สักครู่ก็มีร่างของสาวใช้นามว่า นางสาวเสริมสวยวิ่งกระหืดกระหอบมาเปิดประตู
ก่อนหน้านั้นแม่คุณเงยหน้ามองทางกระจกลูกชายของคุณท่านและนายท่านรูปหล่อ
และนางสาวเสริมสวยเต็มไปด้วยสีหน้าเขิน และทำท่าแบบอายม้วนต้วนบิดกายไปมา
ครั้นจากนั้นแล้วความคิดของนางสาวเสริมสวยก็แวบขึ้นและบันไดหินอ่อนที่สองเท้าของเขา เหยียบเข้ามา
ชะงักนิดหนึ่งเมื่อทราบว่ามีประตูผลักเปิดออกมา
นางสาวเสริมสวยหยุดยืนอยู่ตรงนั้น
เขามองภาพ ไปที่นั่นเห็นด้านข้างเป็นไม้กวาด วางพิงไว้ใกล้กับประตูโค้งรูปตัวยู
ซึ่งเป็นประตูไม้สักลวดลายสลักเสลาวิจิตรของบ้าน ใกล้นั้นถัดไปเป็นชั้นวางรองเท้า
และเมื่อมองเข้าไปภายในห้องโถงกว้างของตัวบ้าน เป็นตู้เฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ซึ่งจัดตั้งโชว์ของที่ระลึกต่างๆ
ถ้วยโถโอชามสมัยเก่ากับจานชามเบญจรงค์ เมื่อถึงห้องส่วนตัวของเขาแล้ว
กริญจ์ยืนครุ่นคิด พร้อมกับกรามทั้งสองของเขานั้นบดเข้าหากัน เมื่อมือหนึ่งนั้นล้วงแผ่นกระดาษแข็งคล้ายๆกับเป็นนามบัตร
แล้วหยิบขึ้นมาดูนิดหนึ่งพร้อมกับพิจารณา
นางสาว ฝ้ายนิล ตำแหน่งพนักงานผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ หากเขายิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม
ได้การล่ะ เขาไม่เคยถูกผู้หญิงหลอก
มีแต่หลอกผู้หญิงฝ่ายเดียว
แต่นี่ เมื่อมาเจอเข้ากับตัวเอง เขานั้นจึงเกิดโกรธ ที่หล่อนบอกว่า หล่อนชอบเล่นกีฬาตีฉิ่ง นั่นหล่อนโกหกเขาทั้งเพ เพราะเขาเพิ่งนึกได้
แม่สาวเลสเบี้ยนตัวปลอม
เขารู้แต่ว่าตนเองถูกหลอก เพียงแค่นี้ก็เก็บเอามาเป็นอารมณ์
สำหรับเขานึกเซ็งที่กลับเข้ามาในบ้าน ไม่น่ารีบกลับเลย คิดผิด งั้นออกไปข้างนอกต่อดีกว่า
เลยต้องผลุนผลันออกมาจากบ้านไปอีกครั้ง
ตอนนี้ รู้แต่ว่ามันมีความอัดอั้นและพล่านไปหมด
หากว่า หนุ่มหล่อตาสวยอย่างกริญจ์ เขาขับรถไปเรื่อยๆอีกครั้ง กินลมชมวิว
แต่หัวใจนั้นดูเอื่อยเฉื่อย และบนท้องถนนที่หมู่ตึกรามเหล่านั้นประดับไปด้วยแสงไฟริมสองข้างทาง พราวพร่างตาไปหมด
กับดวงไฟที่สีฉูดฉาดกลางมหานคร ผิวหน้าขาวจัดของเขาเย็นจนแผ่ซ่านเพราะแรงขับจากแอร์ จากนั้นเขาเป่าพ่นลมหายใจออกอย่างช้าๆ
ท่ามกลางแสงไฟที่ล้อมจนดูพราวอาบผ่านใบหน้า
หากดวงไฟสีฉูดฉาดเหล่านั้นเมื่อยามตัดผ่านร่างของเขาจนเกิดเป็นสีสันแปลกตา
เพราะเขานั้นมีรูปร่างสูงโปร่ง มีดวงตาคู่สวย ปากและหน้าออกไปทางหวานสีอมชมพู
หากมองดูแล้ว ส่วนหนึ่งมีทั้งความคมคายและคมเข้ม อยู่ในตัวตนบุคคลคนเดียวกัน
เพราะเขาเป็นบุรุษเพศ ไม่ใช่สตรีเพศ
ซึ่งถือว่าเป็นลักษณะแปลกๆไม่ค่อยได้พบเจอจากผู้ชายคนไหน เสื้อผ้าที่ดูหรูหราเช่นเดิม
เขาหยิบลูกกุญแจติดมือเมื่อเทียบจอดรถคันหรูชิดติดกับริมฟุตบาธ หยิบติดมือมาด้วย
แล้วก้าวผ่านรวงร้านเหล่านั้นในราตรีดึกสงัดที่ยังมีผู้คนเดินพลุกพล่านอยู่ในขณะนี้
ซึ่งเรียกได้ว่า ในสถานบริการแห่งนั้น ก็ดูเหมือนยังหนาแน่นด้วยผู้คน
ส่วนภาพของแม่สาวเหล่านั้นแต่งกายด้วยชุดกระโปรงหลากสีสัน นุ่งน้อยห่มน้อย โชว์สรีระยักคิ้วหลิ่วตา
เอ่ยเชิญชวนให้เขาเข้าไปใช้บริการภายในร้านของเจ้าหล่อน
หากแต่นัยน์ตาของเขานั้นกลับนิ่งและสงบเงียบ แล้วเขาก็ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา
ถึงแม้จะรับรู้ว่ามีสายตาของสาวน้อยหลายคนนั้น ที่พุ่งตรงมายังเขาด้วยเสน่หา และประกายแวววามหว่านโปรย
ซึ่งสายตาเหล่านั้น เหมือนจะมารุมทึ้งกินความหล่อเหลาของเขาเลยทีเดียว
นี่ มันอะไรกันนักหนาก็ไม่รู้ เพราะเขาก็ไม่สนใจพวกหล่อนเลย
ดังนั้น เขา ชายหนุ่มที่หล่อเหลารูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวจัด และดวงตาดำมีเสน่ห์เส้นผมดำสนิท
ยามเขาเดินผ่านร้านรวงเหล่านั้นเส้นผมที่ปะทะพัดผ่านไปมาทำให้พะเยิบไหวไปตามแรงลม ริมฝีปากบางเหมือนลูกผู้ดี แต่ลึกลงไปเขาดูคล้ายเป็นคนเก็บกด เพราะไม่ชอบยิ้มให้ใคร
คิดว่า หากถ้าเขายิ้มโปรยออกมาบ้าง ก็จะทำให้เขาดูมีเสน่ห์เพิ่มกว่าเดิมมากที่สุด
เพราะเป็นคนปากกว้างคางแหลม จมูกโด่ง
ส่วนสูงไม่ต้องพูดถึง ยิ่งกว่ามาตรฐานคนเอเชียด้วยซ้ำ
เพราะว่าเขานั้นมีส่วนสูงถึง182เซนติเมตร
จากนั้นเขาตัดสินใจเข้าไปในร้านมินิมาร์ท ที่อยู่ใกล้ๆ
สักครู่ก็เดินออกมาอีกครั้ง ด้วยหมากฝรั่งสำหรับไว้เคี้ยวเล่นดับกลิ่นปาก กับน้ำผลไม้แช่เย็นกล่องหนึ่งเป็นน้ำกีวีฟรุต
พร้อมกับบัตรเติมเงินจากนั้นก็เดินตรงไปไขกุญแจที่รถเก๋งของตนเองอีกครั้งก่อนจะสตาร์ทรถออกไปโดยที่ไม่มีจุดหมายปลายทางเหมือนเดิม
บางทีเขาอาจจะไปหาเคียส เพื่อนรัก ที่คอนโดก็ได้ เอ หากถ้ามันไม่อยู่ หรือว่าไปต่างจังหวัด เขาจะทำยังไงดี ก็ต้องลองโทรหามันดูก่อน
และเช้าของวันรุ่งขึ้น ในที่ทำงาน
บริษัทที่ฝ้ายนิลทำงานอยู่
ภาพนั้นประดังเข้ามาในใจอีกครั้ง ทำให้ฝ้ายนิลเอ่ยออกมากับเพื่อนรัก
“ฉันแสนจะเกลียดผู้ชายเห็นแก่ตัวมากที่สุดนะมอส ฮึ นี่ ไปไหนมาไหน ก็ขออย่าให้ได้พบเจอะเจออีกเลย นะ”
นั่นเอง มันเหมือนกับว่าเป็นการระบายคำพูดออกมามากกว่าจากปากของฝ้ายนิล
เพราะหล่อนก็จงใจที่จะเน้นในประโยคที่บอกว่า หล่อนเกลียดผู้ชายมากที่สุด
เหมือนทำท่าขยะแขยงรังเกียจปานนั้น
และทำให้ปวีณาเพื่อนรักนั้นก็รับรู้อย่างดีกับอารมณ์ของเพื่อน ที่แอนตี้ในเรื่องนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ฝ้ายนิล จึงยังครองตัวอยู่ในสมาคมสาวโสดแห่งคานทองนิเวศน์
และเพราะด้วยน้ำเสียงของฝ้ายนิลที่ค่อนข้างดูจะจริงจังมากไปหน่อย
เมื่อปวีณารับฟังถ้อยคำนี้แล้ว เธอก็หวนมาคิดถึงตัวเองบ้าง
เพราะเธอมีแฟนหนุ่มแล้วที่คบหากันมานาน ไม่ได้เป็นอย่างฝ้ายนิลที่ครองตัวเป็นสาวโสด
แต่นั่นเธอคิดว่า เธอเลือกด้วยหัวใจของเธอต่างหาก
และมันผิดด้วยหรือสำหรับความรักนี่
เพราะคิดว่าคนที่จะรักกัน?
ต่างมั่นใจในกันและกัน
เมื่อถามคำนี้ ป้อนให้แก่ใจตนเองเต็มที่แล้ว
ฝ่ายปวีณาก็กลับรู้สึกนิ่งงัน ในความจริงกับการแสดงออก
และถ้าจะให้เอ่ยปากกล้าพูดตรงๆเหมือนอย่างฝ้ายนิลนั้น
เธอคงไม่กล้าขนาดนั้นหรอก
ฝ้ายนิลนั้นขวานผ่าซาก และกล้าหาญเด็ดเดี่ยว
หากกระนั้น เธอก็ไม่อยากเอาเวลาไปใส่ใจในเรื่องส่วนตัวของฝ้ายนิลมากเกินไปนัก
บางครั้งฝ้ายนิลแรงสุดเหวี่ยง อาจจะมีบางคนที่มองพวกหล่อน ไปในเชิงที่ไม่สร้างสรรค์
เพราะสนิทสนมกลมเกลียวกัน และแทบจะไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้ง ที่คนทั่วไปเห็น
แต่ฝ้ายนิลไม่สนใจ
“ก็ช่างมันสิ เพราะพวกเราเจอะเจอแต่พวกที่สมองไร้ความคิด ชอบดูถูกต่อว่า คนอื่นว่าเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ และถ้าเราไม่ได้เป็นไปอย่างนั้นจริง เราก็ไม่ควรจะไปเดือดร้อนกับมันหรอกมอส”
หากคำพูดที่แบบขวานผ่าซากของฝ้ายนิล
ทำให้ปวีณาทั้งทึ่งแล้วก็อึ้ง
กับความเป็นสาวแกร่งไม่แคร์ไม่สนโลก