นห่วง
"ปวดจัง ขาจะก้าวไม่ออกอยู่แล้ว" ข้าวหอมบ่นกับตัวเองและเดินมุ่งหน้าไปยังสนามของมหาลัย
"ไอ้เคมึงไม่เล่นแรงไปหน่อยเหรอวะ ร้อยรอบสนามกีฬานะเว้ย ไม่ใช่รอบโบสถ์" โจเซฟพูดขึ้น เพราะขนาดเขาเป็นผู้ชายออกกำลังกาย ยังวิ่งไม่ถึงร้อยรอบเลย
"พวกมึงจะไปสนามกับกูไหม ถ้าไปก็ตามมา" เควินพูดชวนเพื่อนสนิทเขาทั้งสองคนพร้อมกับเดินออกไป ไม่ได้สนใจคำพูดของโจเซฟเลย ไทม์กับโจเซฟมองหน้ากันเป็นอันว่าเข้าใจพวกเขาจึงเดินตามเควินไป
-ณ สนามกีฬามหาลัยชื่อดัง-
ข้าวหอมได้มานั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอพยายามใช้ยานวดคลายเส้นที่พึ่งไปขอห้องพยาบาลมา พอถกขากางเกงขึ้นจากขาขาวเนียนตอนนี้มีแต่รอยฟกช้ำเขียวอมม่วงทั่วเรียวขาสวย
"นี่ขนาดวันแรกนะรอยยังเห็นชัดขนาดนี้ ถ้าพรุ่งนี้คงช้ำม่วงจนน่ากลัวแหงๆ" ข้าวหอมทายาไปบ่นไปกับรอยช้ำตามเรียวขา เธอคิดว่ารอยพวกนี้คงมาจากล้มเมื่อเช้าครึ่งนึง และร่วมทำกิจกรรมกับรุ่นน้องอีกครึ่งนึง วันนี้ตัวเธอและเพื่อนๆโดนแกล้งสารพัดเหนื่อยจนร้องไม่ออก แต่ทุกคนก็ทำกันอย่างเต็มที่และทุกอย่างก็ราบรื่นถ้าไม่นับรวมเรื่องของเธอที่โดนชายหนุ่มจงใจกลั่นแกล้ง
"หมดเวลานั่งเล่นของเธอแล้ว" น้ำเสียงเข้มพูดขึ้นจากทางด้านหลังของเธอ ร่างสูงเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงสาวเขาปรายตามองไปที่ขาของเธอแค่ช่วงวินาทีสั้นๆเท่านั้นแต่ก็ไม่ได้สนใจ
ข้าวหอมลุกขึ้นยืนประจันหน้าคนตัวสูง ด้วยความที่เธอสูงแค่ร้อยหกสิบสอง เวลาคุยกับเควินต้องเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย
"บทลงโทษของนายคือให้ฉันวิ่งหนึ่งร้อยรอบใช่ไหม" ข้าวหอมถามเควินด้วยสายตาที่แข็งกร้าว
"อืม ถ้าเธอสมองไม่เสื่อมคงไม่ต้องให้ฉันพูดซ้ำ และฉันจะไม่พูดซ้ำว่าเธอควรเรียกฉันว่าอะไร" เควินมองนัยส์ตาสีดำสนิทของข้าวหอม แววตาที่บ่งบอกว่าเธอเกลียดเขาออกมาอย่างชัดเจน
"ฉันจะเรียกนายว่าอะไรมันเป็นสิทธิ์ของฉัน ฉันจะเคารพคนที่ฉันอยากเคารพแต่คนนั้นไม่ใช่นาย" ข้าวหอมประกาศกร้าว
"เฮ้!!! สองคนนั้นหยุดวางมวยกันได้แล้ว" เพื่อนของเควินรีบวิ่งเข้ามาห้ามก่อนที่เควินจะโมโหไปมากกว่านี้
"สวัสดีค่ะพี่โจเซฟ พี่ไทม์" ข้าวหอมพูดพร้อมกับก้มหัวเล็กน้อยแสดงความเคารพให้กับบุคคลที่เดินเข้ามาใหม่ ถึงเธอจะอยู่คนละปีกับพวกเขา แต่อายุก็ไล่เลี่ยกัน อย่างมากก็ปีเดียวหรือไม่กี่เดือน เธอจึงไม่ได้ยกมือไหว้พวกเขาแต่ให้เกียรติด้วยการเรียกพี่เพราะอยู่ในฐานะรุ่นพี่ปีสี่
"ในเมื่อนายบอกให้ฉันวิ่งร้อยรอบ แต่ไม่ได้บอกว่าจะให้ฉันวิ่งครบในวันนี้วันเดียวถูกไหม" ข้าวหอมกระตุกยิ้มมุมปาก
"ดังนั้นวันนี้ฉันจะวิ่งแค่สิบรอบ และจะมาวิ่งเป็นเวลาสิบวันก็ครบร้อยรอบพอดี นายคงไม่ว่าอะไรนะ ถ้าจะมาดูฉันวิ่งให้ครบสิบวัน อ่อ! นายไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันเพราะนายพูดไม่ละเอียดเอง จริงไหมคะพี่โจเซฟ พี่ไทม์" ข้าวหอมหันไปถามทั้งสองคนที่ยืนฟังอยู่
"ก็จริงอย่างที่เธอว่า มึงไม่แจ้งรายละเอียดน้องเขาตั้งแต่แรก" ไทม์พูดเสริมทันที เขารู้สึกว่าข้าวหอมก็ร้ายไม่แพ้เพื่อนของเขาเหมือนกัน
"ไอ้เหี้_ไทม์" เควินพูดขึ้นด้วยท่าทางหัวเสียอย่างหนัก
"ส่วนวันไหนที่ฉันจะมาวิ่งบ้าง เดี๋ยวฉันส่งให้ในไลน์" พูดจบข้าวหอมก็หยิบโทรศัพท์เพื่อทำบางอย่าง
ตึ๊ง~
เสียงแจ้งเตือนไลน์จากโทรศัพท์เครื่องหรูของเควินดังขึ้น เขาจึงหยิบขึ้นมาดูทันทีก็พบว่าเป็นไลน์ของคนตรงหน้าที่ส่งตารางวิ่งของเธอมาให้เขา มันเหมือนกับเธอเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว ทั้งตารางวิ่งและหาไลน์เขาจนเจอ
"......." เควินนิ่งเมื่อเห็นข้อความในไลน์
"ฉันไปวิ่งก่อนนะ" ข้าวหอมยิ้มเยาะเย้ยคนตรงหน้าอย่างสะใจ ก่อนหน้านี้เธอได้เตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว เธอหาไลน์ของเขาจากกลุ่มรวมคณะจนเจอ และตารางวิ่งของเธอจะเป็นวันที่เธอมีเรียนเท่านั้น เท่าที่เธอรู้มาตารางเรียนเธอจะไม่ค่อยตรงกับเขาซักเท่าไหร่มันเลยทำให้เธอรู้สึกซะใจที่สามารถเอาคืนคนอย่างเควินได้
"หึ ร้ายใช้ได้" โจเซฟพูดขึ้นเมื่อเห็นการกระทำของข้าวหอม ค่อยเป็นคู่ที่สมน้ำสมเนื้อกันหน่อย
แฮ่ก แฮ่ก เฮ้อ (เสียงหอบหายใจอย่างหนักของร่างบางที่ยังคงวิ่งรอบสนามอยู่)
"รอบที่เจ็ดแล้วข้าวเอ้ย สู้ดิวะ เกินครึ่งทางแล้ว อีกแค่สามรอบเท่านั้น" ข้าวหอมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปพร้อมกับสร้างกำลังใจให้ตัวเองไปด้วย เธอเริ่มวิ่งก็เกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว ตอนนี้ฟ้ามืดลง มีเพียงแสงสว่างจากไฟสปอตไลต์ของสนามที่คอยส่องแสงสว่างไปทั่วทั้งสนาม
เควินนั่งจ้องร่างบางที่ยังคงวิ่งอยู่ไม่ไปไหน เขาอยากเห็นสภาพคนอวดเก่ง และถ้าเขากลับก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะวิ่งครบสิบรอบไหม ส่วนเพื่อนคนอื่นกลับไปกันหมดแล้ว ทั้งสนามก็เหลือแต่เขาและเธอ
"อีกนิดเดียว อีกนิดเดียว สิบ!" แฮก แฮก เสียงหอบหายใจอย่างหนัก หัวใจเต้นสั่นระรัวแทบจะหลุดออกมาข้างนอก ร่างบางล้มลงกับพื้นสนามทันทีหลังจากวิ่งครบ
อาการเหนื่อยหอบเริ่มทุเลาลง ข้าวหอมดูนาฬิกาข้อมือบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว
"เราวิ่งช้าขนาดนี้เลยเหรอ" ข้าวหอมพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้น และหันไปที่แท่นอัศจรรย์ที่ก่อนหน้ามีชายหนุ่มนั่งอยู่ แต่ตอนนี้กลับว่างเปล่า
"กลับไปได้ก็ดี" เธอบ่นพึมพำกับตัวเอง และค่อยเดินออกจากสนาม แต่ด้วยความเหนื่อยล้าและความปวดเริ่มกลับมาทวีคูณอีกครั้งทำให้เธอต้องฝืนตัวเองมากกว่าเดิม การเดินจึงต้องช้าลงและขากะเผลกไปข้างนึง ดีที่มหาลัยเธอเปิดไฟสว่างทั่วทั้งบริเวณ และมีนักศึกษาบางกลุ่มที่มีเรียนรอบค่ำ บรรยากาศเลยไม่น่ากลัว ที่นี่การรักษาความปลอดภัยขั้นสุดทุกประตูทางเข้าจะมียามคอยเฝ้าอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง การจะเข้ามารั้วมหาลัยได้ต้องสแกนบัตรเท่านั้น ร่างบางเดินออกจากมหาลัยเพื่อไปรอรถเมล์ที่ป้ายด้วยสภาพมอมแมมและอ่อนล้าเป็นอย่างมาก เธอแทบจะนั่งหลับระหว่างรอรถเมล์
ปริ้น ปริ้น ปริ้นนนนนนนนนน
เสียงบีบแตรที่ลากยาวและดังสนั่นหวั่นไหว จนคนที่กำลังเคลิ้มถึงกับสะดุ้ง เธอหันไปมองยังต้นเสียงนั้น
"อะไรของนายอีก ยังไม่พอใจเหรอไง" ข้าวหอมตะโกนถามเมื่อเห็นว่าเป็นรถของเควินที่จอดเทียบอยู่ตรงป้ายรถเมล์พอดี และเธอก็เห็นเขาลดกระจกลงมองมาที่เธอ
"ขึ้นรถ" ร่างสูงพูด
"ทำไมฉันต้องไปกับนายด้วย"
"ถ้าเธอไม่ขึ้นรับรองเธอได้เป็นเมียไอ้คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นแน่" เควินพูดพร้อมกับส่งสายตาไปที่คนที่เขากำลังพูดถึง ทำให้ข้าวหอมหันไปมองก็เห็นเป็นคนยืนแอบอยู่หลังเสาใกล้กับเธอ พอเธอรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยอย่างที่เขาว่าเธอจึงรีบเดินไปขึ้นรถสปอร์ตคันหรูทันที
ปึง(เสียงปิดประตูรถ)
เควินเคลื่อนรถออกด้วยความเร็ว ยังไม่ทันที่ข้าวหอมจะคาดเข็มขัดได้ดี
"ไม่รู้จะหนีเสือปะจระเข้หรือเปล่า" ข้าวหอมพูดจงใจให้เขาได้ยิน ไม่แน่ใจว่าเธอคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่ขึ้นรถมากับเขา แต่เธอเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นเหมือนกัน ดูท่าทางคนนั้นจะจ้องเธออยู่นานแล้วไม่งั้นเควินคงไม่เห็น
"ถึงฉันจะเป็นจระเข้แต่ฉันก็เลือกเหยื่อ สภาพของเธอตอนนี้บอกเลยฉันกลืนไม่ลง" เควินพูดสวนกลับ โดยที่สายตาคมยังคงจ้องอยู่กับถนนตรงหน้า
"วันนี้ฉันเหนื่อยที่จะเถียงกับนายแล้ว ไปส่งฉันที่คอนโดXXX นายน่าจะรู้จักดี"
"ฉันไม่ใช่คนขับรถเธอไม่ต้องมาสั่ง" เควินพูด
"......." ไม่มีเสียงตอบกลับมา บรรยากาศในรถตกอยู่ในความเงียบ เควินชำเลืองมองคนที่นั่งข้างๆ พบว่าตอนนี้ร่างบางได้หลับลงไปแล้ว
"แสบนักใช่ไหม เธอรู้จักฉันน้อยไปแล้ว" เควินกลับรถเปลี่ยนเส้นทางที่ไม่ใช่คอนโดของหญิงสาว ร่างสูงกระตุกยิ้มเมื่อคิดแผนการในหัวออก