บทที่ 18 ย้ายเข้าบ้านใหม่

1428 Words
บทที่ 18 ย้ายเข้าบ้านใหม่ พอจัดการธุระในต่างมิติเสร็จสิ้นแล้ว ลู่ซินฟางกับลูกๆ ช่วยกันเก็บข้าวของเพื่อย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่ เครื่องเรือนชุดใหม่นำมาส่งเรียบร้อย เหลือก็แค่ทำความสะอาดเท่านั้น มากกว่าหนีตัวน่ารำคาญอย่างเจียงลิ่ว ยังเป็นการสะดวกต่อการตรวจความเรียบร้อยระหว่างที่จ้างคนงานมาตกแต่งหน้าร้านด้วย ระหว่างพับเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เป่าเอ๋อร์ตัวน้อยวิ่งวุ่นเข้าๆ ออกๆ บ้านอยู่หลายรอบ “เป่าเอ๋อร์ ทำไมวิ่งไปวิ่งมาอย่างนั้นละลูก” ลู่ซินฟางถามเพราะเริ่มจะเวียนหัวแล้ว “ข้าไม่รู้ว่าจะพาเจ้าผักกาดน้อยหรือเจ้าขาวไปก่อน” “หือ?” ลู่ซินฟางเลิกคิ้วด้วยความสงสัย เจ้าผักกาดน้อยกับเจ้าขาวเหรอ คืออะไรกันล่ะนั่น? เฉิงเอ๋อร์เห็นท่านแม่ทำสีหน้างุนงงจึงส่ายหน้าน้อยๆ ให้กับเป่าเอ๋อร์ แล้วหันมาบอกท่านแม่ “เป่าเอ๋อร์แอบเอาเมล็ดที่ท่านแม่ซื้อไว้มาปลูกใส่กะลาที่หลังบ้าน ข้าเตือนแล้ว แต่นางก็ไม่ฟัง...เจ้าผักกาดน้อยคือผักกาด ส่วนเจ้าขาวก็หัวไชเท้า” “อย่างนี้นี่เอง” ลู่ซินฟางลูบผมดำนุ่มของเฉิงเอ๋อร์ “ถ้าน้องชอบปลูกผักก็ปล่อยให้ทำเถอะ แต่ถ้าทำเรื่องอันตรายขึ้นมาก็ต้องรีบห้ามหรือมาแม่ทันที เข้าใจหรือไม่” “เข้าใจแล้ว ท่านแม่” “ท่านแม่ นี่คือเจ้าผักกาดน้อยกับเจ้าขาว” สักพักให้หลัง เป่าเอ๋อร์ก็ถือกะลามะพร้าวที่คาดว่าน่าจะขอมาจากชิงเหลียนเพื่อปลูกผักเข้ามาในบ้าน แม้จะบอกว่าเพิ่งปลูก แต่ต้นอ่อนของผักกาดขาวกับหัวไชเท้ากลับมียอดอวบสวย ลำต้นแข็งแรงเหมือนปลูกมาแล้ว 1 เดือน เอ๋... ลู่ซินฟางกะพริบตาปริบขณะมองต้นกล้าในกะลามะพร้าว ถ้าเด็กคนนี้ลงมือปลูกเอง ถือมีพรสวรรค์ไม่น้อยเลย! “เป่าเอ๋อร์ มาหาแม่หน่อย” เป่าเอ๋อร์เห็นท่านแม่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เจ้าตัวน้อยก้มหน้าด้วยกลัวว่าจะถูกท่านแม่ดุเอา ลู่ซินฟางพอจะอ่านท่าทีของเจ้าตัวเล็กได้ นางจึงเปลี่ยนมายิ้มน้อยๆ “เป่าเอ๋อร์ของแม่ แม่ไม่ได้จะดุเจ้าที่แอบเอาเมล็ดผักของแม่ไปปลูกหรอกนะ แม่แค่จะถามเจ้าว่า เจ้าชอบต้นไม้หรือ” “ข้าชอบผักของท่านแม่” เป่าเอ๋อร์ตอบกลับด้วยแววตาสดใส “ทำไมล่ะ” “ผักที่ท่านแม่ปลูก หวานๆ กรอบๆ อร่อยมากเลย” สุดท้ายก็ไม่พ้นเรื่องกินสินะ ลู่ซินฟางคิดพลางขำขัน “ที่แท้ เจ้าก็แค่อยากปลูกผักไว้กินเอง” เป่าเอ๋อร์ตัวน้อยพยักหน้ารัวๆ “รู้อะไรไหม การที่เจ้าพยายามเลี้ยงอะไรบางอย่างเพื่อกิน เจ้าห้ามห้ามตั้งชื่อให้เด็ดขาด” เป่าเอ๋อร์เอียงศีรษะเพราะไม่เข้าใจ “ทำไมล่ะท่านแม่ ข้าว่าเจ้าเด็กน้อยพวกนี้น่ารักออก” นางยิ้มเอ็นดู “การตั้งชื่อให้พวกมันจะทำให้เจ้าผูกพันจนไม่กล้ากิน เช่นนั้นแม่ถามหน่อย ถ้าผักพวกนี้โตพอกินได้แล้ว เจ้าจะเก็บขึ้นมากินหรือไม่” “กิน!” อึก... เป็นคำตอบที่แน่วแน่และอยู่เหนือความคาดหมาย ลู่ซินฟางสะอึกอึ้งไปทันที เอาเถอะ เด็กอย่างเป่าเอ๋อร์อาจเห็นเรื่องกินมาก่อนความผูกพันก็ได้ อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ค้นพบวันนี้ ทำให้ลู่ซินฟางรู้สึกภูมิใจในตัวลูกๆ ไม่น้อย เฉิงเอ๋อร์ชอบหนังสือ เป่าเอ๋อร์ชอบปลูกผัก เด็กทั้งสองมีความชอบไม่เหมือนกัน แต่พวกเขาก็รู้ตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าชอบอะไรซึ่งหาได้ยากในเด็กวัยเท่านี้ หมายความว่า...ข้ามีลูกอัจฉริยะหรือนี่! เมื่อตระหนักถึงเรื่องนั้น ลู่ซินฟางแทบน้ำตาไหลด้วยความภูมิใจ “เมื่อกี้เจ้าบอกว่าเลือกไม่ถูกว่าจะพาเจ้าผักกาดน้อยหรือเจ้าขาวไปก่อนใช่หรือไม่ แล้วทำไมต้องเลือกด้วยเล่า ไม่พาไปทั้งสองเลย?” “ท่านแม่ถือของเยอะแล้ว” เป่าเอ๋อร์ตอบ “แค่นี้เอง แม่ถือไหว” ในท้ายที่สุด ลู่ซินฟางตัดสินใจช่วยเป่าเอ๋อร์ถือเจ้าผักกาดน้อยกับเจ้าขาวไปปลูกที่บ้านหลังใหม่ ซ้ำยังบอกว่าจะหากระถางดีๆ มาให้ด้วย เย่! เป่าเอ๋อร์ยิ้มแก้มบานด้วยความดีใจ อันที่จริงแล้ว ของที่ทั้งสามคนขนเข้าบ้านใหม่แทบไม่มีเลย เนื่องจากตอนที่ลู่ซินฟางกับลูกๆ ถูกไล่ออกมาจากบ้านเหอ บ้านของอดีตสามี นางไม่มีข้าวของติดไม้ติดมือมาเลย นอกจากเสื้อผ้าไม่กี่ชุด เงินไม่กี่เหรียญ ดังนั้นที่ต้องขนไปด้วยจึงมีเพียงเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เพิ่งซื้อ เจ้าผักกาดน้อยกับเจ้าขาว และของใช้ส่วนตัวไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ส่วนของใช้อื่นๆ อย่างพวกจานชาม ถ้วยชามและตะเกียบ รวมไปถึงหม้อไหกับข้าวของจิปาถะ ลู่ซินฟางซื้อเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว เมื่อสามแม่ลูกนั่งรถเทียมวัวเข้ามาในเมือง ก็ตรงมายังเรือนหลังใหม่ทันที เรือนพักอยู่ข้างหลังอาคารใหญ่สองชั้นซึ่งจะทำเป็นหน้าร้านขายส่ง เรือนพักหลังนี้มีสองห้องนอน หนึ่งห้องโถง และระเบียงกว้าง ข้างหลังคือสวน และพื้นที่ว่างเปล่า พอลู่ซินฟางบอกให้เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์เอาเสื้อผ้าไปเก็บในห้อง เด็กน้อยทั้งสองพากันวิ่งไปยังห้องที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับห้องของลู่ซินฟาง “เตียงใหม่กว้างจังเลย!” เสียงของเฉิงเอ๋อร์ตะโกนมา “ที่นอนก็นุ้มนุ่ม” เป่าเอ๋อร์พูดด้วยความร่าเริง ลู่ซินฟางวางข้าวของเสร็จแล้วจึงออกไปดูลูกน้อยทั้งสอง พอเห็นพวกเขานอนกลิ้งบนเตียงกว้างก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “ดีจริงๆ ที่พวกเจ้าชอบ” “ท่านแม่ ต่อไปพวกเราก็ไม่ต้องนอนหนาวบนเตียงแข็งๆ แล้วใช่หรือไม่” เฉิงเอ๋อร์ถามเพื่อความแน่ใจ “แน่นอนอยู่แล้ว” ลู่ซินฟางตอบกลับด้วยเสียงนุ่มนวล “แล้วก็...อีกไม่นาน พวกเจ้าก็จะมีพี่ชายพี่สาวมาอยู่เป็นเพื่อน ตอนที่แม่ออกไปทำงานด้วยนะ” “พี่ชาย พี่สาวหรือ?” เด็กทั้งสองทวนคำ ทันใดนั้น เฉิงเอ๋อร์ก็ร้องว่า ‘อี๋’ ด้วยสีหน้ารังเกียจ “อย่าบอกว่าเป็นเจ้าคนพวกนั้น” “เจ้าคนพวกนั้น?” คราแรก ลู่ซินฟางงุนงง ไม่เข้าใจว่าเด็กๆ หมายถึงใคร แต่พอย้อนคิดจากความทรงจำ เฉิงเอ๋อร์คงหมายถึงลูกๆ ของอดีตน้องสะใภ้ เด็กพวกนั้นอายุมากกว่าเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ประมาณ 3-4 ปี เพราะได้ตบแต่งเข้าบ้านเหออย่างถูกต้อง แถมทางนั้นยังมีสินเดิมติดตัวมามากมาย ตรงข้ามกับลู่ซินฟางที่แทบไม่มีอะไร คนพวกนั้นจึงยืดอกชูคอใส่ลู่ซินฟางกับลูกแฝดทั้งสอง ทั้งที่เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์เป็นลูกพี่ลูกน้องแท้ๆ เด็กพวกนั้นยังกล้าจิกหัวใช้งานอย่างกับพวกเขาเป็นทาส ทั้งยังรังแกกันทุกวัน พอย้อนคิดถึงความทรงจำของลู่ซินฟางคนเก่า นางแอบกำหมัด อยากย้อนกลับไปสั่งสอนคนอวดดีพวกนั้นเสียจริงๆ ลู่ซินฟางทำหน้าอี๋ไม่ต่างจากเฉิงเอ๋อร์ ก่อนจะรีบแก้ไขความเข้าใจผิด “ผิดแล้ว ไม่ใช่คนพวกนั้น แม่หมายถึงพี่ชายพี่สาวที่จะมาช่วยงานในไร่” ได้ยินแบบนี้ เด็กทั้งสองถอนหายใจอย่างโล่งอก ลู่ซินฟางกอดลูกน้อยทั้งสองพลางคิดว่า ตราบใดที่แม่คนนี้ยังอยู่ ต่อจากนี้จะไม่มีใครมารังแกพวกเจ้าได้อีก! ณ เรือนหลังใหม่ ไฟในครัวถูกจุดเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นการฉลองเข้าบ้านใหม่ ลู่ซินฟางทำเกี้ยวผักกับไก่ตุ๋นกินกับลูกๆ มิหนำซ้ำ ค่ำคืนนั้นยังนอนอุ่นสบาย เพราะเรือนไม้หลังใหม่ไม่มีรอยผุพัง หลังคาไม่รั่ว เตียงและผ้าห่มก็เป็นของใหม่ทั้งนุ่มทั้งหอม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD