ตอนที่ 5 ซูหลิว
แต่กลับเห็นใจฮูหยินเอกที่นอนป่วยอยู่เช่นนี้มากกว่า ส่วนคุณหนูรองก็ถูกทำโทษนั่งคุกเข่า ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเจ็บปวดทรมานมากขนาดไหนกัน
“ฮูหยิน เหตุใดท่านไม่ฟื้นขึ้นมาสักทีเล่าเจ้าคะ คุณหนูรองถูกลงโทษนั่งคุกเข่า ป่านนี้ยังไม่ได้กลับเข้าห้องเลยเจ้าค่ะ” สาวใช้ผู้นี้ติดตามมาดูแลรับใช้เจ้านายตั้งแต่ตระกูลเดิม
อดคิดไม่ได้ว่ายามนี้เจ้านายของจวนไปมัวทำอันใดอยู่ มิมาดูแลฮูหยินของตนเอง ที่นอนนิ่งอยู่เช่นนี้ ไม่รู้จะหาคำใดมาเอ่ยต่อว่า นอกเสียจากเพียงแค่คำว่า
‘ช่างใจดำยิ่งนัก’
ลี่ถิง ดวงจิตร่องรอยไปมามองตรงนั้นทีตรงนี้ที ด้วยเพราะความอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าจะมาที่นี่ก็หลายครั้ง จนคิดว่าบ้านหลังนี้ต้องเป็นของเธอแน่ ๆ
การเดิน การกิน หรือแม้กระทั่งการวางตัว พูดจา นับวันเธอจะซึมซับความเป็นแม่โบของเธอ ก็คือโบราณนั่นเอง จนบางครั้งถึงกับอยากจะสิงเข้าร่างคนใจดีมีเมตตาอย่าง
เพ่ยอิงเสียจริง
เข้ามาเห็นแม่ที่เธออยากจะกอดเหลือเกิน น้ำตาของลี่ถิงหยดเผาะราวกับไข่มุกเม็ดโต เมื่อเห็นว่าใบหน้าของแม่ที่ล้มหมอนนอนเสื่อนั่นเหมือนกับแม่ของเธอที่ได้จากไป
น้ำเสียง ราวกับสายลมพัดผ่าน พูดออกไปเมื่อตัวเองนั่งอยู่ขอบเตียง นอนกอดที่เอวคอดกิ่วของแม่ น้ำเสียงเบา ๆ พูดกรอกเข้าไปที่คนป่วยไม่รู้ว่าจะได้ยินหรือไม่
‘แม่จ๋า หนูคิดถึงแม่เหลือเกิน’ ลี่ถิงแม้ชื่อของเธอจะมีเชื้อสายจีนอยู่ครึ่งหนึ่ง แต่แม่ของเธอก็เป็นลูกครึ่งไทยจีน ดังนั้นเวลาเธอพูดคุยก็มักจะเรียก แม่จ๋า แม่ขา อยู่เป็นประจำ
“แม่จ๋า ฟื้นสักทีสิ แม่ต้องไปช่วยเพ่ยอิงนะ” ทั้งกอดทั้งหอม ก็ได้แค่เพียงความว่างเปล่าไม่อาจจะสัมผัสเนื้อตัวกายหยาบของแม่อย่างที่ตั้งใจ
ความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส เมื่อมองไปยังคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องราวอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง แม่ที่อ่อนแอเช่นนี้ ไม่อาจจะปกป้องลูกได้
ความหวังเพียงริบหรี่สิ่งเดียวคือคุณชายใหญ่ที่นางยังไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน นับตั้งแต่ที่เข้ามาวนเวียนอยู่ในยุคโบราณ
มือเรียวรีบยกขึ้นมาปาดน้ำตา แม้ว่าจะไม่มีใครเห็นหรือได้ยินคำพูดของเธอก็ตามที หยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงจากนั้นก็ไปส่องดูความหน้าด้านหน้าหนาของสองแม่ลูกนั่นอีกครั้ง
ขอเพียงแค่มีโอกาสสักครั้งหนึ่งที่ได้สิงร่างกายหยาบของเพ่ยอิงได้ นังสองแม่ลูกนั่นจะไม่อยู่อย่างสงบสุขเลย ยังไม่ทันจะก้าวขาเข้าไปข้างใน ก็ได้ยินเสียงจีบปากจีบคอพูดจาอ่อนหวานรื่นหูแล้ว
“ท่านพี่ อย่าลงโทษอิงเอ๋อร์เลยเจ้าค่ะ นางไม่รู้ความเลยพูดจาหยาบคาย ไร้การอบรมไปบ้าง อีกอย่างนางก็เป็นถึงคุณหนูรอง จะลงโทษเช่นนี้ช่างไร้เหตุผลนัก” ซูหลิวจอมเสแสร้ง แสดงความมีน้ำใจต่อลูกเลี้ยง ที่เพิ่งจะพบหน้าเมื่อเช้า เพียงแค่นั้นก็กลายเป็นเรื่องราวเสียใหญ่โต
นางกระหยิ่มยิ้มย่อง ทุกอย่างเป็นไปตามคาด หรืออาจจะเกินการคาดเดาของนางเอาไว้เองอีกต่างหาก ทำให้พอใจกับการลงโทษ เพียงแค่คุกเข่าจะนับเป็นอะไร
ต่อไปผลของการปากดีก็จะต้องเจออย่างอื่นอีกมากมาย มีหรือที่นางจะยอมเป็นฝ่ายให้ผู้อื่นรังแกหรือกลั่นแกล้ง นางจะไม่มทีทางยอมอย่างเด็ดขาด
หากเป็นไปได้อยากจะให้สามีผู้นี้หย่าขาดกับหลีม่านเสีย นางจะได้ขยับขึ้นมาเป็นฮูหยินเอกของเขา จะได้เชิดหน้าชูคอ ในแวดวงสังคมชั้นสูงขึ้นไปอีกลำดับหนึ่ง นางไม่อยากจะเป็นเพียงแค่ภรรยารองของเขาเท่านั้น
“ไร้เหตุผลอันใด นางทำตัวหยาบคายไม่เห็นแก่หน้าเจ้า เจ้าก็เป็นมารดาของนางเช่นเดียวกัน นางจึงต้องเคารพเกรงอกเกรงใจเจ้าสิ ไม่ใช่เอ่ยวาจาสามหาวเช่นนี้” เถียนหย่งคังน้ำเสียงติดจะแข็งกร้าวเล็กน้อย
ยามเมื่อนึกถึงคำพูดที่ไม่เห็นหัวสตรีข้างกายของเขาเช่นนี้ ดังนั้นการลงโทษถือเป็นสิ่งที่สมควรแล้ว กับเด็กที่กล้าโต้แย้งบิดาที่อบรมสั่งสอนให้เป็นสตรีในห้องหอ
“ท่านพ่อ พี่รองก็เพียงแค่กำลังน้อยใจเท่านั้น” ไป๋จูพูดเสริมทันที นางน่ารักอ่อนหวาน ยิ้มแย้ม แต่ทว่าดวงตาของนางกำลังยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมและชั้นเชิง
วงแขนเรียวเล็กโอบกอดเอวสอบของบิดาเอาไว้ เพราะมั่นใจว่าบิดารักนางด้วยที่ว่าตนเองออดอ้อน และเรียบร้อย
“น้อยใจรึ มีอันใดให้นางน้อยใจ กับแค่ที่พ่อมอบความรักให้เจ้า นางเป็นถึงพี่สาว จะเสียสละให้น้องบ้างไม่ได้เชียวรึ” น้ำเสียงขุ่นมัวหาได้มีสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนเมื่อครู่ไม่ มีแต่ความไม่พอใจที่ลูกสาวกระทำไม่ดี ให้อับอายขายหน้ามิรู้จักแบ่งปันให้น้องบ้าง
“ท่านพ่อใจเย็น ๆ ก่อนเจ้าค่ะ” ไป๋จู กระชับเอวของท่านพ่ออีกครั้ง ทำให้ขุนนางเถียนมองใบหน้างามของลูกสาวอ่อนลงจากเมื่อครู่ที่กำลังเกรี้ยวกราดอยู่
“นั่นสิเจ้าคะ ท่านพี่ใจเย็น ๆ ก่อน มาข้าจะนวดให้ท่านเองเจ้าค่ะ จูเอ๋อร์ ไปเอาอ่างน้ำมาสิ เช็ดหน้าให้พ่อเจ้า” วันนี้ทั้งวัน สามีของนางอยู่ที่เรือนนี้ด้วย
ย่อมมีโอกาสที่นางจะได้กอบโกยจากเขา ไม่ว่าจะเป็นความรัก เงินทอง และแม้แต่อำนาจในมือ ไม่ช้านางจะมีสิทธิ์ออกปากในจวนนี้ บ่าวไพร่ทั้งหลายจะต้องเกรงกลัวนางไม่มากก็น้อย
‘คอยดูเถิดทุกอย่างจะมาเป็นของข้า!’
“ไม่ต้อง เดี๋ยวข้าจะมอบสาวใช้ให้มาอยู่ดูแลพวกเจ้าที่เรือนนี้ อยู่ให้สบาย เรื่องงานทั้งหลายก็มอบให้เป็นหน้าที่ของสาวใช้ไป” คำสั่งนี้ทำให้สองแม่ลูกยิ้มจนเห็นฟันขาว
งานบ้านต่าง ๆ ไม่ต้องทำทั้งยังมีสาวใช้นำมามอบให้อีกด้วย ประเดี๋ยวเถิดนางจะต้องเครื่องประดับเสียหน่อย ทว่าความคิดของซูหลิว เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทันความคิดของนาง วงแขวนกว้าง ละจากการโอบกอดลูกรัก ไปรวบตัวภรรยาเข้ามาโอบและสวมกอดด้วยความรัก
มิได้เขินอายสายตาของลูกสาวที่จับจ้องมา ท่าทางเหนียมอายนั่นทำให้ผู้เป็นสามีกระหยิ่มยิ้มอย่างเบิกบาน อยู่ด้วยกันมาหลายปี นางช่างเขินอายได้น่ารักนัก แบบนี้ต้องให้รางวัลนางเสียหน่อย
“พรุ่งนี้ ข้าจะให้คนนำเครื่องประดับและให้ช่างมาตัดชุดให้พวกเจ้าเสียใหม่” เขาละจากการโอบกอดภรรยาที่แสนรักและแสนห่วงใย จากนั้นก็จมูกโด่งรั้นฝังลงที่หน้าผากของภรรยาและลูกสาวคนละครั้ง