บทที่ 17 ข้ารับใช้ต่างโลก

1704 Words
บทที่ 17 ข้ารับใช้ต่างโลก พอทำธุระในเมืองเสร็จ ลู่ซินฟางพาลูกๆ ไปกินของอร่อยแล้วตรงกลับหมู่บ้าน ค่ำคืนวันนั้น หลังจากลูกทั้งสองหลับสนิทและไม่ตื่นจนถึงเช้า ลู่ซินฟางก็ข้ามมิติมาหาหลินทันที สายลมกลางคืนพัดเย็น ลู่ซินฟางนั่งดื่มชากับกินคุกกี้ช็อกโกแลตที่หลางไป๋ยกมาเสิร์ฟ “ขนมของหลางไป๋เนี่ย จะกินอีกกี่ครั้งก็ยังอร่อยเหมือนเดิมเลย” ลู่ซินฟางกินคำหนึ่งก็ชมคำหนึ่ง “ชาก็หอมกลมกล่อม” หลางไป๋ยิ้มไม่หุบ “เป็นเพราะท่านซินฟางช่วยส่งเสริม ฝีมือทำอาหารของข้าก็เลยพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ขอรับ” ช่วงที่เผ่าหมาป่าเข้ามาอยู่ในอาณาเขตนี้ใหม่ๆ หลางไป๋ยังเป็นแค่หมาป่าที่ทำอะไรไม่เป็น แต่ด้วยความที่อยากตอบแทนบุญคุณ เขาจึงคอยติดตามอยู่ข้างหลังหลินกับลู่ซินฟางอยู่เสมอ รู้ตัวอีกที หลางไป๋ก็คอยรับใช้พวกนางในฐานะพ่อบ้าน สิ่งที่หลางไป๋สนใจเป็นพิเศษคือการทำอาหาร ลู่ซินฟางเห็นว่าหลางไป๋มีพรสวรรค์จึงซื้อหนังสือทำอาหารหลายๆ สไตล์มาให้ ทั้งยังซื้อวัตถุดิบและเครื่องใช้ไฟฟ้าอำนวยความสะดวกด้วย และยังสอนวิธีปรุงอาหารให้กับหลางไป๋ แต่ส่วนมากเป็นหลางไป๋ที่ศึกษาด้วยตัวเอง แต่เดิมนั้น สัตว์อสูรยังอ่านเขียนกันไม่เป็น ใช้ชีวิตตามสัญชาตญาณล้วนๆ แต่เพราะพวกเขามีสติปัญญา พูดภาษามนุษย์ได้ พอได้ลู่ซินฟางเป็นคนสอนอะไรหลายๆ อย่างเพิ่มเติม พวกเขาก็เริ่มเข้าใจเรื่องของมนุษย์และใช้ชีวิตแบบมนุษย์ได้อย่างกลมกลืน “เจ้านาย หลินถามท่านต้นไม้โลกมาแล้วละนะ!” หลังจากจิบชา กินขนมไปได้สักพัก หลินก็บอกด้วยสีหน้าร่าเริง “หลินคอยเป็นธุระให้ตลอดเลย ขอบใจมากนะ” “ไม่หรอก หลินสนุกที่ได้ทำเพื่อเจ้านาย แล้วก็นะ ท่านต้นไม้โลกบอกว่าเจ้านายพาคนของที่นี่ออกไปได้ แต่ต้องแลกเปลี่ยนด้วยการขยายฟาร์มละ” ท้ายประโยค หลินกางสองแขนออกกว้าง คงกำลังนึกภาพฟาร์มขนาดใหญ่ ลู่ซินฟางเองก็วาดฝันอยากมีฟาร์มใหญ่ๆ เช่นกัน ที่ทำอยู่ตอนนี้ยังเรียกฟาร์มเต็มปากไม่ได้ จากคำพูดของท่านต้นไม้โลก ตามความเข้าใจของลู่ซินฟางคงหมายถึง ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ลู่ซินฟางไม่เคยเสียใจที่มีมิติอยู่ในมือ หรือต้องทุ่มเทสร้างทรัพยากรให้กับโลกทางนี้ ตรงกันข้ามเลย การได้รู้จักหลินเหมือนพรอันยิ่งใหญ่ ลู่ซินฟางสนุกกับสิ่งที่ทำและได้อยู่กับทุกคนที่นี่ “ว่าแต่ ถ้าทำการค้าแล้ว การขนย้ายสินค้าก็เป็นเรื่องสำคัญ ท่านต้นไม้โลกได้ให้คำแนะนำเรื่องประตูมิติหรือเปล่า” ลู่ซินฟางถามต่อ แม้ว่าการเปิดประตูมิติในแต่ละครั้ง ลู่ซินฟางเป็นสื่อกลาง แต่ถ้ามีประตูแยกอีกบาน การทำงานจะสะดวกมากขึ้น “อืม” หลินพยักหน้า “ต้องทำการแบ่งเลือดแยกวิญญาณ” “แบ่งเลือดแยกวิญญาณ!?” ลู่ซินฟางทวนคำด้วยความสงสัยระคนตกใจ ฟังดูลึกลับและอันตรายจัง หลินอธิบายว่า “เจ้านายใช้แค่เลือด หลินจะแบ่งวิญญาณ ทำแบบนั้นจะได้มีเจ้านายคนที่สองคอยเปิดปิดประตูมิติ” “แล้วต้องการเลือดเยอะไหม” หลินหัวเราะ “แค่เล็กน้อยเท่านั้น” ลู่ซินฟางหลุบตามองมือตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจยื่นมือไปตรงหน้าหลิน “ถ้าอย่างนั้นหลินใช้เลือดข้าได้ตามสบายเลย” “งั้นหลินจะทำการแยกวิญญาณแล้วนะ” พอหลินพูดจบ กลางฝ่ามือของลู่ซินฟางพลันรู้สึกเจ็บแปลบเหมือนถูกมีดกรีด เลือดผุดซึมเป็นแนวยาว ทั้งที่ควรจะเจ็บมากแท้ๆ แต่ลู่ซินฟางกลับเจ็บแค่ครู่เดียวเท่านั้น เมื่อมือน้องยๆ ของหลินประทับกับมือของลู่ซินฟาง แสงสีฟ้าเจิดจ้าสว่างวาบทั่วห้อง หลังจากแสงสว่างนั้นหายไป ภายในห้องก็มีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน สมาชิกใหม่คนนี้มีอายุ 10 ขวบ ผิวขาวเกลี้ยงเกลา หน้าตาน่ารัก มองไปละหม้ายคล้ายหลิน ทว่าดูอีกทีกลับเหมือนกับลู่ซินฟางด้วยเช่นกัน หนุ่มน้อยอายุ 10 ขวบคนนี้มีผมดำขลับยาวถึงกลางหลัง สีหน้านิ่งขรึม แต่ก็นั่นแหละ เพราะหน้าตาค่อนไปทางน่ารักเลยไม่รู้ว่าเพศชายหรือหญิง “น่ารักจัง อายุแค่ 10 ขวบเองเหรอ” ลู่ซินฟางถาม “นับจากช่วงที่หลินกับเจ้านายรู้จักกันน่ะ” ได้ยินแบบนั้น หัวใจของลู่ซินฟางสั่นไหว ซาบซึ้งใจอย่างมาก นั่นสิ นางกับหลินรู้จักกันมาสิบปีแล้วสินะ “ต่อไปก็ตั้งชื่อ เจ้านาย ให้เด็กคนนี้ชื่ออะไรดี” หลินโพลงถาม ลู่ซินฟางดึงสติกลับ “เอ๊ะ เอ่อ…” ลู่ซินฟางไม่ค่อยถนัดตั้งชื่อ เลยเกิดความลังเล “ถ้าจะให้ตั้งชื่อ ต้องรู้ก่อนว่าเด็กคนนี้มีเพศอะไร ว่าแต่เขาเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง” หลินปรายตามองทางนั้นแทนการถามตรงๆ เด็กชายพยักหน้า “ข้าเป็นผู้ชายขอรับ” น้ำเสียงก็น่ารัก ถึงสีหน้าของหนุ่มน้อยคนนี้จะนิ่งขรึมก็เถอะนะ ว่าไปแล้ว ถ้าจะบอกว่าเด็กคนนี้คือหลินเวอร์ชั่นนิ่งขรึมคงได้สินะ “ในเมื่อเจ้าเกิดมาจากเลือดข้าและวิญญาณของหลิน ถ้าอย่างนั้นชื่อ ซินหลิน เป็นยังไง” “หลินชอบนะ...ซินหลิน” หลินกระโดดโหยงๆ บนโต๊ะ เด็กชายเอียงศีรษะทวนคำ “ซินหลิน ซินหลิน ข้าจำได้แล้ว!” ลู่ซินฟางยิ้มอย่างปลื้มปริ่ม เด็กอะไรน่ารักจัง...ต้องเป็นพี่ชายให้กับเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ที่ดีแน่ๆ “ถ้าอย่างนั้น พวกเรามาขายสินค้าล็อตแรกให้ได้กำไรเยอะๆ แล้วมาขยายฟาร์มกันเถอะนะ” ลู่ซินฟางพูดด้วยความมุ่งมั่น “ได้เลย!” หลินชูกำปั้นเหนือศีรษะ ทำท่าฮึกเหิม ทว่าภาพลักษณ์อันสดใสกลับทำให้ดูน่ารักและขี้เล่นมากกว่า “ขอรับ” หลางไป๋พยักหน้าอย่างกระตือรือร้น “อืม” ซินหลินตอบหน้านิ่ง เมื่อท้องฟ้าสว่าง ลู่ซินฟางกับลูกแฝดทั้งสองกินข้าวเช้ากันอิ่มแล้ว นางกำชับให้พวกเขาเฝ้าบ้านให้ดี ก่อนหน้านี้ ลู่ซินฟางบอกลูกๆ ว่าจะเข้าเมืองไปรับคนรู้จักมาช่วยงานในไร่ เด็กทั้งสองเชื่อฟังท่านแม่ ปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา ทางด้านลู่ซินฟางนั้นหาได้นั่งรถเทียมวัวเข้าเมืองแต่อย่างใด นางเดินเข้ามาในป่า เพื่อหลบสายตาของผู้คน แล้วข้ามมายังมิติ ก้อนเมฆขาวล่องลอยบนฟ้าสดใส ทิวทัศน์รอบด้านส่วนใหญ่คือสีเขียว ลู่ซินฟางเดินดูสวนผลไม้ ทุ่งข้าวสาลี ทุ่งข้าวโพด ถัดออกไปอีกก็คือสวนผักที่แบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน ลำธารใสสะอาด เหล่าสัตว์อสูรช่วยกันเก็บเกี่ยวพืชผัก ผลไม้ อย่างขยันขันแข็ง พอเห็นแบบนี้อดภูมิใจไม่ได้จริงๆ ระหว่างกำลังคิดว่าจะต้องขยายฟาร์มยังไงต่อนั้น หลินบินเข้ามาหา และอีกสองคนที่ตามหลังมานั้นคือหลางไป๋กับซินหลิน “มาแล้วเหรอ เจ้านาย!” “เพิ่งเจอกันเมื่อคืนเองเนอะ” ลู่ซินฟางพูดยิ้มๆ “แต่หลินอยากให้เจ้านายอยู่ที่นี่ตลอดไปเลย” “ข้าก็อยากอยู่ที่นี่ตลอดเหมือนกัน” “ท่านซินฟางขอรับ ข้าหาคนที่เหมาะสมที่จะออกไปข้างนอกได้แล้ว” หลางไป๋เข้าประเด็นสำคัญ เหตุผลที่ลู่ซินฟางมาก็เพื่อพาสหายจากต่างมิติออกไปข้างนอก ส่วนคนที่หลางไป๋เลือกไม่ใช่ใครอื่น หลางชุน ญาติผู้น้องของหลางไป๋ เผ่าหมาป่าเงิน สยงจวินกับลูกชายชื่อว่าสยงอู๋ เผ่าหมี เหตุผลที่หลางไป๋เลือกพวกเขาทั้งสามคนให้ออกไปโลกข้างนอกก่อนนั้น เป็นเพราะว่าพวกเขามีความเข้าใจเกี่ยวกับมนุษย์ และอยู่ในร่างมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ หลังจากหลางไป๋เรียกทั้งสามคนมา พวกเขาดูตื่นเต้นมาก “หากออกไปที่โลกข้างนอกแล้ว พวกเจ้าอาจจะต้องเจอเรื่องลำบาก มนุษย์น่ะนะ นิสัยใจคอซับซ้อน แต่ก็มีคนนิสัยดีๆ เหมือนกัน พวกเขาอาจสร้างความลำบากให้กับพวกเจ้า เพราะฉะนั้น...ข้าไม่รู้จะพูดยังไง ก่อนอื่นข้าอยากจะขอโทษพวกเจ้า” “ท่านซินฟางอย่าขอโทษพวกเราเลย พวกเราอยากออกไปดูโลกข้างนอก เพื่อจะเอามาพัฒนาโลกที่นี่ด้วย ก็เลยขออาสาออกไปเอง” สยงจวินกล่าว พ่อหมีร่างใหญ่คนนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีความคิดที่สุขุม “ใช่ค่ะ” หลางชุนตอบด้วยรอยยิ้ม “ชุน ตรงนี้เจ้าต้องพูดว่า เจ้าค่ะ” หลางไป๋เตือน ชุนเกาแก้ม ยิ้มแห้งๆ “เจ้าค่ะ” ลู่ซินฟางยิ้มให้กับพวกเขา “ยังไงก็เถอะนะ ถ้าพวกเจ้าอยากกลับมาต่างมิติก็ขอให้บอก อย่าได้เกรงใจ อีกอย่าง ข้าพร้อมรับฟังความคิดเห็นของพวกเจ้า หากว่ามีปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ละก็ บอกมาได้ตลอดเลยนะ” “ขอรับ/เจ้าค่ะ” เมื่อเห็นพ้องต้องกันแล้ว หลังจากนั้นลู่ซินฟางก็วางบทบาทให้กับทั้งสาม หลางชุนจะอยู่ดูแลเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ยามที่ลู่ซินฟางไม่อยู่บ้าน สยงจวินกับลูกชายคือหัวหน้าคนงานคอยจัดการเรื่องในไร่ คนสุดท้าย ซินหลินคือนายน้อย คอยดูแลกลุ่มสัตว์อสูร และมีอำนาจเปิดปิดประตูมิติได้ตามใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ลู่ซินฟางวางแผนว่าจะเพิ่มแรงงานในไร่อีกเยอะๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD